Prevalence of iodine deficiency and

Prevalence of iodine deficiency and goiter during pregnancy in east Hungary
Abstract
Objective: To assess the iodine nutritional status and the prevalence of goiter during pregnancy in a region of Hungary that appeared to be iodine sufficient in previous studies. Design: A cross-sectional voluntary screening study was organized in which 313 pregnant women participated. Methods: Urine iodine concentration and the volume of the thyroid gland were measured in every woman. In the presence of low urinary iodine concentrations, goiter, or both, thyroid function tests were performed. Results: Iodine deficiency was found in 57.1% of the pregnant women, and was severe in 15.6%. The volume of the thyroid gland was enlarged in 19.2% of individuals. Nodular goiter was found in 17 women (5.4%). The frequency of goitre and the mean thyroid volume were increased in the group of iodine-deficient women. In the 89 cases of iodine deficiency or goitre, thyrotrophin concentrations were in the normal range; however, the free triiodothyronine:freethroxine ratio was increased in 97% of them, indicating that the thyroid gland was in a stimulated state in these individuals. Conclusions: Iodine deficiency with high prevalence of goitre was recognized among pregnant women in an area that previously appeared to be iodine sufficient. An unexpected mild iodine deficiency was also noted in the non-pregnant control group. Reassessment and continuous monitoring of iodine nutritional status is warranted even in populations that are apparently considered to be `at no risk' of iodine deficiency, especially in pregnant women. Regular administration of iodine, starting at preconception or in early pregnancy and continuing during the period of nursing, is recommended in these regions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความชุกของการขาดสารไอโอดีนและความชำนาญในระหว่างตั้งครรภ์ในฮังการีตะวันออกบทคัดย่อ Objective: To assess the iodine nutritional status and the prevalence of goiter during pregnancy in a region of Hungary that appeared to be iodine sufficient in previous studies. Design: A cross-sectional voluntary screening study was organized in which 313 pregnant women participated. Methods: Urine iodine concentration and the volume of the thyroid gland were measured in every woman. In the presence of low urinary iodine concentrations, goiter, or both, thyroid function tests were performed. Results: Iodine deficiency was found in 57.1% of the pregnant women, and was severe in 15.6%. The volume of the thyroid gland was enlarged in 19.2% of individuals. Nodular goiter was found in 17 women (5.4%). The frequency of goitre and the mean thyroid volume were increased in the group of iodine-deficient women. In the 89 cases of iodine deficiency or goitre, thyrotrophin concentrations were in the normal range; however, the free triiodothyronine:freethroxine ratio was increased in 97% of them, indicating that the thyroid gland was in a stimulated state in these individuals. Conclusions: Iodine deficiency with high prevalence of goitre was recognized among pregnant women in an area that previously appeared to be iodine sufficient. An unexpected mild iodine deficiency was also noted in the non-pregnant control group. Reassessment and continuous monitoring of iodine nutritional status is warranted even in populations that are apparently considered to be `at no risk' of iodine deficiency, especially in pregnant women. Regular administration of iodine, starting at preconception or in early pregnancy and continuing during the period of nursing, is recommended in these regions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความชุกของการขาดสารไอโอดีนและคอพอกในระหว่างตั้งครรภ์ในภาคตะวันออกฮังการี
