Prunus maritima (Beach Plum) is a s

Prunus maritima (Beach Plum) is a species of plum native to the East Coast of the United States, from Maine south to Maryland.[2][3] Although sometimes listed as extending to New Brunswick, the species is not known from collections there, and does not appear in the most authoritative works on the flora of that Canadian province.[4]

It is a deciduous shrub, in its natural sand dune habitat growing 1–2 m high, although it can grow larger, up to 4 m tall, when cultivated in gardens. The leaves are alternate, elliptical, 3–7 cm long and 2–4 cm broad, with a sharply serrated margin. They are colored green on top and pale below, becoming showy in the autumn. The flowers are 1-1.5 cm diameter, with five white petals and large yellow anthers. The fruit is an edible drupe 1.5–2 cm diameter in the wild plant.[5][6]

A plant with rounded leaves, of which only a single specimen has ever been found in the wild, has been described as Prunus maritima var. gravesii (Small) G.J.Anderson,[7] though its taxonomic status is questionable, and it may be better considered a cultivar Prunus maritima 'Gravesii'.[8] The original plant, found in Connecticut, died in about 2000, but it is maintained in cultivation from rooted cuttings.[7]

The plant is salt-tolerant and cold-hardy. It prefers the full sun and well-drained soil. It spreads roots by putting out suckers but in coarse soil puts down a tap root. In dunes it is often partly buried in drifting sand. It blooms in mid-May and June. The fruit ripens in August and early September.

The species is endangered in Maine, where it is in serious decline due to commercial development of its beach habitats.[5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นางกานน้ำเค็ม (หาดพลัม) เป็นพันธุ์พื้นเมืองชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา จากใต้เมนไปแมริแลนด์พลัม[2][3] แม้ว่าบางครั้งแสดงเป็นขยายการรัฐนิวบรันสวิก ชนิดไม่รู้จักจากคอลเลกชันมี และไม่ปรากฏในผลงานสุดบนดอกไม้ของจังหวัดที่แคนาดา[4]เป็นพุ่มไม้ผลัดใบ ในการอยู่อาศัยของธรรมชาติโขดเจริญเติบโตสูง 1 – 2 เมตรแม้ว่าจะสามารถเติบโตใหญ่ ขึ้นสูง 4 เมตรเมื่อปลูกในสวนได้ ใบไม้กำลังสำรอง รี 3-7 ซม.ยาวและกว้าง มีกำไร serrated อย่างรวดเร็ว 2-4 ซม. พวกเขามีสีเขียว อยู่ด้านบน และด้านล่าง ซีดเป็นฉูดฉาดในฤดูใบไม้ร่วง ดอกไม้ 1-1.5 ซม.เส้นผ่าศูนย์กลาง มีห้ากลีบสีขาวเหมือนสีเหลืองขนาดใหญ่ได้ ผลมีขนาด 1.5 – 2 ซม.การ drupe กินในพืชป่า[5][6]พืช มีใบมน ซึ่งตัวอย่างเดียวเท่านั้นเคยพบในป่า มีการอธิบายว่า นางกานน้ำเค็มเพียง gravesii G.J.Anderson,[7 (เล็ก)] แม้ว่าสถานะของอนุกรมวิธานเป็นอาจ และมันอาจจะดีกว่าถือเป็น cultivar นางกานน้ำเค็ม 'Gravesii'[8] เดิมโรงงาน พบในคอนเนตทิคัต ตายใน 2000 แต่มันไว้ในเพาะปลูกจากราก cuttings[7]เป็นพืชทน กับเกลือ และเย็น hardy มันชอบแดดเต็มและดินนยก มันแพร่กระจายราก โดยใส่ ออก suckers แต่ ในดินหยาบทำให้ลงรากเคาะ ในดันส์ มันบางส่วนมักจะฝังในทรายลอย มันบลูมส์ในกลางเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ผลไม้ ripens ในเดือนสิงหาคมและต้นเดือนกันยายนสายพันธุ์คือใกล้สูญพันธุ์ในเมน ที่มีการปฏิเสธอย่างจริงจังเนื่องจากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ของการอยู่อาศัยหาด[5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศาสนา maritima ชายหาด ( พลัม ) เป็นสายพันธุ์ของพลัมพื้นเมืองไปยังชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาจากเมนใต้แมรี่แลนด์ . [ 2 ] [ 3 ] แม้ว่าบางครั้งแสดงเป็นขยายใหม่บรุนซ์ชนิด ที่ไม่เป็นที่รู้จักจากคอลเลกชัน และไม่ปรากฏในงาน ที่มีอำนาจมากที่สุดในพืชของ ที่แคนาดาจังหวัด [ 4 ]

มันผลัดใบไม้พุ่มในทรายธรรมชาติเนินทรายที่อยู่อาศัยเติบโต 1 – 2 เมตรสูง แต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้ขนาดใหญ่ถึง 4 เมตรสูง เมื่อปลูกใน สวน ใบจะสลับ รูปไข่ 3 - 7 ซม. ยาว 2 – 4 ซม. กว้างกับขอบไม่หยัก พวกเขามีสีเขียวอยู่ด้านบน และด้านล่างเป็นซีด , ฉูดฉาดในฤดูใบไม้ร่วง ดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1.5 เซนติเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ มีสีขาว อับเรณูสีเหลืองขนาดใหญ่ผลไม้เป็นอาหารดรูป 1.5 – 2 ซม. ในพืชป่า . [ 5 ] [ 6 ]

เป็นพืชที่มีใบโค้งมน ซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างเดียวที่เคยเจอในป่า ได้ถูกอธิบายเป็นศาสนา maritima var gravesii ( เล็ก ) g.j.anderson [ 7 ] ถึงแม้ว่าทางสถานะ เป็นที่น่าสงสัย และอาจจะดีกว่าการพิจารณาพันธุ์ ศาสนา maritima ' gravesii ' [ 8 ] ต้นฉบับโรงงานพบใน Connecticut , ตายในประมาณ 2000 แต่ถูกเก็บรักษาในการเพาะปลูกจากรากกิ่ง . [ 7 ]

เป็นพืชทนเค็มและเย็น ฮาร์ดี้ มันชอบแสงแดดเต็มรูปแบบและเนื้อดิน มันแพร่กระจายรากโดยการวางออกหน่อ แต่หยาบ ใส่ลงในดินราก . ในเนินทรายมักจะเป็นส่วนหนึ่งที่ฝังอยู่ในทรายฟุ้ง . มันบานในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และมิถุนายนผลไม้สุกในเดือนสิงหาคมและต้นเดือนกันยายน .

ชนิดที่เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในรัฐเมน ซึ่งจะลดลงอย่างรุนแรงเนื่องจากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ของชายหาดที่อยู่อาศัย [ 5 ]