ในการสแกนสมองของเอิร์ธซีพบจุดที่แตกร้าว และสมองในบอง ส่วนมีสีเข้มมากกว่าส่วนอื่นซึ่งอาจเป็นเลือดหรือการเน่าเปื่อย ถ้ามันเป็น เลือดก็แสดงว่าเขาถูกกระแทกบริเวณศีรษะอย่างรุนแรงก่อนตาย จาก การตรวจของห้องแล็บยืนยันว่าเป็นเลือด แสดงว่าเอิร์ธซีถูกฝาดที่ศรีษะ ก่อนตาย แต่ว่าอย่างไรเขาถูกสังหารจากระยะใกล้ หรือเขาล้มหัวฝาดหิน หลักฐานทางนิติเวชยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้แน่ชัด แต่เลือดในสมอง ยืนยังแน่ว่ามันได้รับการกระทบกระเทือนการวิเคราะห์ทั้งหมดนี้ต้องใช้ เวลา และร่างไม่สามารถทนได้นานกว่านี้เนื่องด้วยข้อมูลหลายอย่าง เกี่ยวกับการตายของเขายังไม่ได้ข้อสรุปนักวิทยาสาสตร์จึงเบนเข็มไปหา ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตของเอิร์ธซี น่าเสียดายที่อวัยวะชิ้นหนี่งที่จะ ไขปริศนานี้ได้ได้สูญหายไปกว่า 20 ปี แต่มันพึ่งจะถูกพบโดยนักรังสี วิทยาคนเดิมที่พบหัวลูกศร ตลอดหลายปี ดร.พอล คอร์สเนอร์ ได้ดูภาพ ภายในร่างกายของมัมมี่เป็นพันๆภาพ แต่วันนึงขณะสแกนดูภาพที่ คุ้นเคยก็มีรูปทรงที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้น นั่นคือกระเพาะอาหารของ มนุษย์น้ำแข็ง เป็นไปได้อย่างไรที่ทุกคนจะพลาดสิ่งพื้อนๆอย่างเช่น กระเพาะอาหารของเขา คำตอบคือ เพาะมันไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ นั่นเอง มันมีการเคลื่อนที่ ตอนที่มนุษย์น้ำแข็งถูกพบร่างของเขานอนคว่ำ หน้านาน 50 ศตวรรษ ที่เขาติดเหงกถูกบีบอัดอยู่ภายใต้น้ำแข็งเป็นตันๆ ร่างของเขาถูกบีบอัดระหว่าหินข้างใต้และน้ำแข็งข้างบน ขณะที่อวัยวะ ภายในคงสภาพไว้บางส่วนได้ถูกบีบเค้นเลือนหายไป ทีมแพทย์ได้ทำการนำเศษอาหารภายในกระเพาะมาตรวจสอบพบเมล็ดพืช ไขมัน และ เนื้อสัตว์ อาหารมื้อสุดท้ายนี้ยืนยันว่ามนุษย์น้ำแข็งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยว หัวต่อของประวัติสาสตร์ เขากับผู้คนของเขาพึ่งเริ่มจะทำการเพาะปลูก แต่ยังกินเนื้อที่ได้จากการล่าสัตว์เป็นหลัก เอิร์ธซีอาจจะเป็นนายพรานที่ มีสายสัมพันธ์กับชุมชนเกษตรกรรมเล็กๆ ไม่ว่าเขาจะหาเลี้ยงชีพอย่างไร แต่เขาก็กินดีอยู่ดี หลังพ้น 9 ชั่วโมงเอิร์ธซีถูกเย็บปิดแผลผ่าตัด อุดรู เนื้อ หนังถูกปิดกลับคืนเหมือนเดิม ได้ตัวอย่างทางชีวะวิทยา 119 ชิ้น มาก พอที่จะทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องวุ่นไปเป็นปีๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดได้แก่ ขวดแก้วที่อาจมีดีเอ็นเอของมนุษย์น้ำแข็ง เทคนิคการกู้คืนหรือจัดลำดับ ดีเอ็นเอ พึ่งจะพัฒนาจนเราสามารถทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากมัมมี่ ที่เก่าแก่อย่างเอิร์ธซีได้แต่มันก็ยังคงยากแสนเข็ญอยู่ดี เนื่องจากมนาย์ น้ำแข็งเป็นมัมมี่เปียก และมัมมี่เปียกมีความชื้นสูงมากซึ่งส่งผลเสียต่อ การเบรักาดีเอฝ้นเอ ในทางกลับกันเขาถูกแช่แข็งมานานกว่า 5,000 ปี และนี่กลับเป็นสิ่งที่ดีเนื่องจากความหนาวเย้นช่วยรักาดีเอ็นเอเอาไว้ ถ้า เศษเสี้ยงของดีเอ็นเอสามารถนำมาประกอบใหม่ได้นักวิทยาสาสตร์หวัง ว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะตัวของเขาเช่น สีตา ประวัติทางการแพทย์ การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม แต่ก่อนอื่น พวกเขาต้องหาดีเอ็นเอให้เจอ จะต้องดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อดูว่าจะ เป็นไปได้หรือไม่ สำหรับแองเจลล่า แกรฟด นักวิจัยที่ห้องแล็บ ของอัลเบิร์ต ซิง การได้ช่วยรวบรวมประวัติทางพันธุกรรมของมนุษย์ น้ำแข็งถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ขั้นแรกเธอหันตัวอย่างของกระดูกให้ เป็นชิ้นเล็กๆโดยใช้เลื่อยหัวเพชร และนำไปไว้ในพาชนะปลอดเชื้อที่มูก เหล็กและใช้เครื่องเขย่าทำให้กระดูกเป็นเสี่ยงๆ เธอเติมสารเคมีต่างๆลง ไปเพื่อทำให้การสกัดดีเอ็นเอง่ายขึ้น หลายวันต่อมาสิ่งที่เหลืออยู่คือ ส่วนผสมของน้ำใสๆกับดีเอ็นเอบริสุทธิ์สีทอง ดีเอ็นเอถูกส่งจากเมืองโบ ซาโนอิตตาลีไปยังห้องแล็บชานเมืองบอสตันที่เชี่ยวชายทางด้านการ ประกอบดีเอ็นเอขึ้นใหม่ ดีเอ็ยเอโบราณแตกต่างจากดีเอ็นเอสมัยใหม่ ด้วยหลายสาเหตุหนึ่งในดีเอ็นเอโบรารคือการปนเปื้อน การปนเปื้อน เกิดขึ้นเมือ่ดีเอ็นเอจากแหล่งภายนอกไม่ว่าจะจากจุลินทรีย์ หรือมนุษย์ ไปผสมกับดีเอ็นเอที่กำลังค้นคว้า ตลอดหลายปีคนแล้วคนเล่าได้สัมผัส มัมมี่และทิ้งร่องรอยดีเอ็นเอของพวกเขาเอาไว้ อัลเบิร์ต กับ ดร.เอ็ดวาน จึงเก็บตัวอย่างจากในกระดูกส่วนลึกของเอิร์ธซี โดยหวังว่ากระดูส่วน นอกที่เป็นเกราะคุ้มกันทางธรรมชาติจะช่วยปกป้องกระดูกด้านในจาก การปนเปื้อน เพราะกระบวนการีความพีพิถันสูง การสกัดดีเอ็นเอจึงมี ความบริสุทธิ์อย่างน่าทึ่ง 97 เปอร์เซ็น เป็นของเอิร์ธซี แต่มี 3 เปอร์เซ็น ลึกลับที่ไม่ได้เป็นของเขาอย่างชัดเจน อัตตราการปนเปื้อนส่วนใหญ่เกิด จากการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ชนิดนึงที่ก่อให้เกิดโรคไลม์
โรคไลม์เกิดจากแบคทีเรียที่แพร่เชื้อสู่มนุษย์ จากเห็บ หากไม่ได้ รับการรักษา จะมีอการอ่อนแรง ข้อปวดรุนแรง และข้อต่ออักเสบ ขณะที่โรคไลม์พบได้ในปัจจุบัน ดีเอ็นเอที่อยู่ในยีนส์ของเอิร์ธซี เป็น หลักฐานว่าเชื้อโรคตัวนี้เก่าแก่พอๆกับยุกต์หิน มันเป็นร่องรอยที่เก่าแก่ ที่สุดของโรคไลม์ และนี่คือสาเหตุที่ดีเอ็นเอโบราณของเอิร์ธวีมีความ โดดเด่น ดีเอ็นเอของเขามีร่างกายจริงๆที่เชื่อมโยงกับมัน กรณีนี้แตกต่าง เพราะนี่คือมัมมี่ทั้งตัว ร่างทั้งร่างถูกเก็บรักษาไว้นี่จึงเป็นคร้งแรกที่ เปรียบเทียบจีโนมทั้งส่วนกับร่างกายทั้งหมดได้ ผลเอ็กซ์เรย์เผยว่าเข่า ว้ายของเขามีร่องรอยของการบวมเรื้อรังซึ่งเป็นอาการของผู้ป่วยโรคข้อ อักเสบ หรือโรคไลม์ และยังมีอีกหลายอย่างที่รอการเปิดเผย หลังจาก ประกอบดีเอ็นเอของเอิร์ธซี ภาพลักษณ์ของเขาก็ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นบน โครโมโซมของยีนส์ที่กำหนดสีตามีตัวบ่งชี้กำหนดว่าเขามีตาสีน้ำตาล ตัวบ่งชี้แสดงให้เห็นว่าลัษณะยีนส์ที่ใกล้เคียงที่สุดในปัจจุบันไม่ได้มา จากแอล์ปแต่มาจากซาดีเนีย พวกเขายังค้นพบอีกว่าดรคไลม์ไม่ใช่ความ เจ็บปวดอย่างเดียวที่เอิร์ธซีมีร่วมกับมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 เขายังมีตัว บ่งชี้เรื่องโรคหัวใจ โรคบางโรคที่เราคิดว่าเป็นโรคสมัยใหม่เมื่อ 100- 200 ปีก่อน จริงๆแล้วเกิดขึ้นนานกว่านั้นมากเลย แนวโน้มที่เอิร์ธซีเป็น โรคหัวใจมีประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือจากเรื่องพันธุศาสตร์ ภาพวีที สแกนของ ดร.พอล คอสเนอร์ เผยภาพที่พบได้บ่อยในห้องแล็บ โรคหัวใจสมัยนี้ นั้นคือก้อนแคลเซียมที่สอดค้องกับอาการหลอดเลือด แดงอุดตัน ขณะที่คลอเรสเตอรอลก่อให้เกิดการอุดตันที่เราคุ้นเคยกันดี ก้อนแคลเซี