In Thailand, the dairy industry has

In Thailand, the dairy industry has been
promoted by the government according to the
National Economic and Social Development Plan
No. 4 (1977–1981) and the National Economic and
Social Development Plan current No. 11 (2012–
2016). The Royal Thai government aimed to enhance
Thai people’s health by having them consume milk
and to support the cow milk farmer to serve the
domestic demand (Food Intelligence Center, 2014).
However, the statistics showed that the average milk
consumption of Thai people is much lower than that
of the world consumption. Hence, the Royal Thai
government established a school milk project in 1992
to encourage kindergarten and primary students to
drink milk due to malnutrition in children. In addition,
the milk project supported the domestic milk supply
chain, which could not compete with imported dairy
products (School Milk Programs, 1992). In fact, 40%
of domestic raw milk production is dedicated to the
school milk via either UHT or pasteurized milk.
Therefore, the milk farmers have sufficient domestic
demand to support raw milk production.
From 2009 to 2013, the consumption of milk
products increased, on average, 3.4% annually, while
the yield of raw milk increased by 7.66% annually.
Raw milk prices determined by the milk board
remained high enough to encourage the cow milk
farmers to sustain their career. Recently, farmers
have had the ability to efficiently manage farms,
especially on animal feed and cow breed standards.
As a result, raw milk production has increased, and
quality is high. In 2014, the production of raw milk
in Thailand increased due to the natural expansion of
cows. At present, the number of medium and largesized
farms has increased, while that of small-sized
farms has decreased. The demand for raw milk was
divided into school milk and commercial market milk.
Although, the demand for school milk is quite stable,
the demand for commercial market milk is likely to
increase (Office of Agricultural Economics, 2013).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในประเทศไทย อุตสาหกรรมนมได้โดยรัฐบาลตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติหมายเลข 4 (1977-1981) และชาติทางเศรษฐกิจ และแผนพัฒนาสังคมปัจจุบันหมายเลข 11 (2012-2016) รอยัลรัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสุขภาพของคนไทยโดยให้กินนมและสนับสนุนชาวนานมวัวเพื่อการ(Food Intelligence Center, 2014) อุปสงค์ในประเทศอย่างไรก็ตาม สถิติชี้ให้เห็นว่านมเฉลี่ยปริมาณการใช้ของคนไทยเป็นมากที่ต่ำกว่าปริมาณการใช้ของโลก ดังนั้น ไทยรัฐบาลโครงการนมโรงเรียนที่ก่อตั้งขึ้นใน 1992เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนอนุบาลและนักเรียนหลักดื่มนมเนื่องจากขาดสารอาหารในเด็ก นอกจากนี้โครงการนมได้รับการสนับสนุนจัดหานมภายในประเทศโซ่ ซึ่งไม่สามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์นมนำเข้าผลิตภัณฑ์ (โรงเรียนนมโปรแกรม 1992) ในความเป็นจริง 40%ของน้ำนมดิบภายในประเทศ ผลิตจะทุ่มเทเพื่อการนมโรงเรียนผ่านยูเอชทีหรือนมพาสเจอร์ไรส์ดังนั้น เกษตรกรนมมีเพียงพอในประเทศความต้องการสนับสนุนการผลิตน้ำนมดิบ2552 ถึง 2013 การบริโภคนมผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น เฉลี่ย 3.4% ขณะที่ปีผลผลิตของน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้น 7.66% ต่อปีราคาน้ำนมดิบที่กำหนด โดยคณะกรรมการนมยังคงสูงพอที่จะกระตุ้นให้น้ำนมวัวเกษตรกรเพื่อให้อาชีพของพวกเขา ล่าสุด เกษตรกรมีความสามารถในการจัดการฟาร์ม ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ตัวดึงข้อมูล และมาตรฐานสายพันธุ์วัวผล ผลิตน้ำนมดิบได้เพิ่มขึ้น และคุณภาพสูงได้ ในปี 2014 การผลิตน้ำนมดิบในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายตัวตามธรรมชาติของวัว ในปัจจุบัน จำนวนปานกลางและ largesizedฟาร์มได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ขนาดเล็กฟาร์มได้ลดลง มีความต้องการน้ำนมดิบแบ่งนมโรงเรียนและนมพาณิชย์ตลาดแม้ว่า ความต้องการนมโรงเรียนค่อนข้างมีความมั่นคงอุปสงค์ในตลาดค้านมเพิ่มขึ้น (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 2013)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในประเทศไทยอุตสาหกรรมนมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลตามเศรษฐกิจแห่งชาติและแผนพัฒนาฉบับที่ 4 (1977-1981) และเศรษฐกิจระดับชาติและสังคมแผนพัฒนาฉบับปัจจุบัน11 (2012 ปี 2016) รัฐบาลไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างสุขภาพคนไทยโดยมีพวกเขากินนมและให้การสนับสนุนเกษตรกรนมวัวเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ(ศูนย์อาหารข่าวกรอง 2014). แต่สถิติแสดงให้เห็นว่านมเฉลี่ยการบริโภคของคนไทยเป็นอย่างมากต่ำกว่าที่ของการบริโภคทั่วโลก ดังนั้นไทยจัดตั้งรัฐบาลโครงการนมโรงเรียนในปี 1992 เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนอนุบาลและนักเรียนระดับประถมศึกษาที่จะดื่มนมเนื่องจากการขาดสารอาหารในเด็ก นอกจากนี้โครงการนมรองรับปริมาณน้ำนมในประเทศห่วงโซ่ซึ่งไม่สามารถแข่งขันกับนมที่นำเข้าผลิตภัณฑ์(โรงเรียนโปรแกรมนม, 1992) ในความเป็นจริง 40% ของการผลิตน้ำนมดิบในประเทศจะทุ่มเทเพื่อนมโรงเรียนผ่านทั้งยูเอชทีหรือนมพาสเจอร์ไรส์. ดังนั้นเกษตรกรนมมีในประเทศเพียงพอความต้องการเพื่อสนับสนุนการผลิตน้ำนมดิบ. จาก 2009-2013 การบริโภคนมผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3.4% ต่อปีในขณะที่ผลผลิตน้ำนมดิบเพิ่มขึ้น7.66% ต่อปี. ราคานมดิบที่กำหนดโดยคณะกรรมการนมอยู่ในระดับสูงพอที่จะส่งเสริมให้นมวัวเกษตรกรเพื่อรักษาอาชีพของพวกเขา เมื่อเร็ว ๆ นี้เกษตรกรมีความสามารถในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพฟาร์มโดยเฉพาะในอาหารสัตว์และวัวพันธุ์มาตรฐาน. เป็นผลให้การผลิตน้ำนมดิบได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพสูง ในปี 2014, การผลิตน้ำนมดิบในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายตัวตามธรรมชาติของวัว ในปัจจุบันจำนวนของกลางและ largesized ฟาร์มได้เพิ่มขึ้นในขณะที่ขนาดเล็กฟาร์มได้ลดลง ความต้องการน้ำนมดิบเป็นแบ่งออกเป็นตลาดนมนมโรงเรียนและเชิงพาณิชย์. แม้ว่าความต้องการสำหรับนมโรงเรียนที่มีเสถียรภาพมากความต้องการสำหรับนมตลาดการค้ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น(สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2013)