What Does a Million Dollars Buy?Whe

What Does a Million Dollars Buy?
When asked the question “What would you do with a million dollars?,” most people tend to give similar answers: “Quit my job,” “Buy my dream house,” or “Go traveling.” People often think that having a million dollars would make all their dreams come true. In reality, a million dollars may not really be that much money. Twenty years ago, it might have been possible to fulfill these dreams. However, things are not so easy today.  A

In most industrialized countries, prices for everything from food to transport to university fees have steadily increased over the years. Housing prices in particular have risen greatly. The main reason is that the population has increased—becoming very dense in certain areas—but there are fewer homes available for sale or rent. For example, in the U.S., the average price of a new home in 1990 was $149,800. The average price in 2010 was $272,900. With increases like that, you can see why owning property is considered a good long-term investment.  B

Housing in city centers also costs more than ever before. People used to move from the
city center to the outer city neighborhoods or suburbs to escape overcrowding and noise.
Today, many are moving back because they want to be closer to their workplace. Since space is limited in these areas, supply has not caught up with rising demand, and prices have gone up as a result. For example, it is nearly impossible to find a place in London’s expensive Mayfair district, or Manhattan in New York City, for a million dollars. Even countries that traditionally have a lower cost of living, like India or Brazil, have seen property prices rise dramatically. A 2,000-square-foot (186-square-meter) apartment in Mumbai’s southern neighborhoods can cost more than $3 million—the same as a two-bedroom flat in central London.  C

Inflation is another important reason for the rise in the cost of living. Over the last 150 years, as prices have gone up, the value of money has gone down, so we now need more money to buy things. In 1913, for example, $50,000 had about as much buying power as $1 million does today. Of course, people now earn more money than they did 150 years ago, but they also spend more on necessities such as food, medicine, and housing. Due to this increased cost of living and a tendency for younger generations to spend more, people are actually saving less than ever before.  

In order to live well after you retire, you should begin saving as early as possible. Experts suggest that after you stop working, you will need 70 to 75 percent of your salary to live on every month. In other words, if you make $3,000 per month while working, you will need between $2,100 and $2,250 per month to live on during retirement. This calculation assumes that you have no mortgage on a house to continue paying or other major expenses such as your children’s university education. However, more retired people now rent their housing because they can’t afford to buy a home, so they will pay more in housing costs over time. People also have to spend more on health care because they live longer; many people in developed countries now live into their 80s or 90s.  D

Due to increased demand for housing, higher inflation, and a longer life expectancy, a million dollars may not be enough to live on. Of course, where you live and how long you live will influence how far a million dollars can go. To be able to retire early, travel the world and build your dream home, you may have to be a millionaire many times over!

