Working with children and adolescen

Working with children and adolescents is in the top three of most important motives to become a teacher, whereas social
influence is one of the least important motives. This finding is in line with previous studies (Fokkens-Bruinsma & Canrinus,
2011; Roness & Smith, 2010; Watt & Richardson, 2007). These results hold for both the preservice teachers in the secondary
school context and in the primary school context, although there are differences in the sizes of results. Preservice teachers in
the primary school context score significantly higher on working with children and adolescents. However, for both contexts,
this motive is in the top three of most important motives. This finding is surprising since other studies have found differences
in most important motive to become a teacher between preservice teachers in training to become a secondary school teacher
and those in training to become a primary school teacher. For example, Krecˇicˇ and Grmek (2005) found differences in reasons
for choosing the teaching profession; they found that students in art education mentioned material reasons, such as job
security, for choosing the teaching profession much more often than students in the Department of Elementary Education.
And even in our own study (Jansen & Bruinsma, 2007) we noticed that preservice teachers who wanted to become secondary
school teachers were motivated by their love for their subject-domain, whereas preservice teachers in the primary school
context were more motivated to work with children. In future studies it would be interesting to investigate whether our
secondary school preservice teachers are more motivated by factors such as love for their subject than by factors such as
working with children.
Our finding is an important finding as working with children and adolescents is related to the intrinsic worth of teaching.
Malmberg (2006) suggested that there are at least three reasons why teacher education would profit from students with more
intrinsic types of motivation. Malmberg indicated that (1) intrinsic motivation positively affects teaching strategies and job
satisfaction, (2) students taught by an intrinsically motivated teacher enjoy their tasks more and are more interested in learning,
(3) intrinsic motivation is an important part of accessing teacher studies, staying on the job, and commitment to the trade.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทำงานกับเด็กและวัยรุ่นเป็นสามด้านของแรงจูงใจสำคัญที่สุดจะกลายเป็น ครู ในขณะที่สังคมอิทธิพลเป็นแรงจูงใจสำคัญอย่างน้อยอย่างใดอย่างหนึ่ง ค้นหานี้จะสอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้านี้ (Fokkens-Bruinsma & Canrinus2011 Roness & Smith, 2010 วัตต์และริชาร์ดสัน 2007) ผลลัพธ์เหล่านี้ค้างไว้ทั้งอาจารย์เน้นในการรองบริบทของโรงเรียนและ ใน บริบทโรงเรียนประถม แม้ว่าจะมีความแตกต่างของขนาดของผล ครูเน้นในโรงเรียนประถมศึกษาบริบทคะแนนสูงในการทำงานกับเด็กและวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม สำหรับทั้งบริบทแรงจูงใจนี้ในสามด้านของแรงจูงใจสำคัญที่สุดนั้น