Coughing or trouble breathing: Some

Coughing or trouble breathing: Some types of leukemia can affect structures in the
middle of the chest, such as lymph nodes or the thymus (a small organ in front of the
trachea, the breathing tube that leads to the lungs). An enlarged thymus or lymph nodes
in the chest can press on the trachea, causing coughing or trouble breathing. In some
cases where the white blood cell count is very high, the leukemia cells can build up in the
small blood vessels of the lungs, which can also cause trouble breathing.
Swelling of the face and arms: The superior vena cava (SVC), a large vein that carries
blood from the head and arms back to the heart, passes next to the thymus. An enlarged
thymus may press on the SVC, causing the blood to “back up” in the veins. This is
known as SVC syndrome. It can cause swelling in the face, neck, arms, and upper chest
(sometimes with a bluish-red skin color). It can also cause headaches, dizziness, and a
change in consciousness if it affects the brain. The SVC syndrome can be lifethreatening,
and needs to be treated right away.
Headache, seizures, vomiting: A small number of children have leukemia that has
already spread to the brain and spinal cord when they are first diagnosed. This can lead to
symptoms such as headache, trouble concentrating, weakness, seizures, vomiting,
problems with balance, and blurred vision.
Rashes, gum problems: In children with acute myelogenous leukemia (AML), leukemia
cells may spread to the gums, causing swelling, pain, and bleeding. If it spreads to the
skin, it can cause small, dark spots that look like common rashes. A collection of AML
cells under the skin or in other parts of the body is called a chloroma or granulocytic
sarcoma.
Extreme fatigue, weakness: A rare but very serious consequence of AML is extreme
tiredness, weakness, and slurring of speech. This can occur when very high numbers of
leukemia cells cause the blood to become too thick and slow the circulation through small
blood vessels of the brain.
Again, most of the symptoms above are more likely to be caused by something other than
leukemia. Still, it’s important to have these symptoms checked by a doctor so the cause
can be found and treated, if needed.
How is childhood leukemia diagnosed?
Most of the signs and symptoms of childhood leukemia are more likely to have other
causes, such as infections. Still, it’s important to let your child’s doctor know about such
symptoms right away so that the cause can be found and treated, if needed.
Exams and tests will be done to determine the cause of the symptoms. If leukemia is
found, further tests will be needed to find out what type it is and decide how it should be
treated.
It’s important to diagnose childhood leukemia as early as possible and to determine what
type of leukemia it is so that treatment can be tailored to provide the best chance of
success.
Medical history and physical exam
If your child has signs and symptoms that might suggest leukemia, the doctor will want to
get a thorough medical history to learn about the symptoms and how long your child has
had them. The doctor may also ask about exposure to possible risk factors. A family
history of cancer, especially leukemia, may also be important.
During the physical exam, the doctor will focus on any enlarged lymph nodes, areas of
bleeding or bruising, or possible signs of infection. The eyes, mouth, and skin will be
looked at carefully, and a nervous system exam may be done. The abdomen (belly) will
be felt for signs of an enlarged spleen or liver.
Tests to look for leukemia in children
If the doctor thinks your child might have leukemia, samples of your child’s blood and
bone marrow will need to be checked to be sure of the diagnosis. Your child’s doctor
may refer you to a pediatric oncologist, a doctor who specializes in childhood cancers
(including leukemias), to have some of these tests done. If leukemia is found, other body
tissue and cell samples may also be taken to help guide treatment.
Blood tests
The first tests done to look for leukemia are blood tests. The blood samples are usually
taken from a vein in the arm, but in infants and younger children they may be taken from
other veins (such as in the feet or scalp) or from a “finger stick.”
Blood counts and blood smears are the usual tests done on these samples. A complete
blood count (CBC) is done to determine how many blood cells of each type are in the
blood. For a blood smear, a small sample of blood is spread on a glass slide and looked at
under a microscope. Abnormal numbers of blood cells and changes in the way these cells
look may make the doctor suspect leukemia.
