การศึกษาเรื่องแรงจูงใจในการปฎิบัติง

การศึกษาเรื่องแรงจูงใจในการปฎิบัติงานของพนักงานเดอะมอลล์นครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฎิบัตงานของพนักงานเดอะมอลล์นครราชสีมา
2. เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพี่ยวกับแรงจูงใจในการปฎิบัติงาน
โดยมีกลุ่มตัวอย่าง 300 คน ในการศึกษาครั้งนี้ จัดทำแบบสอบถามโดยใช้ แบบสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน ได้ผลศึกษาดังนี้
1. กลุ่มตัวอย่างทั้ง 300 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 63.67 เป็นผู้มีอายุ ระหว่าง 20-39 ปี ร้อยละ 89 , เป็นผู้มีการศึษาต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 58.66 , มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท ร้อยละ 47.33 และเป็นพนักงานทั่วไป ร้อยละ 80.6
2. ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจของพนักงาน โดยรวมพบว่า ด้านการสำเร็จในการปฎิบัติงานมีแรงจูงใจมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 , ด้านความก้าวหน้าในหน้าที่ อยู่ในระดับมีแรงจูงใจมาก เฉลี่ยเท่ากับ 4.2 , ด้านการทำงานและระดับความมั่นคง อยู่ในระดับมีแรงจูงใจมาก เฉลี่ยเท่ากับ 4.21 , ด้านความสัมพันธ์กับผู้ปฎิบัติงาน อยู่ในระดับมีแรงจูงใจมาก เฉลี่ยเท่ากับ 4.17, ด้านผลประโยชน์และค่าตอบแทน อยู่ในระดับแรงจูงใจปานกลางมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.21

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาเรื่องแรงจูงใจในการปฎิบัติงานของพนักงานเดอะมอลล์นครราชสีมาอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมามีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฎิบัตงานของพนักงานเดอะมอลล์นครราชสีมา2. เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพี่ยวกับแรงจูงใจในการปฎิบัติงานโดยมีกลุ่มตัวอย่าง 300 คนในการศึกษาครั้งนี้จัดทำแบบสอบถามโดยใช้แบบสถิติร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐานได้ผลศึกษาดังนี้1. กลุ่มตัวอย่างทั้ง 300 คนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 63.67 เป็นผู้มีอายุระหว่าง 20-39 ปีร้อยละ 89 เป็นผู้มีการศึษาต่ำกว่าปริญญาตรีร้อยละ 58.66 ร้อยละและเป็นพนักงานทั่วไปร้อยละ 47.33 บาทต่อมีรายได้ต่ำกว่า 10,000 80.62. ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจของพนักงานโดยรวมพบว่าด้านการสำเร็จในการปฎิบัติงานมีแรงจูงใจมากค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 ด้านความก้าวหน้าในหน้าที่อยู่ในระดับมีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.2 ด้านการทำงานและระดับความมั่นคงอยู่ในระดับมีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.21 ด้านความสัมพันธ์กับผู้ปฎิบัติงานอยู่ในระดับมีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.17 ด้านผลประโยชน์และค่าตอบแทนอยู่ในระดับแรงจูงใจปานกลางมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.21

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมามีวัตถุประสงค์ดังนี้
1 300 คนในการศึกษาครั้งนี้จัดทำ แบบสอบถามโดยใช้แบบสถิติร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐานได้ผลศึกษาดังนี้ 1 กลุ่มตัวอย่างทั้ง 300 คนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 63.67 เป็นผู้มีอายุระหว่าง 20-39 ปีร้อยละ 89 เป็นผู้มีการศึษาต่ำกว่า ปริญญาตรีร้อยละ 58.66, มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทร้อยละ 47.33 และ เป็นพนักงานทั่วไปร้อยละ 80.6 2 โดยรวมพบว่า ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 ด้านความก้าวหน้าในหน้าที่อยู่ในระดับ มีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.2 ด้านการทำงานและระดับความมั่นคงอยู่ ในระดับมีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.21 ด้านความสัมพันธ์กับผู้ปฎิบั ติงานอยู่ ในระดับมีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.17, ด้านผลประโยชน์และค่าตอบแทน 4.21

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาเรื่องแรงจูงใจในการปฎิบัติงานของพนักงานเดอะมอลล์นครราชสีมาอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมามีวัตถุประสงค์ดังนี้1 . เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฎิบัตงานของพนักงานเดอะมอลล์นครราชสีมา2 . เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพี่ยวกับแรงจูงใจในการปฎิบัติงานโดยมีกลุ่มตัวอย่าง 300 คนในการศึกษาครั้งนี้จัดทำแบบสอบถามโดยใช้แบบสถิติร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐานได้ผลศึกษาดังนี้1 . กลุ่มตัวอย่างทั้ง 300 คนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 63.67 เป็นผู้มีอายุระหว่าง 20-39 . ร้อยละ 89 , เป็นผู้มีการศึษาต่ำกว่าปริญญาตรีร้อยละ 58.66 มีรายได้ต่ำกว่า 10000 , บาทร้อยละ 47.33 และเป็นพนักงานทั่วไปร้อยละ 80.62 . ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจของพนักงานโดยรวมพบว่าด้านการสำเร็จในการปฎิบัติงานมีแรงจูงใจมากค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 , ด้านความก้าวหน้าในหน้าที่อยู่ในระดับมีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.2 , ด้านการทำงานและระดับความมั่นคงอยู่ในระดับมีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.21 , ด้านควา มสัมพันธ์กับผู้ปฎิบัติงานอยู่ในระดับมีแรงจูงใจมากเฉลี่ยเท่ากับ 4.17 ด้านผลประโยชน์และค่าตอบแทนอยู่ในระดับแรงจูงใจปานกลางมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.21