Estrogen withdrawal bleeding เกิดจากการขาด หรือลดลงของเอสโตรเจนที่มากร การแปล - Estrogen withdrawal bleeding เกิดจากการขาด หรือลดลงของเอสโตรเจนที่มากร ไทย วิธีการพูด

Estrogen withdrawal bleeding เกิดจา

Estrogen withdrawal bleeding

เกิดจากการขาด หรือลดลงของเอสโตรเจนที่มากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูก ในกรณีที่ได้รับเอสโตรเจนอยู่ก่อน เช่น การตัดรังไข่ออกในช่วง follicular phase , การหยุดให้เอสโตรเจนในผู้ป่วยวัยทอง หรือการเกิด Midcycle bleeding หลังตกไข่ โดยสามารถทำให้เลือดหยุดได้โดยการให้เอสโตรเจน

- Estrogen breakthrough bleeding

เกิดจากการที่ระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่ภายในร่างกายระดับหนึ่ง แต่ไม่เพียงพอต่อการรักษาความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ทำให้เกิดเป็นเลือดออกผิดปกติ โดยปริมาณเลือดที่ออกจะสัมพันธ์กับระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่ คือ ในกรณีที่มีเอสโตรเจนในระดับต่ำ จะก่อให้เกิดเลือดออกทีละเล็กน้อย กระปิดกระปอย เป็นระยะเวลานาน แต่ถ้าเกิดในกรณีที่มีระดับเอสโตรเจนสูง มักจะทำให้มีการขาดของประจำเดือนไประยะเวลาหนึ่งแล้วตามด้วยการมีเลือดออกปริมาณมาก

- Progesterone withdrawal bleeding

เกิดจากการขาดโปรเจสเตอโรนของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ได้รับการกระตุ้นด้วยเอสโตรเจน และควบคุมโดยโปรเจสเตอโรนมาก่อน ภาวะเลือดออกชนิดนี้สามารถหยุดได้เองคล้ายรอบเดือนปกติ และสามารถเลื่อนการเกิด Progesterone withdrawal bleeding ได้เมื่อให้เอสโตรเจนในระดับสูง 10-20 เท่า22

- Progesterone breakthrough bleeding

เกิดในกรณีที่อัตราส่วนของโปรเจสเตอโรนต่อเอสโตรเจนสูงมาก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อ เช่นที่พบในผู้ที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีแต่โปรเจสเตอโรน ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีด(DMPA) แบบฝัง (Progestin implant) หรือในผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมที่มีโปรเจสเตอโรนเป็นองค์ประกอบหลัก



Anovulatory bleeding

เนื่องจากไม่มีการตกไข่เกิดขึ้น ไม่มีการสร้างคอร์ปัสลูเตียม รังไข่จึงอยู่ใน follicular phase ทำให้มีการสร้างเอสโตรเจนมากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้อยู่ใน proliferative phase ตลอดเวลา สาเหตุของเลือดออกผิดปกติจากการไม่ตกไข่จึงเกิดจาก Estrogen withdrawal และ Estrogen breakthrough bleeding

เมื่อไม่มีโปรเจสเตอโรนมาต้านฤทธิ์ เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนจะหนาตัวไปเรื่อย ๆ แต่มีลักษณะที่เปราะบาง มีหลอดเลือดขนาดเล็กที่มีโครงสร้างผิดปกติ 23,24 มีการหลุดลอกก่อให้เกิดเลือดออกเป็นหย่อม ๆ ตามมาด้วยการหลั่ง Lysosomal enzyme จากเซลล์รอบ ๆ ก่อให้เกิดเลือดออกผิดปกติที่มีปริมาณมาก และระยะเวลานาน เนื่องจากมีการหลุดลอกที่ตำแหน่งต่าง ๆ ไม่พร้อมกัน

