Estrogen withdrawal bleeding
เกิดจากการขาด หรือลดลงของเอสโตรเจนที่มากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูก ในกรณีที่ได้รับเอสโตรเจนอยู่ก่อน เช่น การตัดรังไข่ออกในช่วง follicular phase , การหยุดให้เอสโตรเจนในผู้ป่วยวัยทอง หรือการเกิด Midcycle bleeding หลังตกไข่ โดยสามารถทำให้เลือดหยุดได้โดยการให้เอสโตรเจน
- Estrogen breakthrough bleeding
เกิดจากการที่ระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่ภายในร่างกายระดับหนึ่ง แต่ไม่เพียงพอต่อการรักษาความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ทำให้เกิดเป็นเลือดออกผิดปกติ โดยปริมาณเลือดที่ออกจะสัมพันธ์กับระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่ คือ ในกรณีที่มีเอสโตรเจนในระดับต่ำ จะก่อให้เกิดเลือดออกทีละเล็กน้อย กระปิดกระปอย เป็นระยะเวลานาน แต่ถ้าเกิดในกรณีที่มีระดับเอสโตรเจนสูง มักจะทำให้มีการขาดของประจำเดือนไประยะเวลาหนึ่งแล้วตามด้วยการมีเลือดออกปริมาณมาก
- Progesterone withdrawal bleeding
เกิดจากการขาดโปรเจสเตอโรนของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ได้รับการกระตุ้นด้วยเอสโตรเจน และควบคุมโดยโปรเจสเตอโรนมาก่อน ภาวะเลือดออกชนิดนี้สามารถหยุดได้เองคล้ายรอบเดือนปกติ และสามารถเลื่อนการเกิด Progesterone withdrawal bleeding ได้เมื่อให้เอสโตรเจนในระดับสูง 10-20 เท่า22
- Progesterone breakthrough bleeding
เกิดในกรณีที่อัตราส่วนของโปรเจสเตอโรนต่อเอสโตรเจนสูงมาก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อ เช่นที่พบในผู้ที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีแต่โปรเจสเตอโรน ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีด(DMPA) แบบฝัง (Progestin implant) หรือในผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมที่มีโปรเจสเตอโรนเป็นองค์ประกอบหลัก
Anovulatory bleeding
เนื่องจากไม่มีการตกไข่เกิดขึ้น ไม่มีการสร้างคอร์ปัสลูเตียม รังไข่จึงอยู่ใน follicular phase ทำให้มีการสร้างเอสโตรเจนมากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้อยู่ใน proliferative phase ตลอดเวลา สาเหตุของเลือดออกผิดปกติจากการไม่ตกไข่จึงเกิดจาก Estrogen withdrawal และ Estrogen breakthrough bleeding
เมื่อไม่มีโปรเจสเตอโรนมาต้านฤทธิ์ เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนจะหนาตัวไปเรื่อย ๆ แต่มีลักษณะที่เปราะบาง มีหลอดเลือดขนาดเล็กที่มีโครงสร้างผิดปกติ 23,24 มีการหลุดลอกก่อให้เกิดเลือดออกเป็นหย่อม ๆ ตามมาด้วยการหลั่ง Lysosomal enzyme จากเซลล์รอบ ๆ ก่อให้เกิดเลือดออกผิดปกติที่มีปริมาณมาก และระยะเวลานาน เนื่องจากมีการหลุดลอกที่ตำแหน่งต่าง ๆ ไม่พร้อมกัน
ลักษณะเลือดออกผิดปกติสามารถอธิบายได้ดังนี้
- Oligomenorrhea : มีระยะห่างของรอบเดือนมากกว่า 35 วัน
- Polymenorrhea : มีระยะห่างของรอบเดือนน้อยกว่า 24 วัน
