Many thousands of different beer br

Many thousands of different beer brands are produced worldwide and most of them can be classified into defined beer styles which have developed over the course of time in different countries or regions. Depending on the process used, a first classification can be made according to the fermentation process in top and bottom fermentation beers. Top fermented beers represent only a small percentage of the total beer consumption. Top fermented beers are very common in Britain, Germany, Canada's eastern provinces, United States and, last but not least, Belgium. However, lager (the term generally used for bottom fermented beer) is the dominant style in almost all countries and represents more than 90% of the beer produced worldwide. Until the sixteenth century, ale (the term generally used for top fermentation beers) was the main type of beer in Europe. Traditionally, ales are fermented with the use of top-cropping yeasts which rise to the top of the beer in the head of foam at temperatures between 16°C and 24°C. At these temperatures, the yeast produces significant amounts of esters and other secondary flavor and aromatic products, and the result is often a beer with slightly “fruity” compounds. Typical ales have a sweeter, fuller body than lagers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลายพันคนของยี่ห้อเบียร์ที่แตกต่างกันมีการผลิตทั่วโลกและส่วนใหญ่ของพวกเขาสามารถแบ่งได้เป็นรูปแบบที่กำหนดไว้เบียร์ซึ่งได้มีการพัฒนาในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในประเทศหรือภูมิภาค ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการที่ใช้ในการจำแนกประเภทแรกที่สามารถทำตามกระบวนการหมักในด้านบนและด้านล่างหมักเบียร์ สูงสุดหมักเบียร์แทนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของการบริโภคเบียร์รวม สูงสุดหมักเบียร์ที่พบมากในสหราชอาณาจักร, เยอรมนี, แคนาดาจังหวัดทางตะวันออก, สหรัฐอเมริกาและสุดท้าย แต่ไม่น้อยเบลเยียม อย่างไรก็ตามเบียร์ (คำที่ใช้โดยทั่วไปสำหรับเบียร์หมักด้านล่าง) เป็นรูปแบบที่โดดเด่นในเกือบทุกประเทศและแสดงถึงกว่า 90% ของทั่วโลกที่ผลิตเบียร์ จนกระทั่งศตวรรษที่สิบหก เบียร์ (คำที่ใช้โดยทั่วไปสำหรับเบียร์หมักด้านบน) เป็นประเภทหลักของเบียร์ในยุโรป ตามเนื้อผ้าเบียร์หมักที่มีการใช้ยีสต์บนการปลูกพืชที่ขึ้นไปด้านบนของเบียร์ในหัวของโฟมที่อุณหภูมิระหว่าง 16 ° C และ 24 ° C ที่อุณหภูมิเหล่านี้ยีสต์ผลิตจำนวนเงินที่สำคัญของเอสเทอรองและรสชาติและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมและผลที่ได้มักจะเป็นเบียร์ที่มีเล็กน้อย“ผลไม้” สารประกอบ เบียร์โดยทั่วไปมีความหวาน, ร่างกายของฟูลเลอร์กว่า lagers

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลายพันแบรนด์เบียร์ที่แตกต่างกันมีการผลิตทั่วโลกและส่วนใหญ่ของพวกเขาสามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบเบียร์ที่กำหนดซึ่งมีการพัฒนาตลอดช่วงเวลาในประเทศหรือภูมิภาคที่แตกต่างกัน. ขึ้นอยู่กับกระบวนการที่ใช้, การจัดประเภทแรกสามารถทำตามกระบวนการหมักในเบียร์หมักด้านบนและด้านล่าง. เบียร์หมักด้านบนแสดงเฉพาะเปอร์เซ็นต์ขนาดเล็กของการบริโภคเบียร์ทั้งหมด เบียร์หมักด้านบนเป็นเรื่องธรรมดามากในสหราชอาณาจักรเยอรมนีจังหวัดตะวันออกของแคนาดาสหรัฐอเมริกาและสุดท้ายแต่ไม่น้อยเบลเยียม อย่างไรก็ตาม, เบียร์ (คำที่ใช้โดยทั่วไปสำหรับเบียร์หมักด้านล่าง) เป็นรูปแบบที่โดดเด่นในเกือบทุกประเทศและแทนมากกว่า๙๐% ของเบียร์ที่ผลิตทั่วโลก. จนถึงศตวรรษที่สิบหก, ale (คำที่ใช้โดยทั่วไปสำหรับเบียร์หมักด้านบน) เป็นประเภทหลักของเบียร์ในยุโรป. ประเพณี, ales มีการหมักด้วยการใช้งานของการครอบตัดด้านบนซึ่งขึ้นไปด้านบนของเบียร์ในหัวของโฟมที่อุณหภูมิระหว่าง16° c และ24° c. ที่อุณหภูมิเหล่านี้, ยีสต์ผลิตปริมาณที่สำคัญของ esters และรสชาติรองอื่นๆและผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม, และผลที่ได้มักจะเป็นเบียร์ที่มีสาร "ฟรุ๊ตตี้" เล็กน้อย. โดยทั่วไป ales มีร่างกายที่มีความหวานมากเกินไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลายพันของแบรนด์ที่แตกต่างกันของเบียร์ที่ผลิตทั่วโลกส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นเฉพาะรูปแบบของเบียร์ที่พัฒนาขึ้นในประเทศที่แตกต่างกันหรือภูมิภาคในช่วงเวลา ขึ้นอยู่กับการใช้กระบวนการหมักเบียร์ด้านบนและด้านล่างสามารถจัดเป็นครั้งแรก เบียร์หมักด้านบนเป็นเพียงส่วนเล็กๆของการบริโภคเบียร์ทั้งหมด ด้านบนหมักเบียร์เป็นที่นิยมมากในอังกฤษเยอรมนีแคนาดาตะวันออกจังหวัดสหรัฐอเมริกาและเบลเยียม ในเกือบทุกประเทศอย่างไรก็ตามเบียร์ซึ่งมักจะใช้สำหรับการหมักเบียร์ด้านล่างเป็นรูปแบบเด่นบัญชีสำหรับมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตเบียร์ทั่วโลก จนถึงศตวรรษที่สิบหกและมักจะใช้สำหรับเบียร์หมักด้านบนได้รับประเภทหลักของเบียร์ในยุโรป โดยปกติแล้วมอลต์ไวน์ที่ได้รับการหมักด้วยยีสต์ชั้นนําที่อุณหภูมิของ 16-c ถึง 240 องศา C ยีสต์เพิ่มขึ้นในโฟมที่ด้านบนของเบียร์ที่อุณหภูมิเหล่านี้ยีสต์ผลิตจํานวนมากของเอสเทอร์และกลิ่นหอมทุติยภูมิ ผลที่ได้คือเบียร์มีกลิ่นผลไม้เล็กน้อย มอลต์โดยทั่วไปจะหวานและอวบกว่าเบียร์