ค้นพบนี้น่าแปลกใจเนื่องจากการศึกษาอื่น ๆ พบความแตกต่างในแรงจูงใจสำคัญที่สุดจะกลายเป็น ครูระหว่างครูเน้นในการฝึกอบรมเพื่อเป็น อาจารย์สอนโรงเรียนมัธยมศึกษาและในการฝึกอบรมเพื่อเป็น อาจารย์สอนโรงเรียนประถมศึกษา ตัวอย่างเช่น Krecˇicˇ และ Grmek (2005) พบความแตกต่างในเหตุผลการเลือกอาชีพการสอน พวกเขาพบว่า นักเรียนในการศึกษาศิลปะที่กล่าวถึงวัสดุเหตุผล เช่นงานรักษาความปลอดภัย การเลือกอาชีพการสอนมากขึ้นกว่านักเรียนในแผนกประถมศึกษาและแม้ ในการศึกษาของเราเอง (แจนเซน & Bruinsma, 2007) เราสังเกตเห็นที่ อาจารย์เน้นที่อยากกลายเป็นรองครูกระตือรือร้นมาก ๆ เพราะความรักสำหรับโดเมนวัตถุของพวกเขา ในขณะที่ preservice ครูในโรงเรียนบริบทถูกจูงใจในการทำงานกับเด็ก ในอนาคตการศึกษามันจะน่าสนใจเพื่อตรวจสอบว่าเรามัธยมศึกษาเน้นครูมีแรงจูงใจมากขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ เช่นความรักเรื่องของพวกเขากว่าจากปัจจัยเช่นการทำงานกับเด็กเราค้นหาเป็นการค้นพบที่สำคัญทำงานกับเด็กและวัยรุ่นเกี่ยวข้องกับการ intrinsic มูลค่าการสอนMalmberg (2006) แนะนำว่า มีอย่างน้อยสามประการทำไมครูจะกำไรจากนักเรียนมีมากขึ้นชนิด intrinsic ของแรงจูงใจ Malmberg ระบุว่า แรงจูงใจที่แท้จริง (1) บวกมีผลต่อกลยุทธ์การสอนและงานเพลิดเพลินไปกับความพึงพอใจ, (2) นักเรียนที่สอน โดยครูมีแรงจูงใจภายในงานมากขึ้นและมีความสนใจในการเรียนรู้(3) ลักษณะแรงจูงใจเป็นส่วนสำคัญในการเข้าถึงการศึกษาครู พักงาน และความมุ่งมั่นเพื่อการค้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การทำงานกับเด็กและวัยรุ่นที่อยู่ในสามด้านบนของแรงจูงใจที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นครูในขณะที่สังคม
มีอิทธิพลต่อการเป็นหนึ่งในแรงจูงใจที่สำคัญน้อยที่สุด การค้นพบนี้สอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้า (Fokkens-Bruinsma และ Canrinus,
2011; Roness สมิ ธ & 2010; วัตต์และริชาร์ด 2007) ผลลัพธ์เหล่านี้ถือสำหรับทั้งครูผู้ฝึกสอนในรอง
บริบทของโรงเรียนและในบริบทของโรงเรียนประถมแม้ว่าจะมีความแตกต่างในขนาดของผล ครูผู้สอนวิชาเอกใน
คะแนนบริบทโรงเรียนประถมศึกษาที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการทำงานกับเด็กและวัยรุ่น อย่างไรก็ตามสำหรับทั้งบริบท
แรงจูงใจนี้อยู่ในสามด้านบนของแรงจูงใจที่สำคัญที่สุด การค้นพบนี้เป็นที่น่าแปลกใจตั้งแต่การศึกษาอื่น ๆ ได้พบความแตกต่าง
ในแรงจูงใจที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นครูระหว่างครูผู้ฝึกสอนในการฝึกอบรมที่จะกลายเป็นครูโรงเรียนมัธยมศึกษา
และผู้ที่อยู่ในการฝึกอบรมเพื่อเป็นครูโรงเรียนประถมศึกษา ยกตัวอย่างเช่น Krecic และ Grmek (2005) พบความแตกต่างในเหตุผล
สำหรับการเลือกอาชีพการสอน; พวกเขาพบว่านักเรียนในการศึกษาศิลปะกล่าวถึงเหตุผลวัสดุเช่นงาน
การรักษาความปลอดภัยสำหรับการเลือกอาชีพการสอนมากบ่อยกว่านักเรียนในภาควิชาประถมศึกษา.
และแม้กระทั่งในการศึกษาของเราเอง (Jansen & Bruinsma 2007) เราสังเกตเห็นการฝึกสอนว่า ครูที่อยากจะเป็นรอง
ครูในโรงเรียนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักของพวกเขาสำหรับเรื่องโดเมนของพวกเขาในขณะที่ครูผู้ฝึกสอนในโรงเรียนประถมศึกษา
บริบทถูกกระตุ้นมากขึ้นในการทำงานกับเด็ก ในการศึกษาในอนาคตก็จะมีความน่าสนใจที่จะตรวจสอบว่าเรา
มัธยมศึกษาครูผู้ฝึกสอนมีแรงจูงใจมากขึ้นจากปัจจัยต่างๆเช่นความรักสำหรับเรื่องของพวกเขามากกว่าจากปัจจัยต่างๆเช่น
การทำงานกับเด็ก.
การค้นพบของเราเป็นผู้ค้นพบที่สำคัญการทำงานกับเด็กและวัยรุ่นที่มีความเกี่ยวข้องกับ มูลค่าที่แท้จริงของการเรียนการสอน.
