A model that can predict the practice of breast selfexamination among female university students was examined by using logistic regression analysis. The general characteristics that displayed a significant difference, such as age, major,
and scores derived from breast cancer-related knowledge,were used as independent variables in the model.The factors that predicted the practice of breast self-examination among female university students were age (odds ratio [OR] = 1.15, P < 0.001), major (OR = 1.80, P < 0.001), and breast cancerrelated
knowledge (OR = 1.16, P < 0.001).The probability of practicing breast self-examination increased 1.15 times per year of increase in age; 1.80 times for those majoring in natural science, rather than humanities; and 1.16 times relative
to an increase in score for breast cancer-related knowledge
แบบจำลองที่สามารถทำนายการปฏิบัติของเต้านม selfexamination ของนักศึกษาหญิง ทำการทดสอบโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติก ข้อมูลทั่วไปที่แสดงความแตกต่างกัน เช่น อายุ , หลัก ,
และคะแนนได้มาจากเต้านมโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับความรู้ พบว่า ตัวแปรอิสระในรูปแบบแบบจำลองที่สามารถทำนายการปฏิบัติของเต้านม selfexamination ของนักศึกษาหญิง ทำการทดสอบโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติก ข้อมูลทั่วไปที่แสดงความแตกต่างกัน เช่น อายุ , หลัก ,
และคะแนนได้มาจากเต้านมโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับความรู้ พบว่า ตัวแปรอิสระในรูปแบบปัจจัยทำนายการปฏิบัติการตรวจเต้านมด้วยตนเองของนักศึกษาหญิง คือ อายุ ( Odds Ratio [ หรือ ] = 1.15 , p < 0.001 ) , ใหญ่ ( OR = 1.80 , P < 0.001 ) และเต้านม cancerrelated
ความรู้ ( OR = 1.16 , P < 0.001 ) ความน่าจะเป็นของการฝึกการตรวจเต้านมด้วยตนเองเพิ่มขึ้น 1.15 เท่า ต่อปี เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ; 1.80 เท่านั้น ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติแทนที่จะมนุษยศาสตร์ และ 1.16 ครั้งญาติ
การเพิ่มขึ้นของคะแนนความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม
การแปล กรุณารอสักครู่..