Most children with leukemia will have too many white blood cells and not enough red
blood cells and/or platelets. Many of the white blood cells in the blood will be blasts, an
early type of blood cell normally found only in the bone marrow. Even though these
findings may make a doctor suspect that a child has leukemia, usually the disease can’t be
diagnosed

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไอหรือหายใจลำบาก: บางชนิดของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะมีผลต่อโครงสร้างใน
ช่วงกลางของหน้าอกเช่นต่อมน้ำเหลืองหรือไธมัส (อวัยวะขนาดเล็กที่ด้านหน้าของ
หลอดลมท่อหายใจที่นำไปสู่ปอด) ขยายหรือไธมัสต่อมน้ำเหลือง
ในหน้าอกสามารถกดหลอดลมทำให้เกิดการไอหรือหายใจลำบาก ในบาง
กรณีที่มีการตรวจนับเม็ดเลือดขาวสูงมากเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวสามารถสร้างขึ้นใน
เส้นเลือดเล็ก ๆ ของปอดซึ่งยังสามารถทำให้เกิดปัญหาเรื่องการหายใจ.
บวมของใบหน้าและแขนที่: Vena ที่เหนือกว่า Cava (SVC) หลอดเลือดดำขนาดใหญ่ที่ดำเนินการ
ในเลือดจากศีรษะและแขนกลับสู่หัวใจผ่านถัดไธมัส ขยาย
ไธมัสอาจกดบน SVC ก่อให้เกิดเลือดไป "สำรอง" ในเส้นเลือด นี้เป็นที่
รู้จักกันเป็นดาวน์ซินโดร SVC มันสามารถทำให้เกิดอาการบวมในใบหน้าลำคอแขนและหน้าอกตอนบน
(บางครั้งก็มีสีผิวสีฟ้าสีแดง) นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะวิงเวียนและ
การเปลี่ยนแปลงในจิตสำนึกถ้ามันมีผลต่อสมอง ดาวน์ซินโดร SVC สามารถ lifethreatening,
และจำเป็นต้องได้รับการรักษาทันที.
ปวดหัวชักอาเจียน: ขนาดเล็กจำนวนของเด็กที่มีโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่มีการ
แพร่กระจายไปแล้วสมองและไขสันหลังเมื่อพวกเขาได้รับการวินิจฉัยครั้งแรก นี้สามารถนำไปสู่
​​อาการเช่นปวดหัว, ปัญหาในการมุ่งเน้นความอ่อนแอชักอาเจียน
ปัญหาที่มีความสมดุลและตาพร่ามัว.
ผื่นปัญหาเหงือก: ในเด็กที่มีโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน myelogenous (AML), โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
เซลล์อาจแพร่กระจายไปเหงือกที่ก่อให้เกิด อาการปวดบวมและมีเลือดออก ถ้ามันจะกระจายไปยัง
ผิวก็สามารถทำให้มีขนาดเล็กจุดด่างดำที่มีลักษณะเหมือนผื่นที่พบบ่อย คอลเลกชันของ AML
เซลล์ใต้ผิวหนังหรือในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่เรียกว่า chloroma หรือ granulocytic
เนื้องอก.
อ่อนเพลียจุดอ่อน: เป็นผลมาหายาก แต่ที่รุนแรงมากของ AML เป็นมาก
เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอ่อนเพลียและถ้อยในการพูด นี้อาจเกิดขึ้นเมื่อตัวเลขที่สูงมากของ
เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวทำให้เลือดที่จะกลายเป็นหนาเกินไปและชะลอการไหลเวียนผ่านขนาดเล็ก
หลอดเลือดของสมอง.
อีกครั้งส่วนใหญ่ของอาการดังกล่าวข้างต้นมีแนวโน้มที่จะเกิดจากสิ่งอื่นนอกเหนือจาก
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จะมีอาการเหล่านี้ตรวจสอบโดยแพทย์เพื่อสาเหตุ
สามารถพบและได้รับการรักษาหากจำเป็น.
วิธีการคือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็กวินิจฉัย?
ส่วนใหญ่ของสัญญาณและอาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็กมีแนวโน้มที่จะมีคนอื่น ๆ
สาเหตุเช่นการติดเชื้อ . ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จะแจ้งให้แพทย์ของบุตรของท่านเช่นความรู้เกี่ยวกับ
อาการได้ทันทีเพื่อที่ว่าสาเหตุที่สามารถพบและรับการรักษาหากจำเป็น.
การสอบและการทดสอบจะทำเพื่อหาสาเหตุของอาการ หากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะ
พบการทดสอบต่อไปจะมีความจำเป็นที่จะหาสิ่งที่ประเภทมันคืออะไรและตัดสินใจว่ามันควรจะ
ได้รับการรักษา.
มันเป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็กเป็นช่วงต้นเป็นไปได้และการกำหนดสิ่งที่
ชนิดของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมันจึงเป็นเรื่องการรักษาที่สามารถปรับแต่ง เพื่อให้โอกาสที่ดีที่สุดของ
ความสำเร็จ.
ประวัติศาสตร์การแพทย์และตรวจร่างกาย
หากบุตรของท่านมีอาการและอาการแสดงว่าอาจแนะนำโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแพทย์จะต้องการที่จะ
ได้รับประวัติทางการแพทย์อย่างละเอียดเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับอาการและระยะยาวว่าบุตรของท่านได้
มีพวกเขา แพทย์อาจถามเกี่ยวกับการสัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงที่เป็นไปได้ ครอบครัว
ประวัติของโรคมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวก็อาจจะเป็นสิ่งสำคัญ.
ในระหว่างการตรวจร่างกายแพทย์จะมุ่งเน้นไปที่ต่อมน้ำเหลืองใด ๆ ขยายพื้นที่ของการ
มีเลือดออกหรือช้ำหรือสัญญาณที่เป็นไปได้ของการติดเชื้อ ดวงตาปากและผิวหนังจะถูก
มองที่ระมัดระวังและตรวจสอบการทำงานของระบบประสาทอาจจะทำ ช่องท้อง (ท้อง) จะ
รับรู้สัญญาณของม้ามโตตับ.
การทดสอบเพื่อหาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก
หากแพทย์คิดว่าบุตรหลานของคุณอาจมีโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวตัวอย่างของเลือดและบุตรของท่าน
ไขกระดูกจะต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า ของการวินิจฉัย หมอเด็กของคุณ
อาจนำคุณไปยังเนื้องอกเด็กแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการเกิดโรคมะเร็งในวัยเด็ก
(รวมถึง leukemias) มีบางส่วนของการทดสอบเหล่านี้ทำ หากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวพบอื่น ๆ ของร่างกาย
เนื้อเยื่อและเซลล์ตัวอย่างนอกจากนี้ยังอาจถูกนำไปช่วยรักษาคู่มือ.
การทดสอบเลือด
การทดสอบครั้งแรกที่ทำจะมองหาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีการทดสอบเลือด กลุ่มตัวอย่างเลือดมักจะถูก
นำมาจากหลอดเลือดดำที่แขน แต่ในทารกและเด็กที่อายุน้อยกว่าพวกเขาอาจจะนำมาจาก
เส้นเลือดอื่น ๆ (เช่นในฟุตหรือหนังศีรษะ) หรือจาก "ติดนิ้ว."
ค่าเลือดและรอยเปื้อนเลือดเป็น การทดสอบตามปกติทำในตัวอย่างเหล่านี้ สมบูรณ์
ของเม็ดเลือด (CBC) จะทำเพื่อกำหนดจำนวนเซลล์ของแต่ละกรุ๊ปเลือดอยู่ใน
เลือด สำหรับการละเลงเลือดตัวอย่างเล็ก ๆ ของเลือดจะถูกกระจายไปบนสไลด์แก้วและมองไปที่
ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ตัวเลขที่ผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดและการเปลี่ยนแปลงในทางที่เซลล์เหล่านี้
มีลักษณะอาจทำให้แพทย์โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวต้องสงสัย.
เด็กส่วนใหญ่ที่เป็นโรคมะเร็งจะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวมากเกินไปและไม่เพียงพอแดง
เม็ดเลือดและ / หรือเกล็ดเลือด หลายของเซลล์เม็ดเลือดขาวในเลือดจะลั่นเป็น
ชนิดแรกของเซลล์เม็ดเลือดปกติที่พบได้เฉพาะในไขกระดูก แม้ว่าเหล่านี้
ผลการวิจัยอาจทำให้ผู้ต้องสงสัยหมอว่าเด็กมีโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวโรคมักจะไม่สามารถ
ได้รับการวินิจฉัย