Objective: To determine among prete

Objective: To determine among preterm infants with respiratory distress syndrome whether the use of early nasal intermittent positive-pressure ventilation (NIPPV) vs nasal continuous positive airway pressure (NCPAP) decreases the need for invasive ventilation within the first
72 hours of life. Data Sources: MEDLINE, EMBASE, CINAHL, Cochrane Central Register of Controlled Trials, and clinicaltrials. gov were searched, as well as abstracts from meetings of the Pediatric Academic Societies.
Study Selection: Randomized controlled trials involving infants with respiratory distress syndrome who received NIPPV vs NCPAP.
Data Extraction: Data were extracted on the use of NIPPV vs NCPAP. Also extracted were data on the need for invasive ventilation within the first 72 hours of life and the incidences of bronchopulmonary dysplasia, pneumothorax, necrotizing enterocolitis, and intraventricular
hemorrhage, as well as the time to full feeds and the duration of hospital stay.
Data Synthesis: Three trials were included (n=360). A significant decrease in the need for invasive ventilation was found in the NIPPV group (risk ratio, 0.60; 95% CI, 0.43-0.83). No difference between groups was found in the incidence of bronchopulmonary dysplasia (risk ratio,
0.56; 95% CI, 0.09-3.49). No differences in the other outcomes were observed between the 2 groups.
Conclusions: Among preterm infants with respiratory distress syndrome, NIPPV decreases the need for invasive ventilation within the first 72 hours of life compared with NCPAP. Trials are needed to assess whether NIPPV minimizes the occurrence of bronchopulmonary dysplasia and other comorbidities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์: เพื่อตรวจสอบในหมู่ทารกที่คลอดบุตรก่อนกำหนดกับทางเดินหายใจกลุ่มอาการทุกข์ ว่าใช้ช่วงจมูกเป็นระยะ ๆ ความดันบวกระบายอากาศ (NIPPV) vs จมูกภาวะ (NCPAP) ลดความต้องการหายใจในระยะแรก72 ชั่วโมงของชีวิต แหล่งข้อมูล: ครั้ง MEDLINE, EMBASE, CINAHL, Cochrane กลางลงทะเบียนการควบคุมการทดลอง และ clinicaltrials ตู้ค้น เช่นเดียวกับบทคัดย่อจากการประชุมของสังคมการศึกษาเด็กการเลือกศึกษา: สุ่มทดลองควบคุมเกี่ยวข้องกับทารกที่ มีกลุ่มอาการทุกข์ทางเดินหายใจที่ได้รับ NIPPV vs NCPAPสกัดข้อมูล: ข้อมูลที่ถูกสกัดการใช้ NIPPV vs NCPAP สกัดยัง มีข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการหายใจภายใน 72 ชั่วโมงแรกของชีวิตและอุบัติการณ์ของการดูแลผู้ป่วยแหบกว่า pneumothorax ลำ enterocolitis และ intraventricularตกเลือด รวมทั้งเวลาในการดึงข้อมูลเต็มรูปแบบและระยะเวลาการเข้าโรงพยาบาลการสังเคราะห์ข้อมูล: มนุษยชาติถูกรวม (n = 360) พบการลดลงอย่างมีนัยสำคัญต้องหายใจในกลุ่ม NIPPV (อัตราความเสี่ยง 0.60; 95% CI, 0.43-0.83) ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มพบในอุบัติการณ์ของการดูแลผู้ป่วยแหบกว่า (อัตราส่วนความเสี่ยง0.56 95% CI, 0.09-3.49) ไม่มีความแตกต่างในผลได้พบว่า ระหว่าง 2 กลุ่มสรุป: ในหมู่ทารกที่คลอดบุตรก่อนกำหนดกับทางเดินหายใจกลุ่มอาการทุกข์ NIPPV ลดความต้องการหายใจภายใน 72 ชั่วโมงแรกของชีวิตเมื่อเทียบกับ NCPAP การทดลองจะต้องประเมินว่า NIPPV ช่วยลดการเกิดขึ้นของแหบกว่าดูแลผู้ป่วยและโรคประจำตัวอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์: เพื่อตรวจสอบในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีอาการหายใจลำบากไม่ว่าจะใช้จมูกในช่วงต้นของการระบายอากาศในเชิงบวกแรงดันสม่ำเสมอ (NIPPV) VS จมูกอย่างต่อเนื่องเดินหายใจความดันบวก (NCPAP) ลดความจำเป็นในการระบายอากาศภายในรุกรานครั้งแรก
