พัทลุงเมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พรา

พัทลุง
เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อนพัทลุง เมืองลุง หรือเมืองอกทะลุ คืออีกหนึ่งจังหวัดของภาคใต้ มีฐานะเป็นเมืองต้นกำเนิดศิลปะการแสดงที่ขึ้นชื่อ คือ มโนห์ราและหนังตะลุง ซึ่งตกทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภาคใต้มาเนิ่นนานนอกจากศิลปวัฒนธรรมชัดเจนของชาวใต้ที่ปรากฏในพัทลุงแล้ว แหล่งธรรมชาติสำคัญระดับประเทศ คือทะเลน้อย พื้นที่ชุ่มน้ำและทะเลสาบน้ำจืด อันเป็นแหล่งอาศัยของนกน้ำหลากหลายพันธุ์ ก็ตั้งอยู่ในจังหวัดนี้ ความสำคัญของทะเลน้อยคือส่วนหนึ่งของพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ คือพรุควนขี้เสียน ได้รับการประกาศเป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลกแห่งแรกของไทยไม่เพียงเท่านั้น พัทลุงยังมีสายธารน้ำตกอีกมากมายเรียงรายอยู่บนเส้นทางพัทลุง-ตรัง ซึ่งบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าต้นน้ำลำธารในจังหวัดนี้ได้อย่างชัดเจนจังหวัดพัทลุงมีเนื้อที่ประมาณ 3,425 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นภูเขาและที่ราบสูงทางด้านตะวันตก ส่วนทางด้านตะวันออกเป็นที่ราบไปจนถึงทะเลสาบสงขลา เหมาะต่อการทำนาและทำการประมงพัทลุงมีความเป็นมายาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยพบหลักฐานคือขวานหินขัดในหลายพื้นที่ จนกระทั่งถึงสมัยศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13-14) พัทลุงได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมจากอินเดีย มีการค้นพบหลักฐานเก่าแก่ เช่น พระพิมพ์ดินดิบเป็นรูปพระโพธิสัตว์รูปเทวดาล่วงมาถึงพุทธศตวรรษที่ 19 พัทลุงอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยา โดยมีฐานะเป็นเมืองชั้นตรี และเป็นหัวเมืองหนึ่งของอาณาจักรทางใต้ สมัยนั้นพัทลุงถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรสลัดมาเลย์อยู่เสมอ จึงทำให้ต้องย้ายที่ตั้งเมืองบ่อยๆกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พัทลุงก็ยังต้องย้ายที่ตั้งเมืองอีกหลายครั้ง ในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พัทลุงได้รับการยกฐานะเป็นเมืองชั้นโท และช่วงนี้เองที่ชาวเมืองพัทลุงเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น สงครามเก้าทัพ (พ.ศ. 2328-2329) การช่วยปราบกบฏไทรบุรี (พ.ศ. 2373 และ พ.ศ. 2381) ฯลฯครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. 2439 พัทลุงเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลนครศรีธรรมราช ซึ่งประกอบด้วยนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และหัวเมืองทั้งเจ็ด ซึ่งเป็นเมืองปัตตานีเดิมกระทั่งถึง พ.ศ. 2467 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ย้ายเมืองพัทลุงไปอยู่ที่บ้านวังเนียง ตำบลคูหาสวรรค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองในปัจจุบัน และเมื่อมีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล ใน พ.ศ. 2476 พัทลุงก็ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดตั้งแต่นั้นมาจังหวัดพัทลุงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 10 อำเภอ กับ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอควนขนุน อำเภอเขาชัยสน อำเภอปากพะยูน อำเภอกงหรา อำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอศรีบรรพต อำเภอบางแก้ว อำเภอป่าพะยอม และกิ่งอำเภอศรีนครินทร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พัทลุง
