สมัยประวัติศาสตร์ หมายถึง สมัยที่มนุษย์เริ่มรู้จักประดิษฐ์ตัวอักษร เมื่อประมาณ 5000 ปีมาแล้ว แบ่งออกเป็น 4 สมัย
1.1. สมัยโบราณ ในสมัยนี้มนุษย์ได้ตั้งหลักแหล่งบ้านเมือง มีตัวอักษร มีอารยธรรมสูง มีการตั้งบ้านเมืองอยู่ตามแหล่งอุดมสมบูรณ์ลก เช่น เมโสโปเตเมีย (ลุ่มแม่น้ำไทกรีส – ยูเฟรตีส ) อินเดีย (ลุ่มแม่น้ำสินธุ คงคาและพรหมบุตร) จีน (ลุ่มแม่น้ำฮวงโห แยงซีเกียง) (ลุ่มแม่น้ำไนล์ มีอาณาจักรอียิปต์) สมัยนี้สิ้นสุดเมื่อ ค.ศ. 476 โดยโรมันตกล่มสลายโดยพวกเยอรมัน ทำลาย
2. สมัยกลาง เริ่มเมื่อชนชาติต่าง ๆ ในยุโรปฟื้นจากอำนาจการรุกรานของบรรดาอนารยชนเผ่าต่าง ๆ และเริ่มก่อตั้งเป็นแคว้นอาณาจักรต่าง ๆ เรียกยุคสมัยนี้ว่า ยุคมืด เพราะเป็นการหยุดชะงักของความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปะวิทยาการของสมัยโบราณ คริสต์ศาสนาเริ่มขยายอิธิพลเข้ามาโดยมีอำนาจและศูนย์กลางอยู่ที่องค์สันตะปาปาคนเดียว ยุคนี้สิ้นสุดลงเมื่อปี ค.ศ. 1492 เมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบอเมริกา
3. สมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1492 ตั้งแต่ศาสนาคริสต์เริ่มเสื่อมอำนาจและเกิดการปฏิวัติความรู้ทางวิทยาศาสตร์ อันนำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม และระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ด้วยเหตุนี้เองทำให้เกิดการแย่งชิงเป็นประเทศมหาอำนาจเพื่อแผ่แสนยานุภาพทางทหารไปทั่วโลก จนในที่สุดนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914 – 1918) และสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939 – 1945) ถือเป็นการสิ้นสุดของประวัติศาสตร์สมัยใหม่
4. สมัยปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่หลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 โลกเข้าสู่ยุคสงครามเย็น (The Cold War) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต จนในที่สุดเมื่อสหภาพโซเวียตได้เสื่อมสลายลงทำให้ภาวะสงครามเย็นสิ้นสุดลงด้วย โลกเข้าสู่การจัดระเบียบโลกใหม่ที่มีสหประชาชาติ และสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ รวมทั้งเหตุการณ์ที่สำคัญต่าง ๆ ในปัจจุบัน