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ล้านดอลลาร์ซื้ออะไรเมื่อถามคำถาม "คุณจะทำอะไรกับล้านดอลลาร์?, " คนส่วนใหญ่มักจะ ให้คำตอบที่คล้ายกัน: "ออกจากงาน "ซื้อบ้านในฝันของฉัน" ไปเดิน" หรือ " คนมักจะคิดว่า มีเงินหนึ่งล้านเหรียญจะทำให้ทุกฝันเป็นจริง ในความจริง ล้านดอลลาร์อาจจริง ๆ เป็นเงินที่มาก ยี่สิบปีที่ผ่านมา อาจมีไปได้ที่จะเติมเต็มความฝันเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งไม่ง่ายวันนี้ Aในประเทศอุตสาหกรรมมากที่สุด ราคาสำหรับทุกอย่างจากอาหารเพื่อการขนส่งค่าธรรมเนียมมหาวิทยาลัยมีเพิ่มขึ้นกว่าปีอย่าง ราคาที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เกิดขึ้นอย่างมาก เหตุผลหลักคือ ว่า ได้เพิ่มประชากร — กลายเป็นหนาแน่นมากในบางพื้นที่ — แต่มีน้อยกว่าบ้านขายหรือให้เช่า ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐ ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่ในปี 1990 เป็น $149,800 ราคาเฉลี่ยใน 2010 คือ $272,900 กับการเพิ่มขึ้นเช่นนั้น คุณสามารถดูทำไมเป็นเจ้าของทรัพย์สินถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่ดี Bอยู่อาศัยในเมืองศูนย์นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม คนที่ใช้จากการเมืองย่านนอกเมืองหรือชานเมืองหนีเสียงรบกวนและการฉ้อราษฎร์บังวันนี้ หลายคนกำลังจะย้ายกลับ เพราะเขาอยากอยู่ใกล้ ๆ กับที่ทำงานของพวกเขา เนื่องจากพื้นที่จำกัดอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ จัดหาได้ไม่ได้ต้องการที่เพิ่มขึ้น และราคาได้ขึ้นไปเป็นผล เช่น ก็เข้าไปค้นหาในลอนดอนย่านเมย์แฟร์ราคาแพง แมนฮัตตันในนิวยอร์กซิตี้ ล้านดอลลาร์ แม้แต่ประเทศที่มีการลดค่าครองชีพ เช่นอินเดียหรือบราซิล ประเพณี ได้เห็นราคาทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อพาร์ตเมนต์ขนาด 2000 ตารางฟุต (186 ตารางเมตร) ของมุมไบใต้ย่านสามารถค่าใช้จ่าย มากกว่า $3 ล้านซึ่งเหมือนกับแบนสองห้องในใจกลางกรุงลอนดอน Cอัตราเงินเฟ้อเป็นสาเหตุสำคัญอีกประการสำหรับการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพ ช่วง 150 ปีที่ผ่านมา ตามราคาได้ ค่าเงินหายไปลง ตอนนี้ต้องมีเงินซื้อ ในปี 1913 เช่น $50,000 มีกำลังซื้อประมาณเท่ากับ 1 ล้านวันนี้ แน่นอน คนตอนนี้ได้เงินกว่า 150 ปีไม่ แต่พวกเขายังใช้ขึ้นปัจจัยเช่นอาหาร ยา และที่อยู่อาศัย เนื่องจากนี้เพิ่มขึ้นค่าครองชีพและแนวโน้มสำหรับรุ่นน้องที่จะใช้จ่ายเพิ่มเติม คนกำลังจริงบันทึกน้อยกว่าเคย เพื่อชีวิตดีหลังเกษียณ คุณควรเริ่มต้นการบันทึกได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หลังจากที่คุณหยุดการทำงาน คุณจะต้อง 70-75 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนอยู่ทุกเดือน ในคำอื่น ๆ ถ้าคุณ $3,000 ต่อเดือนในขณะใช้งาน คุณจะต้องระหว่าง $2,100 และ $2,250 ต่อเดือนอยู่ในช่วงเกษียณอายุ การคำนวณนี้อนุมานว่า คุณมีไม่จำนองบ้านต้องการชำระเงิน หรือค่าใช้จ่ายหลักเช่นการศึกษาของเด็กมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม เพิ่มเติมถอนคนตอนนี้ เช่าอยู่อาศัยของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่สามารถจะซื้อบ้าน ดังนั้นพวกเขาจะจ่ายเพิ่มเติมในต้นทุนที่อยู่อาศัยตลอดเวลา คนยังมีการใช้จ่ายเพิ่มเติมในการดูแลสุขภาพเนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่อีกต่อไป หลายคนในประเทศที่พัฒนาขณะนี้อยู่ในยุค 90 หรือยุค 80 ของพวกเขา Dเนื่องจากเพิ่มความต้องการอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อยู่อาศัย และอายุอีกต่อไป ล้านดอลลาร์อาจไม่พอที่จะอยู่ แน่นอน ที่คุณอาศัยอยู่ และนานเท่าที่คุณอาศัยอยู่จะมีอิทธิพลต่อล้านดอลลาร์สามารถไปได้ไกลเท่าไร จะสามารถเกษียณเร็ว เที่ยวรอบโลก และสร้างบ้านในฝันของคุณ คุณอาจจะ เป็นเศรษฐีหลายครั้งผ่าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