ลักษณะเลือดออกผิดปกติสามารถอธิบายได้ดังนี้

- Oligomenorrhea : มีระยะห่างของรอบเดือนมากกว่า 35 วัน

- Polymenorrhea : มีระยะห่างของรอบเดือนน้อยกว่า 24 วัน

- Menorrhagia : มีรอบเดือนที่สม่ำเสมอ แต่มีปริมาณมากหรือนานกว่าปกติ

- Metrorrhagia : มีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ มีปริมาณมาก หรือนานกว่าปกติ



การวินิจฉัยแยกโรค

การจะวินิจฉัยว่าภาวะเลือดประจำเดือนออกผิดปกตินั้นเกิดจากการไม่ตกไข่จำเป็นจะต้องอาศัยการแยกโรคอื่น ๆ ออกไปก่อน โรคที่สำคัญนั้นได้แก่

- การตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก , ภาวะแทงค์คุกคาม , แทงค์ค้าง

- เลือดออกผิดปกติจากการได้รับยาฮอร์โมนต่าง ๆ

- เนื้องอกชนิดต่าง ๆ ของอวัยวะสืบพันธุ์

- ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ซึ่งอาจจะพบเพียงเลือดประจำเดือนที่ผิดปกติในระยะแรก25

- ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด26-31 หรือการได้รับยาละลายลิ่มเลือด 32

- การใช้ยาชนิดต่าง ๆ เช่น Glucocorticoid , Tamoxifen , ยาสมุนไพรบางชนิด33

- โรคของระบบอื่น ๆ เช่น ภาวะไตวาย ตับวาย



การประเมินภาวะเลือดออกผิดปกติ

การซักประวัติ

การซักประวัติประจำเดือนอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแยกภาวะไม่ตกไข่ออกจากสาเหตุอื่น ประวัติที่สำคัญได้แก่ ระยะห่างของรอบเดือน ปริมาณ จำนวนวันที่มีรอบเดือน อาการก่อนมีรอบเดือน จุดเริ่มต้นที่มีรอบเดือนผิดปกติ โรคประจำตัว และการใช้ยาต่าง ๆ



การตรวจร่างกาย

เพื่อประเมินหาลักษณะที่สัมพันธ์กับการไม่ตกไข่ เช่น ขนดก สิว ผิวมัน น้ำนมไหลผิดปกติ , ตรวจหารอยโรคอื่น ๆ ที่สามารถมองเห็นได้ ตรวจดูขนาด/ลักษณะของมดลูก รวมทั้งตรวจหาอาการแสดงของโรคทางระบบอื่น ๆ เช่น โรคของต่อมไทรอยด์



โดยทั่วไปแล้วในผู้ป่วยที่มีเลือดออกผิดปกติจากการไม่ตกไข่สามารถที่จะให้การวินิจฉัยและการรักษาได้เลย โดยไม่ต้องทำการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ



การตรวจทางห้องปฏิบิติการ ได้แก่

- Pregnancy test เพื่อแยกสาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของการตั้งครรภ์ออกไป

- Complete blood count เพื่อประเมินภาวะซีด ปริมาณเกล็ดเลือด

- Serum progesterone สามารถช่วยบอกได้ว่ามีการตกไข่เกิดขึ้นในกรณีที่ระดับ มากกว่า 3 ng/mL34

- Thyroid stimulating hormone (TSH) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของต่อมไทรอยด์

- Coagulogram28,35 โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีประวัติในอดีต หรือประวัติครอบครัว , ผู้ป่วยที่มีเลือดประจำเดือนออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ

- Ristocetin cofactor assay 35-37 เพื่อตรวจหาภาวะ von Willebrand’s disease

- Liver and Renal function ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ/ไต

- การตรวจทางพยาธิวิทยาของเยื่อบุโพรงมดลูกจากการขูดมดลูก เพื่อแยกภาวะ Endometrial hyperplasia/cancer โดยเฉพาะในรายที่อายุมาก

