Carbon is unique among the elements

Carbon is unique among the elements in its ability to form strongly bonded chains, sealed off by hydrogen atoms. These hydrocarbons, extracted naturally as fossil fuels (coal, oil and natural gas), are mostly used as fuels. A small but important fraction is used as a feedstock for the petrochemical industries producing polymers, fibres, paints, solvents and plastics etc.

Impure carbon in the form of charcoal (from wood) and coke (from coal) is used in metal smelting. It is particularly important in the iron and steel industries.

Graphite is used in pencils, to make brushes in electric motors and in furnace linings. Activated charcoal is used for purification and filtration. It is found in respirators and kitchen extractor hoods.

Carbon fibre is finding many uses as a very strong, yet lightweight, material. It is currently used in tennis rackets, skis, fishing rods, rockets and aeroplanes.

Industrial diamonds are used for cutting rocks and drilling. Diamond films are used to protect surfaces such as razor blades.

The more recent discovery of carbon nanotubes, other fullerenes and atom-thin sheets of graphene has revolutionised hardware developments in the electronics industry and in nanotechnology generally.

150 years ago the natural concentration of carbon dioxide in the Earth’s atmosphere was 280 ppm. In 2013, as a result of combusting fossil fuels with oxygen, there was 390 ppm. Atmospheric carbon dioxide allows visible light in but prevents some infrared escaping (the natural greenhouse effect). This keeps the Earth warm enough to sustain life. However, an enhanced greenhouse effect is underway, due to a human-induced rise in atmospheric carbon dioxide. This is affecting living things as our climate changes.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คาร์บอนมีเอกลักษณ์เฉพาะองค์ประกอบในความสามารถในการแบบฟอร์มขอผูกโซ่ ปิดผนึกปิด โดยอะตอมไฮโดรเจน ไฮโดรคาร์บอนเหล่านี้ สกัดธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ), ส่วนใหญ่ใช้เป็นเชื้อเพลิง เศษเล็ก ๆ แต่สำคัญใช้เป็นเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ผลิตโพลิเมอร์ เส้นใย สี หรือสารทำละลาย และพลาสติกเป็นต้นImpure คาร์บอนในรูปของถ่าน (จากไม้และโค้ก (จากถ่านหิน) ใช้ในการ smelting โลหะ มันมีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กใช้แกรไฟต์ในดินสอ ทำแปรง ในมอเตอร์ไฟฟ้า และเตา linings ใช้ถ่านฟอกและกรอง พบ respirators และครัวระบาย hoodsคาร์บอนไฟเบอร์ถูกค้นหามากใช้เป็นวัสดุที่แข็งแรงมาก แต่น้ำหนักเบา ปัจจุบันใช้เพื่เทนนิส สกี ประมง rods จรวด และ aeroplanesเพชรอุตสาหกรรมจะใช้ สำหรับตัดหินขุดเจาะ ฟิล์มเพชรจะใช้ปกป้องพื้นผิวเช่นใบมีดโกนการค้นพบล่าสุดของคาร์บอน nanotubes, fullerenes และอะตอมบางแผ่น graphene อื่น ๆ มี revolutionised พัฒนาฮาร์ดแวร์ ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และนาโนเทคโนโลยีโดยทั่วไป150 ปีธรรมชาติความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศของโลกถูก 280 ppm ในปี 2013 จากเชื้อเพลิงฟอสซิล combusting กับออกซิเจน มี 390 ppm บรรยากาศคาร์บอนไดออกไซด์ให้แสงที่มองเห็นใน แต่ป้องกันบางอินฟราเรดหลบหนี (ธรรมชาติเรือนกระจก) นี้ช่วยให้โลกอบอุ่นพอที่จะมีสิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ตาม เรือนกระจกยังเพิ่มขึ้นอยู่ระหว่างดำเนิน จากบุคคลที่เกิดในบรรยากาศคาร์บอนไดออกไซด์ นี้มีผลต่อสิ่งมีชีวิตเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของเรา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คาร์บอนที่ไม่ซ้ำกันในหมู่องค์ประกอบในความสามารถในการที่จะสร้างเครือข่ายผูกมัดอย่างยิ่งปิดผนึกโดยอะตอมไฮโดรเจน ไฮโดรคาร์บอนเหล่านี้สกัดธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล (ถ่านหินน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ) ส่วนใหญ่จะใช้เป็นเชื้อเพลิง เศษเล็ก ๆ แต่สำคัญถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีการผลิตโพลีเมอเส้นใยสีตัวทำละลายและพลาสติก ฯลฯคาร์บอนบริสุทธิ์ในรูปแบบของถ่าน (จากไม้) และโค้ก (จากถ่านหิน) ที่ใช้ในการถลุงโลหะ มันเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า. กราไฟท์ที่ใช้ในดินสอที่จะทำให้แปรงในมอเตอร์ไฟฟ้าและวัสดุบุผิวในเตาเผา ถ่านกัมมันถูกนำมาใช้สำหรับการทำให้บริสุทธิ์และการกรอง มันถูกพบในเครื่องช่วยหายใจและหมวกแยกห้องครัว. คาร์บอนไฟเบอร์คือการหาประโยชน์หลายอย่างแรงมาก แต่มีน้ำหนักเบาวัสดุ ปัจจุบันมีการใช้ในไม้เทนนิสสกีทุบประมงจรวดและเครื่องบิน. เพชรอุตสาหกรรมที่ใช้สำหรับตัดหินและการขุดเจาะ ภาพยนตร์เพชรที่ใช้ในการปกป้องพื้นผิวเช่นใบมีดโกน. การค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ของท่อนาโนคาร์บอน, ฟูลเลอรีอื่น ๆ และแผ่นอะตอมบางของกราฟีนมีการปฏิวัติการพัฒนาฮาร์ดแวร์ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และนาโนเทคโนโลยีทั่วไป. 150 ปีที่ผ่านมาความเข้มข้นตามธรรมชาติของคาร์บอน ก๊าซในชั้นบรรยากาศของโลกเป็น 280 ppm ในปี 2013 เป็นผลมาจาก combusting เชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีออกซิเจนมี 390 ppm บรรยากาศก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยให้แสงที่มองเห็นได้ในบางส่วน แต่ป้องกันไม่ให้หนีอินฟราเรด (ภาวะเรือนกระจกธรรมชาติ) นี้ช่วยให้โลกอบอุ่นพอที่จะรักษาชีวิต อย่างไรก็ตามภาวะเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นเป็นชิ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ นี้มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของเรา