As of mid-2008, Apple had sold more

As of mid-2008, Apple had sold more than 150 million iPods. According to most estimates, the device commanded 70% or more of the U.S. market for portable music players.78 Rivals in the MP3 player market included Creative, Samsung, and Sony. The most prominent challenge to the iPod came from Microsoft, which introduced its Zune line of music players in late 2006. At the hardware level, Zune players roughly matched comparable iPod models and included features—wireless music-sharing capability, an FM tuner—that the iPod lacked. According to some reviewers, though, Zune software and the Zune Marketplace content store were inferior to iTunes offerings.79 Most iPod competitors had converged on the use of Microsoft’s WMA standard.80 (See Exhibit 9—iPod Competitors: Comparison of Models and Prices for MP3 Players.)
Initially, the iPod could sync only with Macs. But in August 2002 Apple introduced an iPod for Windows.81 In other ways, too, the company’s approach to developing and marketing the iPod was less closed than its longtime approach to deploying the Macintosh. In this regard, the iPod accessory market was particularly important. By 2007, that market—consisting of 1,000-plus advertised items— generated more than $1 billion in sales. For every $3 dollars spent on an iPod, according to one analyst, consumers spent another $1 on iPod add-on products. And Apple, through a program that licensed its “Made for iPod” logo, earned an estimated 5% of the retail price of such items.82
The iTunes System
One key element of the iPod system was the iTunes Music Store, an online service that Apple launched in April 2003. For 99 cents per song, visitors could download music offered by all five major record labels and by thousands of independent music labels. Users could play a downloaded song on their computer, burn it onto their own CD, or transfer it to an iPod. Initially available only to Mac users, the iTunes store became Windows-compatible in October 2003. Within three days of the launch of that service, PC owners had downloaded 1 million copies of free iTunes software and had paid for
1 million songs.83 By mid-2007, users had downloaded more than 500 million copies of the Windows version of iTunes.84 The first legal site that allowed music downloads on a pay-per-song basis, iTunes became the dominant online store of its kind. By June 2008, it had sold more than 5 billion songs, and it claimed a 70% share of the worldwide digital music market. It was also the largest U.S. music retailer of any kind, having surpassed Wal-Mart and Best Buy in music sales earlier that year.85