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินภาวะโภชนาการไอโอดีนและความชุกของโรคคอพอกในระหว่างตั้งครรภ์ในพื้นที่ของฮังการีที่ดูเหมือนจะเป็นไอโอดีนเพียงพอในการศึกษาก่อนหน้านี้ การออกแบบ: การศึกษาภาคตัดขวางการตรวจคัดกรองความสมัครใจในการจัดที่ 313 หญิงตั้งครรภ์เข้าร่วม วิธีการ: ความเข้มข้นของสารไอโอดีนในปัสสาวะและปริมาณของต่อมไทรอยด์ถูกวัดในผู้หญิงทุกคน ในที่ที่มีความเข้มข้นต่ำปัสสาวะไอโอดีนคอพอกหรือทั้งสองการทดสอบการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้ดำเนินการ ผล: การขาดสารไอโอดีนพบว่าใน 57.1% ของหญิงตั้งครรภ์และเป็นอย่างรุนแรงใน 15.6% ปริมาณของต่อมไทรอยด์ได้รับการขยายใน 19.2% ของบุคคล คอพอกเป็นก้อนกลมถูกพบในผู้หญิง 17 (5.4%) ความถี่ของโรคคอพอกและปริมาณของต่อมไทรอยด์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นในกลุ่มของผู้หญิงไอโอดีนบกพร่อง ใน 89 กรณีของการขาดสารไอโอดีนหรือคอพอก, thyrotrophin ความเข้มข้นอยู่ในช่วงปกติ; อย่างไรก็ตาม triiodothyronine ฟรี: อัตราส่วน freethroxine เพิ่มขึ้นเป็น 97% ของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าต่อมไทรอยด์อยู่ในสภาพที่กระตุ้นบุคคลเหล่านี้ สรุปผลการวิจัย: การขาดสารไอโอดีนที่มีความชุกสูงของโรคคอพอกได้รับการยอมรับในหมู่หญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเป็นไอโอดีนที่เพียงพอ ขาดสารไอโอดีนอ่อนที่ไม่คาดคิดก็ยังตั้งข้อสังเกตในกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ การประเมินและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของภาวะโภชนาการไอโอดีนเป็นประกันแม้ในประชากรที่มีการพิจารณาที่จะเห็นได้ชัดว่า `ที่ไม่มีความเสี่ยงของการขาดสารไอโอดีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์ การบริหารงานปกติของไอโอดีนเริ่มต้นที่อคติหรือในการตั้งครรภ์ในช่วงต้นและต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาของการพยาบาลที่ได้รับการแนะนำในภูมิภาคเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความชุกของการขาดสารไอโอดีนและคอพอกในระหว่างการตั้งครรภ์ตะวันออกในฮังการีบทคัดย่อการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินภาวะโภชนาการและความชุกของโรคคอพอกในระหว่างการตั้งครรภ์ในภูมิภาคของประเทศฮังการีที่ปรากฏเป็นไอโอดีนเพียงพอในการศึกษาก่อนหน้านี้ . ออกแบบ : การศึกษาแบบภาคตัดขวาง โดยการคัดกรองในสตรีตั้งครรภ์ที่คุณมีส่วนร่วม วิธีการ : ความเข้มข้นของไอโอดีนในปัสสาวะ และปริมาณของต่อมไทรอยด์ถูกวัดในผู้หญิงทุกคน ในการแสดงตนของไอโอดีน ความเข้มข้นต่ำ ปัสสาวะ ควบคุม หรือทั้งการทดสอบต่อมไทรอยด์ทำงานในการวิจัย ผลลัพธ์ : การขาดสารไอโอดีน พบว่า 57.1% ของหญิงตั้งครรภ์ และรุนแรงใน 15.6 % ปริมาณของต่อมไทรอยด์ถูกขยายใน 19.2 % ของแต่ละบุคคล คอพอกเป็นก้อนกลม พบในผู้หญิง 17 ( 5.4% ) ความถี่ของโรคคอพอกต่อมไทรอยด์และค่าเฉลี่ยปริมาณเพิ่มขึ้นในกลุ่มของไอโอดีนการขาดผู้หญิง ใน 89 กรณีของการขาดสารไอโอดีน หรือ โรคคอพอก ไทโรโทรฟิน , ความเข้มข้นในช่วงปกติ อย่างไรก็ตาม ไตรไอโอโดไทโรนีนฟรี : freethroxine อัตราส่วนเพิ่มขึ้น 97% ของพวกเขาแสดงว่าต่อมไทรอยด์ในกระตุ้นรัฐในบุคคลเหล่านี้ สรุป การขาดสารไอโอดีนกับความชุกสูงและได้รับการยอมรับของหญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่ที่เคยปรากฏเป็นไอโอดีนเพียงพอ การขาดไอโอดีนรุนแรงไม่คาดฝันก็ยังตั้งข้อสังเกตในไม่ตั้งครรภ์ กลุ่มควบคุม การประเมินและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของภาวะโภชนาการไอโอดีนที่มีการรับประกันในประชากรที่เห็นได้ชัดถือว่าเป็น ' ที่ไม่มีความเสี่ยงของการขาดสารไอโอดีน โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ การบริหารงานทั่วไปของไอโอดีน เริ่มต้นที่ อคติ หรือ ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ และต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาของพยาบาล แนะนำในภูมิภาคเหล่านี้