It is hard for many to believe, but

It is hard for many to believe, but when compared to economics, production and operations, accounting and other business areas, marketing is a relatively young discipline having emerged in the early 1900s. Prior to this time most issues that are now commonly associated with marketing were either assumed to fall within basic concepts of economics (e.g., price setting was viewed as a simple supply/demand issue), advertising (well developed by 1900), or in most cases, simply not yet explored (e.g., customer purchase behavior, importance of distribution partners).

Led by marketing scholars from several major universities, the development of marketing was in large part motivated by the need to dissect in greater detail relationships and behaviors that existed between sellers and buyers. In particular, the study of marketing led sellers to recognize that adopting certain strategies and tactics could significantly benefit the seller/buyer relationship. In the old days of marketing (before the 1950s) this often meant identifying strategies and tactics for simply selling more products and services with little regard for what customers really wanted. Often this meant companies embraced a “sell-as-much-as-we-can” philosophy with little concern for building relationships for the long term.

But starting in the 1950s, companies began to see that old ways of selling were wearing thin with customers. As competition grew stiffer across most industries, organizations looked to the buyer side of the transaction for ways to improve. What they found was an emerging philosophy suggesting that the key factor in successful marketing is understanding the needs of customers. This now famous Marketing Concept suggests marketing decisions should flow from FIRST knowing the customer and what they want. Only then should an organization initiate the process of developing and marketing products and services.

The marketing concept continues to be at the root of most marketing efforts, though the concept does have its own problems (e.g., doesn’t help much with marketing new technologies) a discussion of which is beyond the scope of this tutorial. But overall, marketers have learned they can no longer limit their marketing effort to just getting customers to purchase more. They must have an in-depth understanding of who their customers are and what they want.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มันยากสำหรับคนจำนวนมากเชื่อ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐศาสตร์ ผลิต และการดำเนินงาน บัญชี และอื่น ๆ พื้นที่ธุรกิจ การตลาดคือ วินัยค่อนข้างอ่อนที่มีชุมนุมในช่วงภาพกลาย ก่อนหน้านี้ ปัญหาส่วนใหญ่ที่ตอนนี้มักเกี่ยวข้องกับการตลาดได้อย่างใดอย่างหนึ่งถือว่าอยู่ในแนวคิดพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์ (เช่น ราคาตั้งถูกมองว่าเป็นปัญหา supply/demand อย่าง), โฆษณา (พัฒนาดี โดย 1900), หรือ ใน กรณีส่วนใหญ่ ไม่เพียงแต่ อุดม (เช่น พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ความสำคัญของการกระจายคู่)นำ โดยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หลักการตลาด การพัฒนาของตลาดเป็นแรงจูงใจ โดยต้อง dissect ในรายละเอียดความสัมพันธ์มากขึ้นและพฤติกรรมที่มีอยู่ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ การศึกษาของผู้นำการตลาดว่าใช้กลยุทธ์และยุทธวิธีบางอย่างได้มากประโยชน์ความสัมพันธ์ที่ผู้ขาย/ผู้ซื้อ ในสมัยของตลาด (ก่อนทศวรรษ 1950) นี้มักจะหมายถึง การระบุกลยุทธ์และกลยุทธ์การขายผลิตภัณฑ์และบริการในสิ่งลูกค้าอยากเพิ่มเติมก็ บ่อยครั้งนี้บริษัท meant กอดปรัชญา "sell-as-much-as-we-can" มีความกังวลเล็กน้อยสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวแต่เริ่มต้นในช่วงทศวรรษ 1950 บริษัทเริ่มมองเห็นว่า วิธีเก่าขายถูกสวมใส่บางกับลูกค้า เป็นโต stiffer การแข่งขันข้ามอุตสาหกรรมมากที่สุด องค์กรมองด้านผู้ซื้อของวิธีการปรับปรุงธุรกรรม สิ่งที่พวกเขาพบเป็นปรัชญาเกิดขึ้นแนะนำว่า เป็นปัจจัยสำคัญในการตลาดที่ประสบความสำเร็จเป็นการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า แนวคิดการตลาดนี้มีชื่อเสียงตอนนี้แนะนำการตลาดตัดสินใจควรไหลจากรู้แรกลูกค้าและสิ่งที่พวกเขาต้องการ หลังจากนั้น องค์กรควรเริ่มกระบวนการพัฒนา และการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการแนวคิดการตลาดยังคงอยู่ที่รากของความพยายามทางการตลาดมากที่สุด ว่าแนวคิดมีปัญหาของตัวเอง (เช่น ไม่ช่วยมากการตลาดเทคโนโลยี) การสนทนาที่อยู่ในขอบของการกวดวิชานี้ แต่โดยรวม นักการตลาดได้เรียนรู้พวกเขาไม่สามารถจำกัดการตลาดพยายามเดินทางลูกค้าซื้อเพิ่มเติม จะต้องมีความเข้าใจในเชิงลึกที่ลูกค้าของพวกเขาและพวกเขาต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันเป็นเรื่องยากสำหรับหลาย ๆ คนที่จะเชื่อ แต่เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจการผลิตและการดำเนินงานการบัญชีและพื้นที่ธุรกิจอื่น ๆ , การตลาดเป็นวินัยที่ค่อนข้างมีโผล่ออกมาในช่วงต้นทศวรรษ 1900 ก่อนที่จะมีปัญหาเวลานี้มากที่สุดที่มีตอนนี้ทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการตลาดที่ได้รับการสันนิษฐานว่าจะตกอยู่ในแนวคิดพื้นฐานของเศรษฐกิจ (เช่นการตั้งค่าราคาถูกมองว่าเป็นแหล่งจ่ายง่ายปัญหา / ความต้องการ), การโฆษณา (พัฒนาอย่างดีจาก 1900) หรือในส่วน กรณีก็ยังไม่ได้สำรวจ (เช่นพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าสำคัญของคู่ค้าจัดจำหน่าย). นำโดยตลาดนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งการพัฒนาของตลาดเป็นส่วนใหญ่แรงบันดาลใจจากความจำเป็นในการที่จะผ่าในความสัมพันธ์มากขึ้นรายละเอียดและพฤติกรรมที่มีอยู่ ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาของการตลาดนำผู้ขายที่จะยอมรับว่าการใช้กลยุทธ์บางอย่างและกลยุทธ์อย่างมีนัยสำคัญจะได้รับประโยชน์ผู้ขาย / ความสัมพันธ์ของผู้ซื้อ ในวันเก่าของการตลาด (ก่อนปี 1950) นี้มักหมายถึงการระบุกลยุทธ์และยุทธวิธีเพียงสำหรับการขายสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ บ่อยครั้งที่ บริษัท นี้หมายถึงการกอด "ขายตามที่มากที่สุดเท่าที่เราสามารถ" ปรัชญาด้วยความกังวลเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว. แต่เริ่มต้นในปี 1950 บริษัท เริ่มที่จะเห็นว่าวิธีการเดิมของการขายที่ได้รับการสวมใส่บางที่มี ลูกค้า ขณะที่การแข่งขันเพิ่มขึ้นแข็งในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มองไปที่องค์กรด้านผู้ซื้อของการทำธุรกรรมหาวิธีการปรับปรุง สิ่งที่พวกเขาได้รับการค้นพบปรัชญาที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญในการตลาดที่ประสบความสำเร็จคือการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า นี้แนวคิดการตลาดที่มีชื่อเสียงในขณะนี้แสดงให้เห็นการตัดสินใจทางการตลาดจะไหลจากครั้งแรกรู้ของลูกค้าและสิ่งที่พวกเขาต้องการ เท่านั้นแล้วองค์กรควรเริ่มต้นกระบวนการของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดและการบริการ. แนวคิดการตลาดยังคงเป็นที่รากของความพยายามทางการตลาดมากที่สุดถึงแม้ว่าแนวความคิดจะมีปัญหาของตัวเอง (เช่นไม่ได้ช่วยมากกับการตลาดเทคโนโลยีใหม่ ) การอภิปรายของที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของการกวดวิชานี้ แต่โดยรวมนักการตลาดได้เรียนรู้ที่พวกเขาไม่สามารถ จำกัด การความพยายามทางการตลาดของพวกเขาเพียงแค่รับลูกค้าที่จะซื้อมากขึ้น พวกเขาจะต้องมีความเข้าใจในเชิงลึกของผู้ที่ลูกค้าของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันยากมากที่จะเชื่อ แต่เมื่อเทียบกับเศรษฐศาสตร์การผลิตและการปฏิบัติการ บัญชี และพื้นที่ธุรกิจอื่น ๆ , การตลาดเป็นวินัยที่ค่อนข้างเล็กมีโผล่ออกมาในต้นตอ ก่อนเวลา ปัญหานี้ส่วนใหญ่ที่ในขณะนี้โดยทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการตลาด ก็ไม่ถือว่าอยู่ในแนวคิดพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์ ( เช่นการกำหนดราคา ถูกมองว่าเป็นปัญหา / ความต้องการจัดหาง่าย ) โฆษณา ( พัฒนาจาก 1900 ) หรือในกรณีส่วนใหญ่เพียงแค่ยังไม่ได้สำรวจ ( เช่นลูกค้า , พฤติกรรมการซื้อ , ความสำคัญของพันธมิตรกระจาย )

ที่นำโดยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสาขาการตลาดหลายการพัฒนาของตลาดในส่วนที่มีขนาดใหญ่ มีแรงจูงใจ โดยต้องตรวจสอบในรายละเอียดมากขึ้นความสัมพันธ์และพฤติกรรมที่มีอยู่ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ โดยเฉพาะการศึกษาการตลาดนำผู้ขายเพื่อรับรู้ว่า การใช้กลยุทธ์บางอย่าง และกลยุทธ์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ขาย / ผู้ซื้อ ความสัมพันธ์ในวันเก่าของการตลาด ( ก่อนยุค 50 ) นี้มักจะหมายถึงการกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีเพียงการขายสินค้าและบริการเพิ่มเติมกับเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆสำหรับสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ นี้มักจะหมายถึง บริษัท โอบกอด " ขายเท่าที่เราสามารถ " ปรัชญากับกังวลเล็กน้อยเพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้ยาว

แต่เริ่มต้นในปี 1950บริษัท เริ่มที่จะเห็นวิธีการเก่าของการขายใส่บางๆ กับลูกค้า การแข่งขันข้ามอุตสาหกรรมเติบโตแข็งแรงที่สุด องค์กรมองไปยังผู้ซื้อ ด้านธุรกรรมทางเพื่อปรับปรุง สิ่งที่พวกเขาพบคือนายปรัชญา กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญในการตลาดที่ประสบความสำเร็จคือการเข้าใจความต้องการของลูกค้าตอนนี้ที่มีแนวคิดการตลาดแนะนำการตัดสินใจทางการตลาดจะไหลจากแรกรู้ลูกค้าและสิ่งที่พวกเขาต้องการ เท่านั้น จึงควรมีองค์กรเริ่มต้นกระบวนการของการพัฒนา และการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการ

แนวคิดการตลาดยังคงเป็นรากของความพยายามทางการตลาดมากที่สุด แม้ว่าแนวคิดก็มีปัญหาของตัวเอง ( เช่นไม่ช่วยมากกับการตลาดเทคโนโลยีใหม่ ) การอภิปราย ซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตของบทนี้ แต่โดยรวมแล้ว นักการตลาดได้เรียนรู้พวกเขาสามารถไม่ จำกัด ของพวกเขา ความพยายามทางการตลาดที่จะรับลูกค้าที่จะซื้อเพิ่มเติม พวกเขาต้องมีความเข้าใจในเชิงลึกของผู้ที่เป็นลูกค้าของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาต้องการ