- ก
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
สโตรเจนถอนเลือด เกิดจากการขาดหรือลดลงของเอสโตรเจนที่มากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกในกรณีที่ได้รับเอสโตรเจนอยู่ก่อนเช่นการตัดรังไข่ออกในช่วงธาตุ การหยุดให้เอสโตรเจนในผู้ป่วยวัยทองหรือการเกิด Midcycle มีเลือดออกหลังตกไข่โดยสามารถทำให้เลือดหยุดได้โดยการให้เอสโตรเจน -สโตรเจนก้าวหน้าเลือด เกิดจากการที่ระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่ภายในร่างกายระดับหนึ่งแต่ไม่เพียงพอต่อการรักษาความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ทำให้เกิดเป็นเลือดออกผิดปกติโดยปริมาณเลือดที่ออกจะสัมพันธ์กับระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่คือในกรณีที่มีเอสโตรเจนในระดับต่ำจะก่อให้เกิดเลือดออกทีละเล็กน้อยกระปิดกระปอยเป็นระยะเวลานานแต่ถ้าเกิดในกรณีที่มีระดับเอสโตรเจนสูงมักจะทำให้มีการขาดของประจำเดือนไประยะเวลาหนึ่งแล้วตามด้วยการมีเลือดออกปริมาณมาก -ฮอร์โมนเลือดถอน เกิดจากการขาดโปรเจสเตอโรนของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ได้รับการกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนและควบคุมโดยโปรเจสเตอโรนมาก่อนภาวะเลือดออกชนิดนี้สามารถหยุดได้เองคล้ายรอบเดือนปกติและสามารถเลื่อนการเกิดกระเทือนถอนเลือดได้เมื่อให้เอสโตรเจนในระดับสูง เท่า22 10-20 -ฮอร์โมนก้าวหน้าเลือด เกิดในกรณีที่อัตราส่วนของโปรเจสเตอโรนต่อเอสโตรเจนสูงมากทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อเช่นที่พบในผู้ที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีแต่โปรเจสเตอโรน ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีด(DMPA) หรือในผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมที่มีโปรเจสเตอโรนเป็นองค์ประกอบหลักแบบฝัง (โปรเจสตินที่เทียม) เลือด anovulatory เนื่องจากไม่มีการตกไข่เกิดขึ้นไม่มีการสร้างคอร์ปัสลูเตียมรังไข่จึงอยู่ในธาตุทำให้มีการสร้างเอสโตรเจนมากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้อยู่ในระยะ proliferative ตลอดเวลาสาเหตุของเลือดออกผิดปกติจากการไม่ตกไข่จึงเกิดจากสโตรเจนถอนและสโตรเจนก้าวหน้าเลือด เมื่อไม่มีโปรเจสเตอโรนมาต้านฤทธิ์เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนจะหนาตัวไปเรื่อยๆ แต่มีลักษณะที่เปราะบางมีหลอดเลือดขนาดเล็กที่มีโครงสร้างผิดปกติ 23,24 มีการหลุดลอกก่อให้เกิดเลือดออกเป็นหย่อมๆ ตามมาด้วยการหลั่งเอนไซม์ Lysosomal จากเซลล์รอบๆ ก่อให้เกิดเลือดออกผิดปกติที่มีปริมาณมากและระยะเวลานานเนื่องจากมีการหลุดลอกที่ตำแหน่งต่างๆ ไม่พร้อมกัน ลักษณะเลือดออกผิดปกติสามารถอธิบายได้ดังนี้ -Oligomenorrhea: มีระยะห่างของรอบเดือนมากกว่า 35 วัน -Polymenorrhea: วันมีระยะห่างของรอบเดือนน้อยกว่า 