Taigas are thick forests. Coniferou

Taigas are thick forests. Coniferous trees, such as spruce, pine, and fir, are common. Coniferous trees have needles instead of broad leaves, and their seeds grow inside protective, woody cones. While deciduous trees of temperate forests lose their leaves in winter, conifers never lose their needles. For this reason, conifers are also called “evergreens.”

Conifers have adapted to survive the long, cold winters and short summers of the taiga. Their needles contain very little sap, which helps prevent freezing. Their dark color and triangle-shaped sides help them catch and absorb as much of the sun’s light as possible. In the taiga, tree growth is thickest beside muskegs and lakes formed by glaciers.

Taigas have few native plants besides conifers. The soil of the taiga has few nutrients. It can also freeze, making it difficult for many plants to take root. The larch is one of the only deciduous trees able to survive in the freezing northern taiga.

Instead of shrubs and flowers, mosses, lichens, and mushrooms cover the floor of a taiga. These organisms can grow directly on the ground, or have very shallow roots. They can survive in the cold, and with little water or sunlight

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Taigas เป็นป่าหนา เริ่มต้น เช่น spruce สน เฟอร์ ทั่วไปได้ เริ่มต้นมีเข็มแทนใบกว้าง และเมล็ดพืชการเจริญเติบโตภายในกรวยป้องกัน วู้ดดี้ ในขณะที่ต้นไม้ผลัดใบของป่าซึ่งสูญเสียใบของพวกเขาในฤดูหนาว conifers สูญเสียเข็มของพวกเขาไม่เคย ด้วยเหตุนี้ conifers ยังเรียกว่า "evergreens"Conifers ได้ดัดแปลงเพื่อความอยู่รอดยาว หนาวเย็นและฤดูร้อนสั้นของ taiga เข็มของประกอบด้วยซับน้อยมาก ซึ่งช่วยป้องกันการแช่แข็ง สีเข้มและรูปสามเหลี่ยมด้านข้างของพวกเขาช่วยให้พวกเขาจับ และดูดซับแสงของดวงอาทิตย์ที่สุดมากที่สุด ใน taiga ต้นไม้เจริญเติบโตเป็นเซลล์ข้าง muskegs และทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากธารน้ำแข็ง Taigas มีพืชไม่กี่พื้นเมืองนอกจาก conifers ดินของ taiga มีสารอาหารน้อย มันสามารถยังตรึง ทำให้ยากสำหรับพืชใช้ราก ลาร์ชเป็นต้นไม้ผลัดใบเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดใน taiga เหนือตรึงอย่างใดอย่างหนึ่ง แทนพุ่มและดอกไม้ mosses, lichens และเห็ดครอบคลุมพื้นของ taiga สิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถเติบโตบนพื้นดินโดยตรง หรือมีรากตื้นมาก พวกเขาสามารถอยู่รอด ในเย็น และ มีน้ำน้อยหรือแสงแดด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Taigas เป็นป่าทึบ ต้นสนต้นไม้เช่นต้นสนสนและเฟอร์อยู่ร่วมกัน ต้นสนต้นไม้มีเข็มแทนใบกว้างและเมล็ดของพวกเขาเติบโตภายในป้องกันกรวยไม้ ในขณะที่ต้นไม้ผลัดใบของป่าดงดิบสูญเสียใบของพวกเขาในช่วงฤดูหนาวพระเยซูเจ้าไม่เคยสูญเสียเข็มของพวกเขา ด้วยเหตุนี้พระเยซูเจ้ายังเรียกว่า "เทศกาล." พระเยซูเจ้าได้ปรับเพื่อความอยู่รอดในระยะยาว, ฤดูหนาวและฤดูร้อนสั้น ๆ ของไท เข็มของพวกเขามีน้ำนมน้อยมากซึ่งจะช่วยป้องกันการแช่แข็ง ด้านสีเข้มของพวกเขาและรูปสามเหลี่ยมรูปช่วยให้พวกเขาจับและดูดซับเท่าของแสงของดวงอาทิตย์ที่เป็นไปได้ ในไท, การเจริญเติบโตของต้นไม้หนาข้าง muskegs และทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากธารน้ำแข็ง. Taigas มีพืชพื้นเมืองไม่กี่นอกเหนือจากพระเยซูเจ้า ดินไทได้รับสารอาหารไม่กี่ นอกจากนี้ยังสามารถตรึงทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับพืชหลายชนิดที่จะหยั่งราก ต้นสนชนิดหนึ่งเป็นหนึ่งในต้นไม้ผลัดใบเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดได้ในการแช่แข็งไทภาคเหนือ. แทนที่จะพุ่มไม้และดอกไม้มอสไลเคนและเห็ดครอบคลุมพื้นของไท สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะสามารถเติบโตได้โดยตรงบนพื้นดินหรือมีรากตื้นมาก พวกเขาสามารถอยู่รอดได้ในเย็นและมีน้ำน้อยหรือแสงแดด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

taigas เป็นป่าหนา เช่นต้นไม้สน , ต้นสน , สน , FIR , ทั่วไป ต้นไม้ต้นสนมีเข็มแทนใบกว้าง , และเมล็ดของพืชที่เติบโตภายในป้องกัน , วู้ดดี้ กรวย ขณะที่ต้นไม้ผลัดใบป่าหนาวสูญเสียใบในฤดูหนาว , เข็มสนไม่สูญเสียพวกเขา ด้วยเหตุผลนี้ สนจะเรียกว่า " evergreens "

ตลกได้ดัดแปลงให้อยู่รอดนาน ความเย็นของฤดูหนาวและฤดูร้อนสั้นของไทกะ . เข็มของพวกเขาประกอบด้วยน้อยมาก SAP ซึ่งช่วยป้องกันการแช่แข็ง ของพวกเขาที่มืดสีและรูปทรงสามเหลี่ยมด้านข้างช่วยให้พวกเขาจับและดูดมากของแสงของดวงอาทิตย์ที่เป็นไปได้ ในไทกะการเจริญเติบโตต้นไม้หนาข้าง muskegs และทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็ง

taigas จะมีน้อย พืชพื้นเมือง นอกจากตลก . ดินของไทกะมีสารอาหารน้อย มันยังสามารถตรึง ที่ทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับหลาย พืชใช้ราก มีต้นสนชนิดหนึ่งเป็นหนึ่งในต้นไม้ผลัดใบเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดในการแช่แข็งของไทกะ .

แทนของพุ่มไม้และดอกไม้ มอสส์ ไลเคน และเห็ด , ปกพื้นของไทกะ . สิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถเติบโตได้โดยตรงบนพื้นดินหรือมีรากตื้นมาก พวกเขาสามารถอยู่รอดได้ในเย็นกับน้ำเพียงเล็กน้อยหรือแสงแดด