เมืองหนังโนราห์อู่นาข้าวพราวน้ำตกแหล่งนกน้ำทะเลสาบงามเขาอกทะลุน้ำพุร้อนพัทลุงเมืองลุงหรือเมืองอกทะลุคืออีกหนึ่งจังหวัดของภาคใต้มีฐานะเป็นเมืองต้นกำเนิดศิลปะการแสดงที่ขึ้นชื่อคือ ซึ่งตกทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภาคใต้มาเนิ่นนานนอกจากศิลปวัฒนธรรมชัดเจนของชาวใต้ที่ปรากฏในพัทลุงแล้วแหล่งธรรมชาติสำคัญระดับประเทศคือทะเลน้อยพื้นที่ชุ่มน้ำและทะเลสาบน้ำจืด ก็ตั้งอยู่ในจังหวัดนี้ความสำคัญของทะเลน้อยคือส่วนหนึ่งของพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้คือพรุควนขี้เสียนได้รับการประกาศเป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลกแห่งแรกของไทยไม่เพียงเท่านั้น ซึ่งบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าต้นน้ำลำธารในจังหวัดนี้ได้อย่างชัดเจนจังหวัดพัทลุงมีเนื้อที่ประมาณ 3425 ตารางกิโลเมตรภูมิประเทศเป็นภูเขาและที่ราบสูงทางด้านตะวันตกส่วนทางด้านตะวันออกเป็นที่ราบไปจนถึงทะเลสาบสงขลาเหมาะต่อการทำนาและทำการประมงพัทลุงมีความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ พระพิมพ์ดินดิบเป็นรูปพระโพธิสัตว์รูปเทวดาล่วงมาถึงพุทธศตวรรษที่เช่นมีการค้นพบหลักฐานเก่าแก่พัทลุงได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมจากอินเดียจนกระทั่งถึงสมัยศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13-14) 19 โดยมีฐานะเป็นเมืองชั้นตรีและเป็นหัวเมืองหนึ่งของอาณาจักรทางใต้สมัยนั้นพัทลุงถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรสลัดมาเลย์อยู่เสมอจึงทำให้ต้องย้ายที่ตั้งเมืองบ่อยๆกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพัทลุงได้รับการยกฐานะเป็นเมืองชั้นโทและช่วงนี้เองที่ชาวเมืองพัทลุงเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์เช่นสงครามเก้าทัพ (พศ. 2328-2329) การช่วยปราบกบฏไทรบุรี (พ.ศ. 2373 และพ.ศ. 2381) ฯลฯครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในพ.ศ 2439 พัทลุงเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลนครศรีธรรมราชซึ่งประกอบด้วยนครศรีธรรมราชพัทลุงสงขลาและหัวเมืองทั้งเจ็ดซึ่งเป็นเมืองปัตตานีเดิมกระทั่งถึงพ.ศ 2467 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ย้ายเมืองพัทลุงไปอยู่ที่บ้านวังเนียงตำบลคูหาสวรรค์ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองในปัจจุบันและเมื่อมีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลในพ.ศ 2476 พัทลุงก็ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดตั้งแต่นั้นมาจังหวัดพัทลุงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 10 ตำบลดื่มด่ำ 1 กิ่งอำเภอได้แก่อำเภอเมืองพัทลุงอำเภอควนขนุนอำเภอเขาชัยสนอำเภอปากพะยูนอำเภอกงหราอำเภอตะโหมด อำเภอศรีบรรพตอำเภอบางแก้วอำเภอป่าพะยอมและกิ่งอำเภอศรีนครินทร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พัทลุง
เมืองหนังโนราห์อู่นาข้าวพราวน้ำตกแหล่งนกน้ำทะเลสาบงามเขาอกทะลุน้ำพุร้อนพัทลุงเมืองลุงหรือเมืองอกทะลุคืออีกหนึ่งจังหวัดของภาคใต้ คือมโนห์ราและหนังตะลุง แหล่งธรรมชาติสำคัญระดับประเทศคือทะเลน้อยพื้นที่ชุ่มน้ำและทะเลสาบน้ำจืด ก็ตั้งอยู่ในจังหวัดนี้ คือพรุควนขี้เสียน 3,425 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนกระทั่งถึงสมัยศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13-14) มีการค้นพบหลักฐานเก่าแก่เช่น 19 โดยมีฐานะเป็นเมืองชั้นตรี เช่นสงครามเก้าทัพ (พ.ศ. 2328-2329) การช่วยปราบกบฏไทรบุรี (พ.ศ. 2373 และ พ.ศ. 2381) ใน พ.ศ. 2439 ซึ่งประกอบด้วยนครศรีธรรมราชพัทลุงสงขลาและหัวเมืองทั้งเจ็ด พ.ศ. 2467 ตำบลคูหาสวรรค์ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองในปัจจุบัน ใน พ.ศ. 2476 10 อำเภอกับ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุงอำเภอควนขนุนอำเภอเขาชัยสนอำเภอปากพะยูนอำเภอกงหราอำเภอตะโหมดอำเภอป่าบอนอำเภอศรีบรรพตอำเภอบางแก้วอำเภอป่าพะยอมและกิ่งอำเภอศรีนครินทร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พัทลุง
เมืองหนังโนราห์อู่นาข้าวพราวน้ำตกแหล่งนกน้ำทะเลสาบงามเขาอกทะลุน้ำพุร้อนพัทลุงเมืองลุงหรือเมืองอกทะลุคืออีกหนึ่งจังหวัดของภาคใต้มีฐานะเป็นเมืองต้นกำเนิดศิลปะการแสดงที่ขึ้นชื่อความซึ่งตกทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภาคใต้มาเนิ่นนานนอกจากศิลปวัฒนธรรมชัดเจนของชาวใต้ที่ปรากฏในพัทลุงแล้วแหล่งธรรมชาติสำคัญระดับประเทศคือทะเลน้อยพื้นที่ชุ่มน้ำและทะเลสาบน้ำจืดก็ตั้งอยู่ในจังหวัดนี้ความสำคัญของทะเลน้อยคือส่วนหนึ่งของพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้คือพรุควนขี้เสียนได้รับการประกาศเป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลกแห่งแรกของไทยไม่เพียงเท่านั้นซึ่งบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าต้นน้ำลำธารในจังหวัดนี้ได้อย่างชัดเจนจังหวัดพัทลุงมีเนื้อที่ประมาณ 3425 ตารางกิโลเมตรภูมิประเทศเป็นภูเขาและที่ราบสูงทางด้านตะวันตกส่วนทางด้านตะวันออกเป็นที่ราบไปจนถึงทะเลสาบสงขลาเหมาะต่อการทำนาและทำการประมงพัทลุงมีความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนกระทั่งถึงสมัยศรีวิชัย ( พุทธศตวรรษที่ 13-14 ) พัทลุงได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมจากอินเดียมีการค้นพบหลักฐานเก่าแก่เช่นพระพิมพ์ดินดิบเป็นรูปพระโพธิสัตว์รูปเทวดาล่วงมาถึงพุทธศตวรรษที่ 19โดยมีฐานะเป็นเมืองชั้นตรีและเป็นหัวเมืองหนึ่งของอาณาจักรทางใต้สมัยนั้นพัทลุงถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรสลัดมาเลย์อยู่เสมอจึงทำให้ต้องย้ายที่ตั้งเมืองบ่อยๆกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพัทลุงได้รับการยกฐานะเป็นเมืองชั้นโทและช่วงนี้เองที่ชาวเมืองพัทลุงเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์เช่นสงครามเก้าทัพ ( พ .ศ . 2328-2329 ) การช่วยปราบกบฏไทรบุรี ( พ . ศ . 2373 และพ . ศ . 2381 ) ฯลฯครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว the พ . ศ .ปี พัทลุงเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลนครศรีธรรมราชซึ่งประกอบด้วยนครศรีธรรมราชพัทลุงสงขลาและหัวเมืองทั้งเจ็ดซึ่งเป็นเมืองปัตตานีเดิมกระทั่งถึงพ . ศ .ความเป็นมาตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ย้ายเมืองพัทลุงไปอยู่ที่บ้านวังเนียงตำบลคูหาสวรรค์ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองในปัจจุบันและเมื่อมีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล the พ . ศ .พ.ศ. 2476 พัทลุงก็ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดตั้งแต่นั้นมาจังหวัดพัทลุงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 10 อำเภอกับ 1 กิ่งอำเภอได้แก่อำเภอเมืองพัทลุงอำเภอควนขนุนอำเภอเขาชัยสนอำเภอปากพะยูนอำเภอกงหราอำเภอตะโหมดอำเภอศรีบรรพตอำเภอบางแก้วอำเภอป่าพะยอมและกิ่งอำเภอศรีนครินทร์