24 -Menorrhagia: มีรอบเดือนที่สม่ำเสมอแต่มีปริมาณมากหรือนานกว่าปกติ -Metrorrhagia: มีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอมีปริมาณมากหรือนานกว่าปกติ การวินิจฉัยแยกโรค การจะวินิจฉัยว่าภาวะเลือดประจำเดือนออกผิดปกตินั้นเกิดจากการไม่ตกไข่จำเป็นจะต้องอาศัยการแยกโรคอื่นๆ ออกไปก่อนโรคที่สำคัญนั้นได้แก่ -การตั้งครรภ์ที่ผิดปกติเช่นการตั้งครรภ์นอกมดลูก ภาวะแทงค์คุกคาม แทงค์ค้าง -เลือดออกผิดปกติจากการได้รับยาฮอร์โมนต่างๆ -เนื้องอกชนิดต่างๆ ของอวัยวะสืบพันธุ์ -ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ซึ่งอาจจะพบเพียงเลือดประจำเดือนที่ผิดปกติในระยะแรก25 -หรือการได้รับยาละลายลิ่มเลือด ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด26-31 32 -การใช้ยาชนิดต่างๆ เช่น Glucocorticoid, Tamoxifen, ยาสมุนไพรบางชนิด33 -โรคของระบบอื่นๆ เช่นภาวะไตวายตับวาย การประเมินภาวะเลือดออกผิดปกติ การซักประวัติ การซักประวัติประจำเดือนอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแยกภาวะไม่ตกไข่ออกจากสาเหตุอื่นประวัติที่สำคัญได้แก่ระยะห่างของรอบเดือนปริมาณจำนวนวันที่มีรอบเดือนอาการก่อนมีรอบเดือนจุดเริ่มต้นที่มีรอบเดือนผิดปกติโรคประจำตัวและการใช้ยาต่างๆ การตรวจร่างกาย ตรวจหารอยโรคอื่นๆ ที่สามารถมองเห็นได้รวมทั้งตรวจหาอาการแสดงของโรคทางระบบอื่นตรวจดูขนาด/ลักษณะของมดลูกๆ เช่นโรคของต่อมไทรอยด์ เพื่อประเมินหาลักษณะที่สัมพันธ์กับการไม่ตกไข่เช่นขนดกสิวผิวมันน้ำนมไหลผิดปกติ โดยทั่วไปแล้วในผู้ป่วยที่มีเลือดออกผิดปกติจากการไม่ตกไข่สามารถที่จะให้การวินิจฉัยและการรักษาได้เลยโดยไม่ต้องทำการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ การตรวจทางห้องปฏิบิติการได้แก่ -ทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อแยกสาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของการตั้งครรภ์ออกไป -ตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์เพื่อประเมินภาวะซีดปริมาณเกล็ดเลือด -เซรั่มฮอร์โมนสามารถช่วยบอกได้ว่ามีการตกไข่เกิดขึ้นในกรณีที่ระดับมากกว่า 3 ฉบับ/mL34 -ต่อมไทรอยด์กระตุ้นฮอร์โมน (TSH) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ -Coagulogram28 โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีประวัติในอดีตหรือประวัติครอบครัว ผู้ป่วยที่มีเลือดประจำเดือนออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ 35 -ปัจจัย Ristocetin assay 35-37 เพื่อตรวจหาภาวะ von Willebrand โรค -ตับและไตในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ/ไต -โดยเฉพาะในรายที่อายุมากการตรวจทางพยาธิวิทยาของเยื่อบุโพรงมดลูกจากการขูดมดลูกเพื่อแยกภาวะโรคบ่อย -ก
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
เลือดออกถอนสโตรเจน

เกิดจากการขาดหรือลดลงของ เอสโตรเจนที่มากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกในกรณีที่ได้รับเอสโตรเจนอยู่ก่อนเช่นการตัดรังไข่ออกในช่วง ระยะ follicular, การหยุดให้เอส โตรเจนในผู้ป่วยวัยทอง หรือการเกิด เลือดออก midcycle หลังตกไข่โดยสามารถทำให้เลือดหยุด ได้โดยการให้เอสโตรเจน

- การพัฒนาสโตรเจนมีเลือดออก

เกิดจากการที่ระดับเอสโต รเจนที่มีอยู่ภายในร่างกายระดับ หนึ่ง แต่ไม่เพียงพอต่อการรักษาความ หนาของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ทำให้เกิดเป็นเลือดออกผิดปกติโดยปริมาณเลือดที่ออกจะสัมพันธ์กับระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่คือในกรณีที่ มีเอสโตรเจนในระดับ ต่ำจะก่อให้เกิดเลือดออกทีละเล็กน้อยกระปิดกระปอยเป็นระยะเวลานาน แต่ถ้าเกิดในกรณีที่มีระดับเอสโตรเจนสูงมักจะทำให้มีการขาดของประจำเดือนไประยะ เวลาหนึ่งแล้วตามด้วยการมีเลือด ออกปริมาณมาก

- มีเลือดออกถอน Progesterone

เกิดจากการขาดโปรเจสเต อโรนของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ได้รับการกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนและควบคุมโดยโปรเจสเตอ โรนมาก่อนภาวะเลือดออกชนิด นี้สามารถหยุดได้เองคล้ายรอบเดือนปกติและสามารถเลื่อนการเกิด เลือดออก Progesterone ถอนได้เมื่อให้เอสโตรเจน ในระดับสูง 10-20 เท่า 22

- ความก้าวหน้า Progesterone เลือดออก

เกิดในกรณีที่อัตราส่วน ของโปรเจสเตอโรน ต่อเอสโตรเจนสูงมากทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อเช่นที่พบในผู้ที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มี แต่โปรเจสเตอโรนผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีด (DMPA) แบบฝัง (progestin เทียม) หรือในผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดแบบ ฮอร์โมนรวมที่มีโปรเจสเตอโรนเป็นองค์ประกอบหลัก



เม็ดเลือดออก

เนื่องจากไม่มีการตกไข่เกิดขึ้นไม่มี การสร้างคอร์ปัสลูเตียม รังไข่จึงอยู่ในขั้นตอนการ follicular ทำให้มีการสร้างเอสโตร เจนมากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้อยู่ใน ระยะการเจริญตลอดเวลาสาเหตุของเลือดออกผิดปกติ จากการไม่ตกไข่จึงเกิดจาก ฮอร์โมนถอนและสโตรเจนที่ประสบความสำเร็จมีเลือดออก

เมื่อไม่มี โปรเจสเตอโรนมา ต้านฤทธิ์เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนจะหนาตัวไปเรื่อย ๆ แต่มีลักษณะที่เปราะบางมีหลอดเลือดขนาดเล็กที่มีโครงสร้างผิดปกติ 23,24 มีการหลุด ลอกก่อให้เกิดเลือดออกเป็นหย่อม ๆ ตามมาด้วยการหลั่ง Lysosomal เอนไซม์จากเนชั่เซลล์รอบ ๆ ก่อให้เกิดเลือดออกผิดปกติที่มีปริมาณมากและระยะเวลานานเนื่องจากมีหัวเรื่อง: การเรียกเข้าฟรีลอกที่ตำแหน่งสมัครต่าง ๆ ไม่พร้อมกัน

ลักษณะเลือดออก ผิดปกติสามารถอธิบายได้ดังนี้

- oligomenorrhea: มีระยะห่างของรอบเดือนมากกว่า 35 วัน

- Polymenorrhea: มีระยะห่างของรอบเดือนน้อยกว่า 24 วัน

- menorrhagia: มีรอบเดือนที่สม่ำเสมอ แต่มีปริมาณ มากหรือนานกว่าปกติ

- Metrorrhagia: มีรอบเดือนระเบียนที่ไม่สม่ำเสมอมีปริมาณมากหรือนานกว่าปกติ



หัวเรื่อง: การวินิจฉัยแยกโรค

หัวเรื่อง: การจะวินิจฉัยว่าได้ภาวะเลือดประจำเดือนออกผิดปกตินั้นเกิดจากเนชั่หัวเรื่อง: การไม่ตกไข่จำเป็นจะคุณต้องอาศัยหัวเรื่อง: การแยกโรคอื่น ๆ ออกไปก่อนโรคที่สำคัญนั้น ได้แก่