- Menorrhagia : มีรอบเดือนที่สม่ำเสมอ แต่มีปริมาณมากหรือนานกว่าปกติ
- Metrorrhagia : มีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ มีปริมาณมาก หรือนานกว่าปกติ
การวินิจฉัยแยกโรค
การจะวินิจฉัยว่าภาวะเลือดประจำเดือนออกผิดปกตินั้นเกิดจากการไม่ตกไข่จำเป็นจะต้องอาศัยการแยกโรคอื่น ๆ ออกไปก่อน โรคที่สำคัญนั้นได้แก่
- การตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก , ภาวะแทงค์คุกคาม , แทงค์ค้าง
- เลือดออกผิดปกติจากการได้รับยาฮอร์โมนต่าง ๆ
- เนื้องอกชนิดต่าง ๆ ของอวัยวะสืบพันธุ์
- ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ซึ่งอาจจะพบเพียงเลือดประจำเดือนที่ผิดปกติในระยะแรก25
- ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด26-31 หรือการได้รับยาละลายลิ่มเลือด 32
- การใช้ยาชนิดต่าง ๆ เช่น Glucocorticoid , Tamoxifen , ยาสมุนไพรบางชนิด33
- โรคของระบบอื่น ๆ เช่น ภาวะไตวาย ตับวาย
การประเมินภาวะเลือดออกผิดปกติ
การซักประวัติ
การซักประวัติประจำเดือนอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแยกภาวะไม่ตกไข่ออกจากสาเหตุอื่น ประวัติที่สำคัญได้แก่ ระยะห่างของรอบเดือน ปริมาณ จำนวนวันที่มีรอบเดือน อาการก่อนมีรอบเดือน จุดเริ่มต้นที่มีรอบเดือนผิดปกติ โรคประจำตัว และการใช้ยาต่าง ๆ
การตรวจร่างกาย
เพื่อประเมินหาลักษณะที่สัมพันธ์กับการไม่ตกไข่ เช่น ขนดก สิว ผิวมัน น้ำนมไหลผิดปกติ , ตรวจหารอยโรคอื่น ๆ ที่สามารถมองเห็นได้ ตรวจดูขนาด/ลักษณะของมดลูก รวมทั้งตรวจหาอาการแสดงของโรคทางระบบอื่น ๆ เช่น โรคของต่อมไทรอยด์
โดยทั่วไปแล้วในผู้ป่วยที่มีเลือดออกผิดปกติจากการไม่ตกไข่สามารถที่จะให้การวินิจฉัยและการรักษาได้เลย โดยไม่ต้องทำการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจทางห้องปฏิบิติการ ได้แก่
- Pregnancy test เพื่อแยกสาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของการตั้งครรภ์ออกไป
- Complete blood count เพื่อประเมินภาวะซีด ปริมาณเกล็ดเลือด
- Serum progesterone สามารถช่วยบอกได้ว่ามีการตกไข่เกิดขึ้นในกรณีที่ระดับ มากกว่า 3 ng/mL34
- Thyroid stimulating hormone (TSH) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
- Coagulogram28,35 โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีประวัติในอดีต หรือประวัติครอบครัว , ผู้ป่วยที่มีเลือดประจำเดือนออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ
- Ristocetin cofactor assay 35-37 เพื่อตรวจหาภาวะ von Willebrand’s disease
- Liver and Renal function ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ/ไต
- การตรวจทางพยาธิวิทยาของเยื่อบุโพรงมดลูกจากการขูดมดลูก เพื่อแยกภาวะ Endometrial hyperplasia/cancer โดยเฉพาะในรายที่อายุมาก
- ก
เลือดออกถอนสโตรเจน
เกิดจากการขาดหรือลดลงของ เอสโตรเจนที่มากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกในกรณีที่ได้รับเอสโตรเจนอยู่ก่อนเช่นการตัดรังไข่ออกในช่วง ระยะ follicular, การหยุดให้เอส โตรเจนในผู้ป่วยวัยทอง หรือการเกิด เลือดออก midcycle หลังตกไข่โดยสามารถทำให้เลือดหยุด ได้โดยการให้เอสโตรเจน
- การพัฒนาสโตรเจนมีเลือดออก
เกิดจากการที่ระดับเอสโต รเจนที่มีอยู่ภายในร่างกายระดับ หนึ่ง แต่ไม่เพียงพอต่อการรักษาความ หนาของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ทำให้เกิดเป็นเลือดออกผิดปกติโดยปริมาณเลือดที่ออกจะสัมพันธ์กับระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่คือในกรณีที่ มีเอสโตรเจนในระดับ ต่ำจะก่อให้เกิดเลือดออกทีละเล็กน้อยกระปิดกระปอยเป็นระยะเวลานาน แต่ถ้าเกิดในกรณีที่มีระดับเอสโตรเจนสูงมักจะทำให้มีการขาดของประจำเดือนไประยะ เวลาหนึ่งแล้วตามด้วยการมีเลือด ออกปริมาณมาก
- มีเลือดออกถอน Progesterone
เกิดจากการขาดโปรเจสเต อโรนของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ได้รับการกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนและควบคุมโดยโปรเจสเตอ โรนมาก่อนภาวะเลือดออกชนิด นี้สามารถหยุดได้เองคล้ายรอบเดือนปกติและสามารถเลื่อนการเกิด เลือดออก Progesterone ถอนได้เมื่อให้เอสโตรเจน ในระดับสูง 10-20 เท่า 22
- ความก้าวหน้า Progesterone เลือดออก
เกิดในกรณีที่อัตราส่วน ของโปรเจสเตอโรน ต่อเอสโตรเจนสูงมากทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อเช่นที่พบในผู้ที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มี แต่โปรเจสเตอโรนผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีด (DMPA) แบบฝัง (progestin เทียม) หรือในผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดแบบ ฮอร์โมนรวมที่มีโปรเจสเตอโรนเป็นองค์ประกอบหลัก
เม็ดเลือดออก
เนื่องจากไม่มีการตกไข่เกิดขึ้นไม่มี การสร้างคอร์ปัสลูเตียม รังไข่จึงอยู่ในขั้นตอนการ follicular ทำให้มีการสร้างเอสโตร เจนมากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้อยู่ใน ระยะการเจริญตลอดเวลาสาเหตุของเลือดออกผิดปกติ จากการไม่ตกไข่จึงเกิดจาก ฮอร์โมนถอนและสโตรเจนที่ประสบความสำเร็จมีเลือดออก
เมื่อไม่มี โปรเจสเตอโรนมา ต้านฤทธิ์เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนจะหนาตัวไปเรื่อย ๆ แต่มีลักษณะที่เปราะบางมีหลอดเลือดขนาดเล็กที่มีโครงสร้างผิดปกติ 23,24 มีการหลุด ลอกก่อให้เกิดเลือดออกเป็นหย่อม ๆ ตามมาด้วยการหลั่ง Lysosomal เอนไซม์จากเนชั่เซลล์รอบ ๆ ก่อให้เกิดเลือดออกผิดปกติที่มีปริมาณมากและระยะเวลานานเนื่องจากมีหัวเรื่อง: การเรียกเข้าฟรีลอกที่ตำแหน่งสมัครต่าง ๆ ไม่พร้อมกัน
ลักษณะเลือดออก ผิดปกติสามารถอธิบายได้ดังนี้
- oligomenorrhea: มีระยะห่างของรอบเดือนมากกว่า 35 วัน
- Polymenorrhea: มีระยะห่างของรอบเดือนน้อยกว่า 24 วัน
- menorrhagia: มีรอบเดือนที่สม่ำเสมอ แต่มีปริมาณ มากหรือนานกว่าปกติ
- Metrorrhagia: มีรอบเดือนระเบียนที่ไม่สม่ำเสมอมีปริมาณมากหรือนานกว่าปกติ
หัวเรื่อง: การวินิจฉัยแยกโรค
หัวเรื่อง: การจะวินิจฉัยว่าได้ภาวะเลือดประจำเดือนออกผิดปกตินั้นเกิดจากเนชั่หัวเรื่อง: การไม่ตกไข่จำเป็นจะคุณต้องอาศัยหัวเรื่อง: การแยกโรคอื่น ๆ ออกไปก่อนโรคที่สำคัญนั้น ได้แก่
- การตั้งครรภ์ที่ผิดปกติเช่นการ ตั้งครรภ์นอกมดลูก , ภาวะแทงค์คุกคาม, แทงค์ค้าง
- เลือดออกผิดปกติจากการได้รับ ยาฮอร์โมนต่าง ๆ
- เนื้องอกชนิดต่าง ๆ ของอวัยวะสืบพันธุ์
- ความผิดปกติของต่อ มไทรอยด์ซึ่งอาจจะพบเพียงเลือด ประจำเดือนที่ผิดปกติในระยะแรก 25
- ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด 26-31 หรือการได้รับยาละลายลิ่มเลือด 32
- การใช้ยาชนิดต่าง ๆ เช่น Glucocorticoid, Tamoxifen, ยา สมุนไพรบางชนิด 33
- โรคของระบบผู้ซื้อสินค้าอื่น ๆ เช่นภาวะไตวายตับวาย
หัวเรื่อง: การประเมินภาวะเลือดออกผิดปกติ
หัวเรื่อง: การซักประวัติ
หัวเรื่อง: การซักประวัติประจำเดือนอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การแยกภาวะไม่ตกไข่ออกจากเนชั่สาเหตุอื่นประวัติที่ สำคัญ ได้แก่ ระยะห่างของรอบเดือนระเบียนปริมาณจำนวนการธนาคารวันที่มีรอบเดือนระเบียนอาการก่อนมีรอบเดือนระเบียนจุดเริ่มคุณต้นที่มีรอบเดือนระเบียนผิดปกติโรคประจำตัวและหัวเรื่อง: การใช้ยาต่าง ๆ
หัวเรื่อง: การตรวจร่างกาย
เพื่อประเมินหาลักษณะที่สัมพันธ์กับหัวเรื่อง: การไม่ตกไข่เช่น ขนดกสิวผิวมันน้ำนมไหล ผิดปกติ , ตรวจหารอยโรคอื่น ๆ ที่สามารถ มองเห็นได้ตรวจดูขนาด / ลักษณะของมดลูกรวมทั้งตรวจหาอาการสำคัญแสดงของโรคทางระบบผู้ซื้อสินค้าอื่น ๆ เช่นโรคของต่อมไทรอยด์
โดยทั่วไปการแล้ว ในห้างหุ้นส่วนจำกัดคุณผู้ป่วยที่มีเลือดออกผิดปกติจากเนชั่หัวเรื่อง: การไม่ตกไข่ด้านที่จะให้หัวเรื่อง: การวินิจฉัยและหัวเรื่อง: การรักษาได้เลยโดยไม่คุณต้องทำการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ
หัวเรื่อง: การตรวจทางห้องปฏิบิติหัวเรื่อง: การ ได้แก่
- ทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อแยกสาเหตุที่ เกิดจากความผิดปกติของการตั้ง ครรภ์ออกไป
- สมบูรณ์เลือดนับเพื่อประเมินภาวะซีดปริมาณเกล็ดเลือด
- ฮอร์โมนเซรั่มสามารถช่วยบอกได้ว่ามีการตก ไข่เกิดขึ้นในกรณีที่ระดับมากกว่า 3 ng / mL34
- ต่อมไทรอยด์ฮอร์โมนกระตุ้น ( TSH) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของต่อม ไทรอยด์
- Coagulogram28,35 โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีประวัติ ในอดีตหรือประวัติครอบครัว , ผู้ป่วยที่มีเลือดประจำเดือนออกมาก โดยไม่ทราบสาเหตุ
- Ristocetin ปัจจัยการทดสอบ 35-37 เพื่อตรวจ โรคหาภาวะฟอน Willebrand ของ
- ตับและฟังก์ชั่นการทำงานของไตในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ / ไต
- การตรวจทางพยาธิวิทยาของเยื่อบุ โพรงมดลูกจากการขูดมดลูกเพื่อแยกภาวะ เยื่อบุโพรงมดลูก hyperplasia / โรคมะเร็งโดยเฉพาะในรายที่อายุมาก
- ก
การแปล กรุณารอสักครู่..