? สิ่งที่ไม่ล้านดอลลาร์ซื้อ
เมื่อถามคำถาม "คุณจะทำอะไรกับเงินหนึ่งล้านเหรียญ ?," คนส่วนใหญ่มักจะให้คำตอบที่คล้ายกัน:. "ลาออกจากงาน", "ซื้อบ้านในฝันของฉัน" หรือ "เดินทางไป" คนมักจะคิดว่ามีล้านดอลลาร์จะทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริงขึ้นมา ในความเป็นจริงล้านดอลลาร์อาจไม่จริงเป็นไปได้ว่าเงินมาก ยี่สิบปีที่ผ่านมามันอาจจะเป็นไปได้ที่จะเติมเต็มความฝันเหล่านี้ แต่สิ่งที่ไม่ง่ายดังนั้นในวันนี้

ในประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ราคาสำหรับทุกอย่างจากอาหารเพื่อการขนส่งค่าธรรมเนียมมหาวิทยาลัยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปี ราคาที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหตุผลหลักคือว่าประชากรได้เพิ่มขึ้นเป็นอยู่หนาแน่นมากในบางพื้นที่ แต่มีบ้านน้อยสามารถใช้ได้สำหรับการขายหรือให้เช่า ยกตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกาที่ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่ในปี 1990 เป็น 149,800 $ โดยราคาเฉลี่ยในปี 2010 เป็น 272,900 $ กับการเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับที่คุณสามารถดูว่าทำไมเจ้าของทรัพย์สินถือเป็นเงินลงทุนระยะยาวที่ดี B

ที่อยู่อาศัยในศูนย์เมืองนี้ยังมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม คนใช้ในการย้ายจาก
ใจกลางเมืองไปยังย่านนอกเมืองหรือชานเมืองที่จะหลบหนีความแออัดยัดเยียดและเสียงรบกวน.
วันนี้หลายคนกำลังจะย้ายกลับเพราะพวกเขาต้องการที่จะได้ใกล้ชิดกับพวกเขาในสถานที่ทำงาน เนื่องจากพื้นที่มีข้อ จำกัด ในพื้นที่เหล่านี้อุปทานยังไม่ได้จมอยู่กับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและราคาที่ได้ไปขึ้นเป็นผล ยกตัวอย่างเช่นมันเป็นไปไม่ได้เกือบจะหาสถานที่ในย่านเมย์แฟร์ลอนดอนมีราคาแพงหรือแมนฮัตตันในนิวยอร์กซิตี้สำหรับล้านดอลลาร์ แม้แต่ประเทศที่เป็นประเพณีที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่าของที่อยู่อาศัยเช่นอินเดียหรือบราซิลได้เห็นราคาทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างมาก 2,000 ตารางฟุต (186 ตารางเมตร) อพาร์ทเม้นในมุมไบละแวกใกล้เคียงภาคใต้สามารถค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่า $ 3 ล้านเหมือนกับสองห้องนอนแบนในใจกลางกรุงลอนดอน C

อัตราเงินเฟ้อเป็นอีกเหตุผลที่สำคัญสำหรับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายของที่อยู่อาศัย ในช่วง 150 ปีที่เป็นราคาได้ขึ้นไปค่าของเงินได้ไปลงดังนั้นตอนนี้เราจำเป็นต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อสิ่ง ในปี 1913 เช่น $ 50,000 มีกำลังซื้อประมาณเท่า $ 1 ล้านบาทไม่วันนี้ แน่นอนคนในขณะนี้จะได้รับเงินมากขึ้นกว่าที่พวกเขา 150 ปีที่ผ่านมา แต่พวกเขายังใช้จ่ายเพิ่มเติมในสิ่งจำเป็นเช่นอาหาร, ยา, และที่อยู่อาศัย เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ของที่อยู่อาศัยและมีแนวโน้มสำหรับรุ่นน้องที่จะใช้จ่ายมากขึ้นคนเป็นจริงประหยัดที่น้อยกว่าเดิม.  

เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีหลังจากที่คุณออกจากตำแหน่งคุณควรเริ่มต้นการประหยัดอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าหลังจากที่คุณหยุดการทำงานคุณจะต้องร้อยละ 70-75 ของเงินเดือนของคุณจะมีชีวิตอยู่ทุกเดือน ในคำอื่น ๆ ถ้าคุณทำให้ $ 3,000 ต่อเดือนในขณะที่ทำงานคุณจะต้องระหว่าง $ 2,100 และ $ 2,250 ต่อเดือนจะมีชีวิตอยู่ในช่วงเกษียณอายุ การคำนวณนี้อนุมานว่าคุณมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ไม่มีในบ้านที่จะดำเนินการจ่ายเงินหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่สำคัญเช่นการศึกษาของมหาวิทยาลัยของเด็ก แต่คนเกษียณขึ้นในขณะนี้เช่าที่อยู่อาศัยของพวกเขาเพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะซื้อบ้านดังนั้นพวกเขาจะต้องจ่ายมากขึ้นในค่าใช้จ่ายที่อยู่อาศัยในช่วงเวลา คนที่ยังมีการใช้จ่ายมากขึ้นในการดูแลสุขภาพเพราะพวกเขาอยู่อีกต่อไป; คนจำนวนมากในประเทศที่พัฒนาแล้วตอนนี้อยู่เข้าไปใน 80s หรือ 90s ของพวกเขา D

เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับที่อยู่อาศัยอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและความคาดหวังในชีวิตอีกต่อไปล้านดอลลาร์อาจจะไม่เพียงพอที่จะอยู่บน ของหลักสูตรที่คุณอาศัยอยู่และระยะเวลาที่คุณอาศัยอยู่จะมีผลต่อวิธีการห่างไกลล้านดอลลาร์สามารถไป เพื่อให้สามารถเกษียณก่อนเดินทางไปทั่วโลกและสร้างบ้านในฝันของคุณคุณอาจจะต้องเป็นเศรษฐีหลายครั้งกว่า!