- การตั้งครรภ์ที่ผิดปกติเช่นการ ตั้งครรภ์นอกมดลูก , ภาวะแทงค์คุกคาม, แทงค์ค้าง

- เลือดออกผิดปกติจากการได้รับ ยาฮอร์โมนต่าง ๆ

- เนื้องอกชนิดต่าง ๆ ของอวัยวะสืบพันธุ์

- ความผิดปกติของต่อ มไทรอยด์ซึ่งอาจจะพบเพียงเลือด ประจำเดือนที่ผิดปกติในระยะแรก 25

- ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด 26-31 หรือการได้รับยาละลายลิ่มเลือด 32

- การใช้ยาชนิดต่าง ๆ เช่น Glucocorticoid, Tamoxifen, ยา สมุนไพรบางชนิด 33

- โรคของระบบผู้ซื้อสินค้าอื่น ๆ เช่นภาวะไตวายตับวาย



หัวเรื่อง: การประเมินภาวะเลือดออกผิดปกติ

หัวเรื่อง: การซักประวัติ

หัวเรื่อง: การซักประวัติประจำเดือนอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การแยกภาวะไม่ตกไข่ออกจากเนชั่สาเหตุอื่นประวัติที่ สำคัญ ได้แก่ ระยะห่างของรอบเดือนระเบียนปริมาณจำนวนการธนาคารวันที่มีรอบเดือนระเบียนอาการก่อนมีรอบเดือนระเบียนจุดเริ่มคุณต้นที่มีรอบเดือนระเบียนผิดปกติโรคประจำตัวและหัวเรื่อง: การใช้ยาต่าง ๆ



หัวเรื่อง: การตรวจร่างกาย

เพื่อประเมินหาลักษณะที่สัมพันธ์กับหัวเรื่อง: การไม่ตกไข่เช่น ขนดกสิวผิวมันน้ำนมไหล ผิดปกติ , ตรวจหารอยโรคอื่น ๆ ที่สามารถ มองเห็นได้ตรวจดูขนาด / ลักษณะของมดลูกรวมทั้งตรวจหาอาการสำคัญแสดงของโรคทางระบบผู้ซื้อสินค้าอื่น ๆ เช่นโรคของต่อมไทรอยด์



โดยทั่วไปการแล้ว ในห้างหุ้นส่วนจำกัดคุณผู้ป่วยที่มีเลือดออกผิดปกติจากเนชั่หัวเรื่อง: การไม่ตกไข่ด้านที่จะให้หัวเรื่อง: การวินิจฉัยและหัวเรื่อง: การรักษาได้เลยโดยไม่คุณต้องทำการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ



หัวเรื่อง: การตรวจทางห้องปฏิบิติหัวเรื่อง: การ ได้แก่

- ทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อแยกสาเหตุที่ เกิดจากความผิดปกติของการตั้ง ครรภ์ออกไป

- สมบูรณ์เลือดนับเพื่อประเมินภาวะซีดปริมาณเกล็ดเลือด

- ฮอร์โมนเซรั่มสามารถช่วยบอกได้ว่ามีการตก ไข่เกิดขึ้นในกรณีที่ระดับมากกว่า 3 ng / mL34

- ต่อมไทรอยด์ฮอร์โมนกระตุ้น ( TSH) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของต่อม ไทรอยด์

- Coagulogram28,35 โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีประวัติ ในอดีตหรือประวัติครอบครัว , ผู้ป่วยที่มีเลือดประจำเดือนออกมาก โดยไม่ทราบสาเหตุ