The introduction of iTunes had a galvanic impact on iPod sales. Before the advent of iTunes, Apple sold an average of 113,000 iPods per quarter; by the quarter that ended December 2003, iPod sales had shot up to 733,000 units—and then continued to rise.86 (See Exhibit 10—iPod and iTunes: Quarterly Unit Sales.) In 2007, combined iPod and iTunes sales accounted for 45% of total revenue at Apple.87 The direct impact of iTunes on Apple’s profitability was far less impressive. Of the 99 cents that Apple collected per song, as much as 70 cents went to the music label that owned it, and about 20 cents went toward the cost of credit card processing. That left Apple with only about a dime of revenue per track, from which Apple had to pay for its website, along with other direct and indirect costs.88 In essence, Jobs had created a razor-and-blade business, only in reverse: Here, the variable element served as a loss leader for a profit-driving durable good.89
Central to the iTunes model was a set of standards that guarded both the music labels’ intellectual property and the proprietary technology inside the iPod. An Apple-exclusive “digital rights management” (DRM) system called FairPlay protected iTunes songs against piracy by limiting to five the number of computers that could play a downloaded song. FairPlay enabled Jobs to coax music executives into supporting the initial iTunes venture. It also helped fuel iPod sales, since no competing MP3 player could play FairPlay-protected songs.90 Observers called iTunes a “Trojan horse” that allowed iPod-specific standards to invade users’ music libraries and, in effect, to lock out other music players.91 The iPod, meanwhile, could play content recorded in most standard formats.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ณ กลางปี​​ 2008, แอปเปิ้ลมียอดขายมากกว่า 150 ล้าน iPods ตามประมาณการส่วนใหญ่อุปกรณ์ที่สั่งให้ 70% หรือมากกว่าของเรา ตลาดสำหรับการพกพาคู่แข่ง players.78 เพลงในตลาด mp3 เล่นรวมถึงความคิดสร้างสรรค์ของซัมซุงและโซนี่ ความท้าทายที่โดดเด่นที่สุด ipod ของมาจากไมโครซอฟท์ซึ่งแนะนำสาย Zune ของเครื่องเล่นเพลงในปลายปี 2006 ในระดับฮาร์ดแวร์ผู้เล่นจับคู่ประมาณ Zune รุ่น iPod เปรียบเทียบและรวมคุณสมบัติไร้สายความสามารถในการฟังเพลงร่วมกัน fm จูนเนอร์ที่ ipod ของขาด ตามที่บางคนวิจารณ์ แต่ซอฟต์แวร์และ Zune เก็บเนื้อหาตลาดด้อยกว่าที่ iTunes offerings.79 ipod ของคู่แข่งส่วนใหญ่ได้แปรสภาพในการใช้งานของไมโครซอฟท์ standard.80 WMA (ดูคู่แข่งจัดแสดง 9 ipod ของ:การเปรียบเทียบรูปแบบและราคาสำหรับเล่น mp3.)
แรก, iPod สามารถซิงค์เฉพาะกับแม็ค แต่ในสิงหาคม 2002 แอปเปิ้ลเปิดตัวไอพอดสำหรับ windows.81 ในรูปแบบอื่น ๆ ด้วยวิธีการของ บริษัท ในการพัฒนาและการตลาด ipod ของที่ถูกปิดน้อยกว่าวิธีการที่รู้จักกันมานานในการปรับใช้แมคอินทอช ในเรื่องนี้ตลาดอุปกรณ์เสริมไอพอดที่มีความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยปี 2007ตลาดประกอบด้วยที่ 1,000 บวกโฆษณารายการที่สร้างมากกว่า 1 $ พันล้านดอลลาร์ในการขาย สำหรับทุก $ 3 เหรียญที่ใช้ใน ipod ของตามหนึ่งนักวิเคราะห์ผู้บริโภคใช้เวลาอีก $ 1 ipod ของ Add-on ผลิตภัณฑ์ และแอปเปิ้ลผ่านโปรแกรมที่ได้รับอนุญาตของ "ทำเพื่อ ipod ของ" โลโก้ที่ได้รับประมาณ 5% ของราคาขายปลีกดังกล่าว items.82
ระบบ iTunes
องค์ประกอบสำคัญหนึ่งของระบบ ipod ของเป็นร้านขายอุปกรณ์ดนตรี iTunes, บริการออนไลน์ที่แอปเปิ้ลเปิดตัวในเมษายน 2003 99 เซนต์ต่อเพลงที่ผู้เข้าชมสามารถดาวน์โหลดเพลงที่นำเสนอโดยทั้งห้าค่ายใหญ่และโดยนับพันของค่ายเพลงอิสระ ผู้ใช้สามารถเล่นเพลงที่ดาวน์โหลดบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกเขาเผามันลงบนแผ่นซีดีของตัวเองหรือโอนไปยัง ipod ของเริ่มใช้ได้เฉพาะกับผู้ใช้แม็ค, ร้าน iTunes กลายเป็นหน้าต่างที่เข้ากันได้ในตุลาคม 2003 ภายในสามวันของการเปิดตัวของการให้บริการที่เป็นเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ดาวน์โหลด 1 ล้านสำเนาของซอฟต์แวร์ iTunes ฟรีและได้รับเงินสำหรับ
1 ล้าน songs.83 โดยกลางปี​​ 2007 ผู้ได้ดาวน์โหลดมากกว่า 500 ล้านสำเนาของ Windows รุ่นของ iTunes .84 เว็บไซต์ที่ถูกกฎหมายเป็นครั้งแรกที่ได้รับอนุญาตการดาวน์โหลดเพลงบนพื้นฐานจ่ายต่อเพลง iTunes กลายเป็นร้านค้าออนไลน์ที่โดดเด่นของชนิด โดยมิถุนายน 2008 มันก็ขายได้มากกว่า 5 พันล้านเพลงและก็อ้างว่าส่วนแบ่ง 70% ของตลาดเพลงดิจิตอลทั่วโลก มันก็ยังใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ร้านค้าปลีกเพลงใด ๆ ที่มีการค้นพบ Wal-Mart และซื้อที่ดีที่สุดในการขายเพลงก่อนหน้านี้ที่ year.85
การแนะนำของ iTunes มีผลกระทบต่อการขายไฟฟ้า ipod ของ ก่อนการถือกำเนิดของ iTunes, แอปเปิ้ลขายเฉลี่ย 113,000 iPods ต่อไตรมาส; โดยไตรมาสที่สิ้นสุดธันวาคม 2003 มียอดขายไอพอดได้ยิงถึง 733,000 หน่วยและจากนั้นยังคง rise.86 (ดูจัดแสดง 10 iPod และ iTunes: ไตรมาส หน่วยขาย.) ในปี 2007 ยอดขายรวม iPod และ iTunes คิดเป็น 45% ของรายได้รวมที่แอปเปิ้ล87 ผลกระทบโดยตรงของ iTunes ในการทำกำไรของแอปเปิ้ลก็ยังห่างไกลที่น่าประทับใจน้อย ของแอปเปิ้ล 99 เซนต์ต่อเพลงเก็บที่มากที่สุดเท่าที่ 70 เซ็นต์ไปชื่อเพลงที่เป็นเจ้าของมันและประมาณ 20 เซ็นต์ต่อไปค่าใช้จ่ายของการประมวลผลบัตรเครดิต แอปเปิ้ลที่เหลือเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับรายได้จากการติดตามต่อจากที่แอปเปิ้ลต้องจ่ายสำหรับเว็บไซต์ของตนพร้อมกับ costs.88 ตรงและทางอ้อมอื่น ๆ ในสาระสำคัญงานได้สร้างธุรกิจมีดโกนและใบมีดเพียงในสิ่งที่ตรงกันข้าม: ที่นี่องค์ประกอบตัวแปรทำหน้าที่เป็นผู้นำการสูญเสียสำหรับกำไรที่ขับรถคงทน good.89
ศูนย์กลาง iTunes รูปแบบเป็นชุดของมาตรฐานที่รักษาทั้งทรัพย์สินทางปัญญาของค่ายเพลงและเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ภายใน ipod ของ"การบริหารจัดการสิทธิ์ดิจิตอล" แอปเปิ้ล แต่เพียงผู้เดียว (DRM) ระบบที่เรียกว่า Fairplay ป้องกันเพลง iTunes กับการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการ จำกัด ถึงห้าจำนวนของคอมพิวเตอร์ที่สามารถเล่นเพลงที่ดาวน์โหลดมา Fairplay งานเปิดการใช้งานผู้บริหารเกลี้ยกล่อมเพลงในการสนับสนุนกิจการ iTunes เริ่มต้น มันยังช่วยขาย ipod ของน้ำมันเชื้อเพลิงเนื่องจากไม่มีการแข่งขัน mp3 เล่นสามารถเล่นเพลงที่มีการป้องกัน Fairplay90 ผู้สังเกตการณ์ที่เรียกว่า iTunes "ม้าโทรจัน" ที่ได้รับอนุญาตมาตรฐาน ipod ของเฉพาะที่จะบุกของผู้ใช้ห้องสมุดเพลงและในผลที่จะล็อคออกเพลงอื่น ๆ players.91 ipod ของขณะที่สามารถเล่นเนื้อหาที่บันทึกไว้ในรูปแบบมาตรฐานมากที่สุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ณ กลาง 2008 แอปเปิ้ลมีขาย iPods มากกว่า 150 ล้านบาท ตามการประเมินมากที่สุด อุปกรณ์สั่ง 70% หรือมากกว่าของตลาดสหรัฐสำหรับเพลงแบบพกพา players.78 คู่แข่งในเครื่องเล่น MP3 ตลาดความคิดสร้างสรรค์ ซัมซุง และ Sony ความท้าทายที่โดดเด่นที่สุดกับ iPod มาจาก Microsoft ซึ่งนำรายการของ Zune ของเครื่องเล่นเพลงในช่วงปลายปี 2006 ในระดับฮาร์ดแวร์ เครื่องเล่น Zune ตรงรุ่นเทียบเท่า iPod และรวมคุณลักษณะประมาณ — ไร้เพลงร่วมกัน มีเครื่องรับ FM — ที่ขาด iPod ตามผู้ตรวจทานบาง แม้ว่า ซอฟต์แวร์ Zune และเก็บเนื้อหาของ Zune Marketplace ได้น้อยกับ iTunes offerings.79 คู่แข่งส่วนใหญ่ iPod มี converged การใช้ standard.80 ของ Microsoft WMA (ดู 9 แสดงตัว iPod คู่แข่ง: เปรียบเทียบรูปแบบและราคาสำหรับเครื่องเล่น MP3)
ตอนแรก iPod สามารถซิงค์เท่ากับแม็ค แต่ในเดือน 2002 สิงหาคม Apple เปิดตัว iPod สำหรับ Windows.81 ในรูปแบบอื่น ๆ เกินไป วิธีการของบริษัทในการพัฒนา และการตลาด iPod ถูกปิดน้อยกว่าวิธีของ longtime ใช้ Macintosh ในการนี้ ตลาดอุปกรณ์เสริม iPod เป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยปี 2007 ที่ตลาดซึ่งประกอบด้วย 1,000-plus โฆษณาสินค้า — สร้างกว่า 1 ล้านดอลลาร์ในการขาย สำหรับทุก $3 ดอลลาร์ ใช้ใน iPod ตามหนึ่งนักวิเคราะห์ ผู้บริโภคใช้อีก $1 ในผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับ iPod และแอปเปิ้ล ผ่านโปรแกรมที่ได้รับโลโก้ของ "ทำ iPod" ประมาณ 5% ของราคาขายปลีกของ iTunes เช่น items.82
The ระบบ
องค์ประกอบสำคัญหนึ่งของระบบ iPod iTunes เพลงร้านค้า บริการออนไลน์ที่ Apple เปิดตัวในเดือน 2003 เมษายนได้ 99 เซนต์ ต่อเพลง ผู้เข้าชมสามารถดาวน์โหลดเพลงที่นำเสนอ โดยทั้งหมดห้าป้ายระเบียนหลัก และพันป้ายเพลงอิสระ ผู้ใช้สามารถเล่นเพลงดาวน์โหลดบนคอมพิวเตอร์ เขียนลงบนซีดีของตนเอง หรือโอนย้ายไปยัง iPod กลายเป็นร้าน iTunes เริ่มใช้เฉพาะผู้ใช้ Mac, Windows เข้ากันได้ใน 2546 ตุลาคม ภายในสามวันของการเปิดบริการนั้น เจ้าของ PC มีดาวน์โหลดสำเนาซอฟต์แวร์ iTunes ฟรี 1 ล้าน และมีชำระ
songs.83 1 ล้าน โดยกลาง 2007 ผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดมากกว่า 500 ล้านสำเนาของ Windows รุ่นของ iTunes84 เว็บไซต์กฎหมายแรกที่ได้เพลงดาวน์โหลดตามจ่ายต่อเพลง iTunes กลายเป็น ร้านค้าออนไลน์โดดเด่นของชนิด 2551 มิถุนายน มันมีขายมากกว่า 5 พันล้านเพลง และอ้างว่า 70% ส่วนแบ่งตลาดเพลงดิจิตอลทั่วโลก ก็ยังจำหน่ายเพลงสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดชนิดใด มีแล้วหยั่นหวอหยุ่น-มินิมาร์ทและซื้อดีที่สุดในการขายเพลงก่อนหน้านี้ที่ year.85
แนะนำ iTunes มีผลกระทบต่อบิขาย iPod ก่อนการมาถึงของ iTunes แอปเปิ้ลที่ขายเฉลี่ยของ iPods 113,000 ต่อไตรมาส โดยไตรมาสที่สิ้นสุด 2546 ธันวาคม ขาย iPod มียิงถึง 733,000 หน่วย – แล้ว ยังคง rise.86 (ดูแสดง 10 — iPod และ iTunes: ไตรหน่วยขาย) ในปี 2550 รวม iPod และ iTunes ขายบัญชี 45% ของรายได้รวมที่แอปเปิ้ล87 ผลกระทบโดยตรงของ iTunes บนผลกำไรของ Apple น่าประทับใจมากน้อย 99 เซนต์ ที่ Apple รวบรวมต่อเพลง ถึง 70 เซนต์ ไปป้ายชื่อเพลงที่เป็นเจ้าของมัน และประมาณ 20 เซนต์ ไปต่อต้นทุนของการประมวลผลบัตรเครดิต ที่เหลือแอปเปิ้ลกับเพียงเกี่ยวกับขนาดของรายได้ต่อติดตาม จากที่แอปเปิ้ลได้จ่ายสำหรับเว็บไซต์ของ กับอื่น ๆ โดยตรง และทางอ้อม costs.88 ในสาระสำคัญ งานได้สร้างธุรกิจมีดโกน และใบมีด เฉพาะในกลับ: ที่นี่ องค์ประกอบตัวแปรที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำขาดทุนเป็นกำไรขับทนทาน good.89
Central รุ่น iTunes เป็นชุดของมาตรฐานที่รักษาของป้ายชื่อเพลงทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ภายใน iPod มีแอปเปิ้ลพิเศษ "การจัดการสิทธิ์แบบดิจิทัล" (DRM) ระบบเรียกว่า FairPlay ป้องกันเพลง iTunes กับละเมิดลิขสิทธิ์ ด้วยการจำกัดจำนวนของคอมพิวเตอร์ที่สามารถเล่นเพลงที่ดาวน์โหลดมาที่ห้า FairPlay เปิดงานคะยั้นคะยอนักดนตรีเข้าสนับสนุนกิจการ iTunes ครั้งแรก นอกจากนี้ยังช่วยน้ำมันขาย iPod เนื่องจากไม่แข่งขันเครื่องเล่น MP3 สามารถเล่นเพลง FairPlay ป้องกันผู้สังเกตการณ์ 90 เรียก iTunes "ม้าโทรจัน" ที่ได้มาตรฐานเฉพาะ iPod รุกไลบรารีเพลงของผู้ใช้ ผลกระทบ การล็อกออก players.91 เพลงอื่น ๆ iPod ในขณะเดียวกัน สามารถเล่นเนื้อหาบันทึกในรูปแบบมาตรฐานที่สุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นของกลาง 2008 แอปเปิลได้ขายมากกว่า 150 ล้าน iPods ตามการประมาณโดยส่วนใหญ่อุปกรณ์ที่ทรงบัญชา 70% หรือมากกว่าในตลาดสหรัฐอเมริกาสำหรับเพลงแบบพกพาเครื่อง เล่น 78 คู่แข่งในตลาดเครื่องเล่น MP 3 ที่มีอยู่ความคิดสร้างสรรค์, Samsung และโซนี่ ความท้าทายที่โดดเด่นมากที่สุดใน iPod ได้มาจาก Microsoft ซึ่งได้นำสาย zune ของเครื่องเล่นเพลงในช่วงปลายปี 2006 ในระดับฮาร์ดแวร์เครื่องเล่น zune อย่างหยาบๆตรงกับรุ่นใกล้เคียงกับ iPod และรวมถึงความสามารถโดดเด่นไปด้วย - เพลงแบบไร้สาย - การใช้งานร่วมกันที่ FM จูนเนอร์ที่ iPod ที่ขาด ตามไปตรวจทาน,แม้ว่า, zune ซอฟต์แวร์และเนื้อหา zune ตลาดจัดเก็บได้ต่ำกว่าไปที่ iTunes offerings. เมล 79 ส่วนใหญ่ iPod คู่แข่งได้มาบรรจบกันที่ใช้ของ Microsoft ของ WMA ด้วย 80 (ดูที่จัดแสดงนิทรรศการ 9 - iPod คู่แข่ง:การเปรียบเทียบรุ่นต่างๆและราคาสำหรับเครื่องเล่น MP 3 )
iPod ในครั้งแรกที่ไม่สามารถซิงค์กับเครื่องแมคอินทอชจะเท่านั้น. แต่ในเดือนสิงหาคมปี 2002 แอปเปิลได้นำเสนอ iPod สำหรับ windows. 81 ในวิธีอื่นๆมากเกินไปซึ่งแนวทางของบริษัทเพื่อการพัฒนาและการตลาด iPod ที่มีจำนวนน้อยกว่าวิธีการปิดกาลนานมาเป็นการปรับใช้ Macintosh ในการนี้ตลาดอุปกรณ์เสริม iPod ที่มีความสำคัญอย่างมาก โดย 2007ตลาดซึ่งประกอบด้วยที่ของ 1 , 000 - รวมถึงโฆษณารายการ - สร้างขึ้นมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในการขาย สำหรับทุก$ 3 ดอลลาร์ใช้เวลาบน iPod ที่หนึ่งนักวิเคราะห์ ผู้บริโภค ใช้$ 1 อื่นบน ผลิตภัณฑ์ Add - บน iPod แอปเปิลและผ่านทางโปรแกรมที่ถูกต้อง"ได้ทำสำหรับ iPod "โลโก้ได้รับ 5% คาดว่าเป็นของราคาจำหน่ายปลีกของ iTunes items. 82

ตามมาตรฐานเช่นระบบที่หนึ่ง - เป็นส่วนสำคัญของระบบ iPod ได้จัดเก็บเพลงจาก iTunes ที่บริการออนไลน์ที่แอปเปิลเปิดตัวในเดือนเมษายน 2003 สำหรับ 99 เซ็นต์ต่อเพลงนักท่องเที่ยวไม่สามารถดาวน์โหลดเพลงจัดให้บริการโดยห้าฉลากบันทึกที่สำคัญทั้งหมดและพันของฉลากเพลงอิสระ ผู้ใช้ไม่สามารถเล่นเพลงดาวน์โหลดลงในคอมพิวเตอร์ของตนเขียนไว้บนแผ่นซีดีของตนหรือโอนไปไว้ที่ iPodในเบื้องต้นมีให้เฉพาะผู้ใช้ Mac iTunes Music Store ซึ่งได้กลายมาเป็น Windows - ที่ใช้ร่วมกันได้ในเดือนตุลาคม 2003 ภายใน สามวันของการเปิดตัวของการให้บริการที่ผู้เป็นเจ้าของเครื่องพีซีได้ดาวน์โหลดมา 1 ล้านบาทสำเนาของซอฟต์แวร์ iTunes แบบไม่เสียค่าบริการและจ่ายเงิน 1 ล้านบาทสำหรับ
songs. 83 ในช่วงกลาง 2007 ผู้ใช้ดาวน์โหลดได้มากกว่า 500 ล้านชุดของรุ่นของ Windows ของ iTunes84 เว็บไซต์ทางกฎหมายครั้งแรกที่ได้รับอนุญาตให้ดาวน์โหลดเพลงบนพื้นฐานแบบเสียค่าบริการเมื่อรับชมต่อครั้งเพลงที่ iTunes ได้กลายมาเป็นร้านค้าออนไลน์ที่มีของที่พัก ประเภท นี้. ในเดือนมิถุนายน 2008 และได้ขายมากกว่า 5 , 000 ล้านบาทและเพลงมันอ้างว่าหุ้น 70% ของตลาดเพลงดิจิตอลทั่วโลก และยังเป็นผู้ค้าปลีกเพลงของสหรัฐอเมริกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของทุก ประเภท มีแซงหน้า Wal - Mart และดีที่สุดซื้อของในการขายเพลงก่อนหน้าที่ฎ vPro technology ,เป็น 85
การแนะนำของ iTunes ได้ส่งผลกระทบต่อสัญญาณด้วยไฟฟ้าที่ยอดขาย iPod ก่อนที่จะมาถึงของ iTunes ,แอปเปิลที่จำหน่ายโดยเฉลี่ยของ 113,000 iPods ,ต่อไตรมาส;โดยไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2003 , iPod การขายยิงได้ถึง 733,000 ชุดแล้วยัง rise. 86 (ดูที่จัดแสดงนิทรรศการ 10 - iPod และ iTunes :รายไตรมาสชุดการขาย)ในปี 2007 ซึ่งรวม iPod และ iTunes ยอดขายคิดเป็นสัดส่วน 45% ของรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่แอปเปิล.87 ส่งผลกระทบโดยตรงของ iTunes บนความสามารถในการทำกำไรของ Apple เป็นน้อยกว่าน่าประทับใจ ของ 99 เซนต์แอปเปิลที่เก็บรวบรวมต่อเพลงเป็นอย่างมากเป็น 70 เซนต์ไปป้ายชื่อเพลงที่เป็นเจ้าของและประมาณ 20 เซนต์เดินไปหาต้นทุนของการประมวลผลบัตรเครดิต ที่ด้านซ้ายแอปเปิลพร้อมด้วยเฉพาะเกี่ยวกับที่ขายของถูกของรายได้ต่อจากแอปเปิลที่ต้องจ่ายเงินสำหรับเว็บไซต์ของตนพร้อมด้วยอื่นๆโดยตรงและโดยอ้อม costs. จำนวน 8.8 หมื่นในสาระสำคัญ,งานได้สร้างเครื่องโกนหนวดและใบมีดทางธุรกิจ,เท่านั้นในทางกลับกัน:ที่นี่,ปรับเปลี่ยนส่วนที่จัดให้บริการเป็นการสูญเสียผู้นำสำหรับที่มีกำไร - ขับรถมีความทนทาน good. 89
ศูนย์กลางเพื่อไปยัง iTunes รุ่นที่เป็นที่ตั้งของมาตรฐานที่เฝ้าทั้งที่เพลงติดฉลากของทรัพย์สินทางปัญญาและที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้านใน iPod ได้แอปเปิลที่"ระบบการจัดการ"( DRM )ลิขสิทธิ์ดิจิตอลที่เรียกว่า fairplay เพลงจาก iTunes ได้รับการป้องกันจากการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการจำกัดถึงห้าจำนวนของคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถเล่นเพลงดาวน์โหลดได้ fairplay เปิดใช้งานให้โคแอ็กเชียลผู้บริหารเพลงลงในที่สนับสนุนการจัดตั้งบริษัท iTunes เริ่มต้น และยังช่วยให้ยอดขายน้ำมันเครื่องเล่น iPod เนื่องจากไม่มีแข่งขัน MP 3 ไม่สามารถเล่นเพลง fairplay - ได้รับการป้องกัน90 ผู้ตรวจ iTunes เรียกว่า"ม้าโทรจัน"ที่ได้รับอนุญาตให้มาตรฐาน iPod - เฉพาะในการรุกรานไลบรารีเพลงของผู้ใช้และมีผลในการล็อคออกจากเพลงอื่นๆ players. 91 iPod ในขณะเดียวกันไม่สามารถเล่นเนื้อหาที่บันทึกในรูปแบบมาตรฐานมากที่สุด