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แล้วล้านดอลลาร์ซื้อเมื่อถามคำถาม " คุณจะทำอย่างไรกับล้านดอลลาร์ " คนส่วนใหญ่มักจะให้คำตอบที่คล้ายกัน : " ลาออก " " ซื้อบ้านในฝันของฉัน " หรือ " ไปเที่ยว " คนมักจะคิดว่ามีล้านดอลลาร์จะทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริง ในความเป็นจริง , ล้านดอลลาร์อาจไม่เท่านั่น เมื่อ 20 ปีก่อน มันอาจเป็นไปได้ที่จะเติมเต็มความฝันนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่วันนี้ไม่ได้ง่ายดังนั้น อะไรเป็นในประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ประเทศ ราคาสำหรับทุกอย่างจากอาหารเพื่อการขนส่งค่าธรรมเนียมมหาวิทยาลัยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าปี ราคา ที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหตุผลหลักคือ ว่า มีประชากรเพิ่มมากขึ้นกลายเป็นที่หนาแน่นในบางพื้นที่ แต่ก็น้อยกว่าบ้านที่มีขาย หรือ ให้เช่า ตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่ในปี 1990 คือ $ 149800 . ราคาเฉลี่ยในปี 2010 เป็น $ 272900 . ด้วยการเพิ่มเหมือนที่ คุณสามารถดูว่าทำไมเจ้าของทรัพย์สินถือว่าดีระยะยาวการลงทุน ไหมบีที่อยู่อาศัยในเมืองศูนย์ยังมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าที่เคย คนเคยย้ายจากเมืองศูนย์ ส่วนนอกเมืองหรือย่านชานเมืองหนีความแออัดและเสียงรบกวนวันนี้ หลายคนจะย้ายกลับมา เพราะพวกเขาต้องการที่จะได้ใกล้ชิดกับสถานที่ทำงานของพวกเขา เนื่องจากพื้นที่จำกัดในพื้นที่เหล่านี้จัดหาได้ไม่จมกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และราคาได้ไปขึ้นเป็นผล ตัวอย่างเช่นมันเป็นไปไม่ได้เกือบที่จะหาสถานที่ในย่านเมย์แฟร์ลอนดอนแพงหรือแมนฮัตตันในนิวยอร์กซิตี้สำหรับล้านดอลลาร์ แม้แต่ประเทศที่แต่เดิมมีต้นทุนต่ำของที่อยู่อาศัย เช่น อินเดีย หรือบราซิล ได้เห็นราคาที่ดินสูงขึ้นเรื่อยๆ 2000 ตารางฟุต ( 186 ตารางเมตร ) อพาร์ทเมนท์ในย่านภาคใต้ของมุมไบสามารถค่าใช้จ่ายมากกว่า $ 3 ล้านเท่า สองห้องนอนแบนในกลางกรุงลอนดอน รึเปล่า ซีอัตราเงินเฟ้อเป็นอีกเหตุผลที่สำคัญสำหรับการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพ กว่า 150 ปี ราคาขึ้นมา ค่าของเงินลดต่ำลง ดังนั้น ตอนนี้เราต้องการเงินมากขึ้นเพื่อซื้อสิ่ง ในปี 1913 , ตัวอย่างเช่น , $ 50 , 000 มีมากซื้อพลังงานเป็น 1 ล้านเหรียญแล้วในวันนี้ แน่นอน ตอนนี้ได้รับเงินมากขึ้นกว่าที่พวกเขาทำเมื่อ 150 ปีก่อน แต่พวกเขายังใช้ในการอุปโภค เช่น อาหาร ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย เนื่องจากนี้เพิ่มค่าครองชีพและแนวโน้มสำหรับรุ่นน้องที่จะใช้จ่ายมากขึ้น ผู้คนประหยัดจริงน้อยกว่าที่เคย  เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีหลังจากที่คุณออกจากตำแหน่ง คุณควรเริ่มต้นการบันทึกเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หลังจากคุณหยุดทำงานคุณจะต้อง 70 ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนของคุณอยู่ทุกๆเดือน ในคำอื่น ๆถ้าคุณทำ $ 3000 ต่อเดือน ในขณะที่ทำงาน คุณจะต้องอยู่ระหว่าง $ 2 , 100 และ $ 2250 ต่อเดือนอยู่ในช่วงเกษียณอายุ การคำนวณนี้อนุมานว่าคุณมีจำนองในบ้านยังจ่ายหรือค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่น ๆเช่นการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของเด็ก อย่างไรก็ตาม คนเกษียณมากขึ้น ตอนนี้เช่าที่อยู่อาศัยของพวกเขาเพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะซื้อบ้าน ดังนั้นพวกเขาจะต้องจ่ายมากขึ้นในที่อยู่อาศัยค่าใช้จ่ายในช่วงเวลา คนยังต้องใช้จ่ายมากขึ้นในการดูแลสุขภาพ เพราะพวกเขาอยู่อีกต่อไป ; หลายคนในประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ในแปดสิบหรือเก้าสิบปี เหรอ ดีเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับที่อยู่อาศัย อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อายุขัย อีกต่อไป และ ล้านดอลลาร์ อาจไม่เพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่ แน่นอน , ที่คุณอาศัยอยู่และวิธีการระยะเวลาที่คุณอาศัยอยู่จะมีอิทธิพลต่อวิธีการไกลล้านเหรียญไปได้ จะสามารถที่จะเกษียณก่อน เดินทางไปทั่วโลกและสร้างบ้านในฝันของคุณ คุณอาจต้องเป็นเศรษฐีหลายครั้ง