- Ristocetin ปัจจัยการทดสอบ 35-37 เพื่อตรวจ โรคหาภาวะฟอน Willebrand ของ

- ตับและฟังก์ชั่นการทำงานของไตในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ / ไต

- การตรวจทางพยาธิวิทยาของเยื่อบุ โพรงมดลูกจากการขูดมดลูกเพื่อแยกภาวะ เยื่อบุโพรงมดลูก hyperplasia / โรคมะเร็งโดยเฉพาะในรายที่อายุมาก

- ก
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประชากรศาสตร์เกิดจากการขาดหรือลดลงของเอสโตรเจนที่มากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกในกรณีที่ได้รับเอสโตรเจนอยู่ก่อนเช่นการตัดรังไข่ออกในช่วงฟอลลิเคิลระยะการหยุดให้เอสโตรเจนในผู้ป่วยวัยทองหรือการเกิด midcycle หลังตกไข่โดยสามารถทำให้เลือดหยุดได้โดยการให้เอสโตรเจนเลือดออก ,- ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้เลือดออกเกิดจากการที่ระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่ภายในร่างกายระดับหนึ่งแต่ไม่เพียงพอต่อการรักษาความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นเรื่อยจะได้ทำให้เกิดเป็นเลือดออกผิดปกติโดยปริมาณเลือดที่ออกจะสัมพันธ์กับระดับเอสโตรเจนที่มีอยู่ความในกรณีที่มีเอสโตรเจนใน ระดับต่ำจะก่อให้เกิดเลือดออกทีละเล็กน้อยกระปิดกระปอยเป็นระยะเวลานานแต่ถ้าเกิดในกรณีที่มีระดับเอสโตรเจนสูงมักจะทำให้มีการขาดของประจำเดือนไประยะเวลาหนึ่งแล้วตามด้วยการมีเลือดออกปริมาณมาก- โปรเจสเตอโรน ชิเกลลาเกิดจากการขาดโปรเจสเตอโรนของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ได้รับการกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนและควบคุมโดยโปรเจสเตอโรนมาก่อนภาวะเลือดออกชนิดนี้สามารถหยุดได้เองคล้ายรอบเดือนปกติและสามารถเลื่อนการเกิด progesterone เลือดได้เมื่อให้เอสโตรเจนในระดับสูง 10-20 22 เท่าถอน- โปรเจสเตอโรน การมีเลือดออกเกิดในกรณีที่อัตราส่วนของโปรเจสเตอโรนต่อเอสโตรเจนสูงมากทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อเช่นที่พบในผู้ที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีแต่โปรเจสเตอโรนผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีด ( dmpa ( progestin ) แบบฝัง implant ) หรือในผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมที่มีโปรเจสเตอโรนเป็นองค์ประกอ บหลักanovulatory เลือดออกเนื่องจากไม่มีการตกไข่เกิดขึ้นไม่มีการสร้างคอร์ปัสลูเตียมรังไข่จึงอยู่ในฟอลลิเคิลระยะทำให้มีการสร้างเอสโตรเจนมากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้อยู่ใน proliferative ขั้นตอนการถอนการและตลอดเวลาสาเหตุของเลือดออกผิดปกติจากการไม่ตกไข่จึงเกิดจากฮอร์โมน estrogen เลือดออกเมื่อไม่มีโปรเจสเตอโรนมาต้านฤทธิ์เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนจะหนาตัวไปเรื่อยจะแต่มีลักษณะที่เปราะบางมีหลอดเลือดขนาดเล็กที่มีโครงสร้างผิดปกติ 23,24 มีการหลุดลอกก่อให้เกิดเลือดออกเป็นหย่อมจะตามมาด้วยการหลั่ง lysosomal จากเซลล์รอบก่ไม่มีเอนไซม์
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: