The application of waste frying oil

The application of waste frying oil (WFO) mixed with rapeseed oil as a feedstock for the effective production of fatty acid methyl esters (FAME) in a lipase-catalyzed process was investigated. The response surface methodology (RSM) was used to optimize the interaction of four variables: the percentage of WFO in the mixed feedstock, the methanol-to-oil ratio, the dosage of Novozym 435 as a catalyst and the temperature. Furthermore, the addition of methanol to the reaction mixture in a second step after 8 h was shown to effectively diminish enzyme inhibition. Using this technique, the model predicted the optimal conditions that would reach 100% FAME, including a methanol-to-oil molar ratio of 3.8:1, 100% (wt) WFO, 15% (wt) Novozym 435 and incubation at 44.5 °C for 12 h with agitation at 200 rpm, and verification experiments confirmed the validity of the model. According to the model, the addition of WFO increased FAME production yield, which is largely due to its higher contents of monoacylglycerols, diacylglycerols and free fatty acids (in comparison to rapeseed oil), which are more available substrates for the enzymatic catalysis. Therefore, the replacement of rapeseed oil with WFO in Novozym 435-catalyzed processes could diminish biodiesel production costs since it is a less expensive feedstock that increases the production yield and could be a potential alternative for FAME production on an industrial scale.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แอพลิเคชันของเสียทอดน้ำมัน (WFO) ผสมกับน้ำมันเรพซีดขณะรับการตรวจสอบวัตถุดิบการผลิตที่มีประสิทธิภาพของกรดไขมัน methyl esters (ชื่อเสียง) ในกระบวนการกระบวนเอนไซม์ไลเปส ใช้วิธีการพื้นผิวตอบสนอง (RSM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิสัมพันธ์ของตัวแปรที่สี่: เปอร์เซ็นต์ของ WFO ในวัตถุดิบผสม อัตราส่วนเมทานอลน้ำมัน ปริมาณของ Novozym 435 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและอุณหภูมิ นอกจากนี้ นอกเหนือจากเมทานอลผสมปฏิกิริยาในขั้นตอนสองหลังจาก 8 ชั่วโมงที่แสดงต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพลดการยับยั้งเอนไซม์ ใช้เทคนิคนี้ แบบจำลองการคาดการณ์สภาวะที่เหมาะสมที่จะไปถึง 100% เมทานอลกับน้ำมันอัตราส่วนสบของ 3.8:1, 100% (wt) WFO, 15% (wt) Novozym 435 และบ่มที่ 44.5 ° C เป็นเวลา 12 ชม.กับความปั่นป่วนที่ 200 rpm รวม ชื่อเสียง และการทดลองการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของแบบจำลอง ตามรูปแบบ การเพิ่ม WFO เพิ่มผลผลิตชื่อเสียง ซึ่งเป็นเนื้อหาของ monoacylglycerols, diacylglycerols และกรดไขมันอิสระ (เปรียบเทียบกับน้ำมัน rapeseed), ซึ่งมีพื้นผิวที่ว่างมากสำหรับเร่งปฏิกิริยาเอนไซม์สูงขึ้น ดังนั้น การแทนที่ของน้ำมัน rapeseed WFO ในกระบวนการกระบวน Novozym 435 สามารถลดต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลเนื่องจากเป็นวัตถุดิบราคาไม่แพงที่เพิ่มผลผลิต และอาจจะเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสำหรับชื่อเสียงการผลิตในระดับอุตสาหกรรมการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แอพลิเคชันของน้ำมันทอดเสีย (WFO) ผสมกับน้ำมัน rapeseed เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตที่มีประสิทธิภาพของเอสเทอกรดไขมันโอเมธิล (FAME) ในกระบวนการเร่งปฏิกิริยาเอนไซม์ไลเปสได้รับการตรวจสอบ พื้นผิวตอบสนองต่อวิธีการ (RSM) ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันของสี่ตัวแปร: ร้อยละของ WFO ในวัตถุดิบผสมอัตราส่วนเมทานอลต่อน้ำมันปริมาณของ Novozym 435 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและอุณหภูมิ นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของเมทานอลไปผสมปฏิกิริยาในขั้นตอนที่สองหลังจาก 8 ชั่วโมงก็แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการลดการยับยั้งเอนไซม์ การใช้เทคนิคนี้รูปแบบการคาดการณ์สภาวะที่เหมาะสมที่จะมาถึง FAME 100% รวมทั้งเมทานอลต่อน้ำมันอัตราส่วน 3.8: 1, 100% (WT) WFO, 15% (WT) Novozym 435 และการบ่มที่ 44.5 ° C เป็นเวลา 12 ชั่วโมงที่มีการกวนที่ 200 รอบต่อนาทีและการทดลองการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของแบบจำลอง ตามรูปแบบที่นอกเหนือจาก WFO เพิ่มผลผลิต FAME ซึ่งเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากเนื้อหาที่สูงขึ้นของ monoacylglycerols, diacylglycerols และกรดไขมันอิสระ (เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมัน rapeseed) ซึ่งเป็นพื้นผิวอื่น ๆ สำหรับการเร่งปฏิกิริยาเอนไซม์ กระบวนการดังนั้นการเปลี่ยนน้ำมัน rapeseed กับ WFO ใน Novozym 435-catalyzed สามารถลดต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลเนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่ราคาไม่แพงที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและอาจจะเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสำหรับการผลิต FAME ในระดับอุตสาหกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การประยุกต์ใช้น้ำมันทอดใช้แล้ว ( wfo ) ผสมกับน้ำมันเมล็ดเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตที่มีประสิทธิภาพของกรดไขมันเมทิลเอสเทอร์ ( ชื่อเสียง ) เอนไซม์เร่งปฏิกิริยาในกระบวนการสอบสวน ส่วน Response Surface Methodology ( RSM ) ถูกใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิสัมพันธ์ของ 4 ตัวแปร คือ ค่าร้อยละของ wfo ในวัตถุดิบผสมเมทานอลต่อน้ำมัน , ปริมาณของโนโวไซม์ 435 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา และอุณหภูมิ นอกจากนี้ ส่วนของเมทานอลต่อปฏิกิริยาผสมในขั้นตอนที่สองหลังจาก 8 ชั่วโมง เป็น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการยับยั้งเอนไซม์ . การใช้เทคนิคนี้ แบบจำลองทำนายสภาวะที่เหมาะสมที่จะถึง 100% ชื่อเสียง รวมถึงอัตราส่วนโดยโมลของเมทานอลต่อน้ำมัน 3.8:1 100 % ( โดยน้ำหนัก ) wfo 15 % ( โดยน้ำหนัก ) โนโวไซม์และบ่มที่ 44.5 องศา C เป็นเวลา 12 ชั่วโมงด้วยการกวน 200 รอบต่อนาที และตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของการทดลอง นางแบบ ตามรูปแบบ นอกเหนือจาก wfo ชื่อเสียงเพิ่มขึ้นผลผลิตซึ่งเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ monoacylglycerols diacylglycerols เนื้อหา , และกรดไขมันอิสระ ( เปรียบเทียบกับ Rapeseed Oil ) ซึ่งมีพื้นผิวที่พร้อมใช้งานสำหรับการเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์ . ดังนั้น การเปลี่ยนน้ำมัน rapeseed กับ wfo ในอาจลดต้นทุนโนโวไซม์ 435 เร่งกระบวนการผลิตไบโอดีเซลเนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่ราคาไม่แพง เพิ่มผลผลิต และอาจเป็นทางเลือกสำหรับการผลิตที่มีชื่อเสียงในขั้นอุตสาหกรรม