Malmberg (2006) ชี้ให้เห็นว่ามีอย่างน้อยสามเหตุผลว่าทำไมการศึกษาของครูจะมีกำไรจากนักศึกษาที่มีมากขึ้น
ชนิดที่แท้จริงของแรงจูงใจ Malmberg ชี้ให้เห็นว่า (1) แรงจูงใจภายในบวกส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การสอนและงานของ
ความพึงพอใจ (2) นักเรียนสอนโดยครูที่มีแรงจูงใจจากภายในสนุกกับงานของพวกเขามากขึ้นและมีความสนใจในการเรียนรู้
(3) แรงจูงใจภายในเป็นส่วนสำคัญในการเข้าถึงการศึกษาครู อยู่ในงานและความมุ่งมั่นเพื่อการค้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำงานกับเด็กและวัยรุ่น อยู่ในอันดับสามของแรงจูงใจที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นครู และสังคมอิทธิพลของแรงจูงใจที่สำคัญน้อยที่สุด การค้นพบนี้สอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้านี้ ( fokkens canrinus bruinsma & ,2011 ; roness & Smith , 2010 ; วัตต์ & ริชาร์ดสัน , 2007 ) ผลลัพธ์เหล่านี้ถือทั้งนักศึกษาครู โรงเรียนมัธยมศึกษาโรงเรียนและบริบทในบริบทของโรงเรียน ประถมศึกษา แม้ว่าจะมีความแตกต่างในขนาดของผลลัพธ์ นักศึกษาครูในโรงเรียนคะแนนสูงกว่าบริบทในการทำงานกับเด็กและวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม ทั้งบริบทแรงจูงใจนี้เป็นในด้านบนสามแรงจูงใจสำคัญที่สุด การค้นพบนี้เป็นที่น่าแปลกใจเนื่องจากการศึกษาอื่น ๆได้พบความแตกต่างในสำคัญที่สุด แรงจูงใจในการเป็นครูของนักศึกษาครูในการฝึกเป็นครูโรงเรียนมัธยมและในการฝึกเป็นครูประถม ตัวอย่างเช่น krec ˇ IC และˇ grmek ( 2005 ) พบความแตกต่างในเหตุผลการสอนวิชาชีพ พบว่า นักศึกษาสาขาวิชาศิลปศึกษา กล่าวถึงเหตุผลของวัสดุ เช่น งานการรักษาความปลอดภัย , การเลือกอาชีพครูมากบ่อยกว่านักศึกษาในภาควิชาการประถมศึกษาและแม้แต่ในการศึกษาของเราเอง ( Jansen & bruinsma , 2007 ) เราสังเกตเห็นว่านักศึกษาครูที่อยากเป็นรองครูมีแรงจูงใจจากความรักของพวกเขาสำหรับโดเมน เรื่องของตนเอง ส่วนนักศึกษาครูในโรงเรียน ประถมศึกษาบริบทมีแรงจูงใจที่จะทำงานกับเด็ก ในการศึกษาในอนาคตมันจะน่าสนใจที่จะศึกษาว่าของเราครูโรงเรียนมัธยมนักศึกษามีแรงจูงใจจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความรักเรื่องของตนเองมากกว่า โดยปัจจัยต่างๆ เช่นการทำงานกับเด็กค้นหาของเราเป็นสำคัญ เช่น การได้ทำงานกับเด็กและวัยรุ่นมีความสัมพันธ์กับมูลค่าที่แท้จริงของการสอนมาล์มเบิร์ก ( 2006 ) พบว่า มีอย่างน้อยสามเหตุผลที่ครูจะได้กำไรจากนักเรียนด้วยประเภทแท้จริงของแรงจูงใจ มาล์มเบิร์ก พบว่า ( 1 ) แรงจูงใจภายใน บวกกับกลยุทธ์การสอน และงานความพึงพอใจ ( 2 ) นักเรียนที่ได้รับการสอนโดยครูมีแรงจูงใจภายในกับงานมากขึ้นและสนใจมากขึ้นในการเรียนรู้( 3 ) แรงจูงใจภายในเป็นส่วนที่สำคัญของการเข้าถึงการศึกษาของครู อยู่ในงาน และความผูกพันต่อการค้า