72 ชั่วโมงของชีวิต แหล่งที่มาของข้อมูล: MEDLINE, EMBASE, CINAHL, Cochrane กลางทะเบียนทดลองการควบคุมและ clinicaltrials gov ถูกค้นเช่นเดียวกับบทคัดย่อจากการประชุมของสมาคมกุมารวิชาการ
เลือกศึกษา: การทดลองควบคุมแบบสุ่มที่เกี่ยวข้องกับทารกที่มีภาวะการหายใจลำบากที่ได้รับ NIPPV VS NCPAP
สกัดข้อมูล: ข้อมูลถูกสกัดในการใช้ NIPPV VS NCPAP
นอกจากนี้ยังมีการสกัดข้อมูลเกี่ยวกับความจำเป็นในการระบายอากาศการบุกรุกภายใน 72 ชั่วโมงแรกของชีวิตและอุบัติการณ์ของ dysplasia ปอด, pneumothorax ที่ necrotizing enterocolitis และ intraventricular ตกเลือดเช่นเดียวกับเวลาที่จะฟีดเต็มรูปแบบและระยะเวลาในการเข้าพักที่โรงพยาบาล
สังเคราะห์ข้อมูล: สามทดลองถูกรวม (n = 360) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในความต้องการสำหรับการระบายอากาศการบุกรุกที่พบในกลุ่ม NIPPV (ที่อัตราส่วนความเสี่ยง 0.60; 95% CI, 0.43-0.83) ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มที่พบในอุบัติการณ์ของ dysplasia ปอด (ที่อัตราส่วนความเสี่ยง
0.56; 95% CI, 0.09-3.49) ไม่มีความแตกต่างในผลลัพธ์ที่ถูกตั้งข้อสังเกตอื่น ๆ ระหว่าง 2 กลุ่ม
บทสรุป: ในบรรดาทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีอาการหายใจลำบาก, NIPPV ลดความจำเป็นในการระบายอากาศการบุกรุกภายใน 72 ชั่วโมงแรกของชีวิตเมื่อเทียบกับ NCPAP การทดลองที่มีความจำเป็นในการประเมินว่า NIPPV ช่วยลดการเกิดขึ้นของ dysplasia ปอดและโรคประจำตัวอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีกลุ่มอาการหายใจลำบากว่าใช้ช่วงแรกจมูกไม่ระบายแรงดันบวก ( nippv ) VS จมูกเกะกะรุงรัง ( ncpap ) ลดลงต้องการการระบายอากาศรุกรานภายในเดือนแรก72 ชั่วโมงของชีวิต แหล่งข้อมูล : embase Medline , , cinahl ลงทะเบียน Cochrane กลางของการทดลองควบคุมและ clinicaltrials . รัฐบาลถูกตรวจค้น รวมทั้งบทคัดย่อจากการประชุมวิชาการของเด็กสังคมการเลือกศึกษาแบบสุ่มควบคุมการทดลองที่เกี่ยวข้องกับทารกกลุ่มอาการหายใจลำบากที่ได้รับ nippv vs ncpap .การสกัดข้อมูลที่สกัดในการใช้ nippv vs ncpap . สกัดยังได้ข้อมูลความต้องการสำหรับการระบายอากาศภายใน 72 ชั่วโมงแรกของชีวิตและอุบัติการณ์ของอวัยวะกก pneumothorax , คนไร้ค่า , และ intraventricular ,เลือดออกในสมอง รวมทั้งเวลาที่จะฟีดเต็มรูปแบบและระยะเวลาของการเข้าพักในโรงพยาบาลการสังเคราะห์ข้อมูล : สามการทดลองรวม ( n = 360 ) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในความต้องการสำหรับการระบายอากาศที่พบในกลุ่ม nippv ( ความเสี่ยงอัตรา 0.60 ; 95% CI , 0.43-0.83 ) ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มพบว่าอุบัติการณ์ของอวัยวะกก ( อัตราส่วนความเสี่ยง0.56 ; 95% CI , 0.09-3.49 ) ไม่มีความแตกต่างในผลลัพธ์อื่น ๆที่พบระหว่าง 2 กลุ่มสรุป : ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีกลุ่มอาการหายใจลำบาก nippv ลดลง , ต้องมีการระบายอากาศรุกรานภายใน 72 ชั่วโมงแรกของชีวิตเมื่อเทียบกับ ncpap . การทดลองจะต้องประเมินว่า nippv ลดการเกิดอวัยวะกก และโรคร่วมอื่นๆ