With its sweeping 2,330-km-wide vie

With its sweeping 2,330-km-wide viewing swath, MODIS sees every point on our world every 1-2 days in 36 discrete spectral bands. Consequently, MODIS tracks a wider array of the earth’s vital signs than any other Terra sensor. For instance, the sensor measures the percent of the planet’s surface that is covered by clouds almost every day. This wide spatial coverage enables MODIS, together with MISR and CERES, to help scientists determine the impact of clouds and aerosols on the Earth’s energy budget.
In addition to recording the frequency and distribution of cloud cover, MODIS measures the properties of clouds such as the distribution and size of cloud droplets in both liquid water and ice clouds. MODIS also measures the properties of aerosols—tiny liquid or solid particles in the atmosphere. Aerosols enter the atmosphere from manmade sources like pollution and biomass burning and natural sources like dust storms, volcanic eruptions, and forest fires. MODIS helps scientists determine the amount of water vapor in a column of the atmosphere and the vertical distribution of temperature and water vapor—measurements crucial to understanding Earth’s climate system.
MODIS is ideal for monitoring large-scale changes in the biosphere that are yielding new insights into the workings of the global carbon cycle. MODIS measures the photosynthetic activity of land and marine plants (phytoplankton) to yield better estimates of how much of the greenhouse gas is being absorbed and used in plant productivity. Coupled with the sensor’s surface temperature measurements, MODIS’ measurements of the biosphere are helping scientists track the sources and sinks of carbon dioxide in response to climate changes.
Almost every day over the entire globe, the sensor monitors changes on the land surface, thereby building upon and extending the heritage begun by Landsat. MODIS maps the areal extent of snow and ice brought by winter storms and frigid temperatures. The sensor observes the “green wave” that sweeps across continents as winter gives way to spring and vegetation blooms in response. It sees where and when disasters strike—such as volcanic eruptions, floods, severe storms, droughts, and wildfires—and will hopefully help people get out of harm’s way. MODIS’ bands are particularly sensitive to fires; they can distinguish flaming from smoldering burns and provide better estimates of the amounts of aerosols and gases fires release into the atmosphere.
MODIS sees changes in the Pacific phytoplankton populations that may signal the onset of the famous El Niño/La Niña climatic siblings well ahead of their arrival. In turn, by coupling its sea surface temperature and ocean color measurements, MODIS has observed the impacts El Niño and La Niña have on the microscopic marine plant. MODIS also has a unique channel for measuring chlorophyll fluorescence. All plants bombarded with light begin to glow, or fluoresce, but in wavelengths that our eyes cannot see. The more plants fluoresce, the less energy they are using for photosynthesis. Thus, MODIS not only maps the distribution of phytoplankton, it also helps us gauge its health.
Another MODIS instrument flies aboard Terra’s sister ship—Aqua.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กับแถบพื้นที่ดู 2,330 กิโลเมตรทั้งการกวาด MODIS เห็นทุกจุดบนโลกของเราทุก 1-2 วันในแถบสเปกตรัมต่อเนื่อง 36 ดังนั้น MODIS ติดตามสัญญาณชีพของโลกหลากหลายกว้างกว่าเซนเซอร์เทอร์ราอื่น ๆ เช่น เซนเซอร์วัดเปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวของโลกที่ถูกปกคลุม ด้วยเมฆเกือบทุกวัน นี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างทำให้ MODIS ดอกไม้และ CERES เพื่อช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบผลกระทบของเมฆและสเปรย์บนงบประมาณพลังงานของโลกนอกจากบันทึกความถี่และการกระจายของเมฆปกคลุม MODIS วัดคุณสมบัติของเมฆเช่นการกระจายและขนาดของหยดน้ำเมฆเมฆน้ำแข็งและน้ำ MODIS ยังวัดคุณสมบัติของเจลซึ่งอนุภาคของเหลว หรือแข็งเล็ก ๆ ในบรรยากาศ สเปรย์ใส่บรรยากาศแหล่งมนุษย์เช่นมลพิษ และการเผาไหม้ชีวมวลจากแหล่งธรรมชาติ เช่นพายุฝุ่น ภูเขาไฟระเบิด ไฟป่า MODIS ช่วยนักวิทยาศาสตร์กำหนดปริมาณไอน้ำในคอลัมน์ของบรรยากาศและการกระจายของอุณหภูมิและไอน้ำแนวตั้ง-วัดสำคัญเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบควบคุมสภาพอากาศของโลกMODIS เหมาะสำหรับติดตามการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ใน biosphere ที่มีผลผลิตใหม่เจาะลึกงานของวัฏจักรคาร์บอนทั่วโลก MODIS วัดกิจกรรมการสังเคราะห์แสงของแผ่นดินและทะเลพืช (แพลงก์ตอนพืช) ให้ผลประเมินดีขึ้นของปริมาณก๊าซเรือนกระจกถูกดูดซึม และใช้ในโรงงานผลิต ควบคู่กับการเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิพื้นผิว การตรวจวัดของ MODIS biosphere จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ติดตามแหล่งที่มาและเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกือบทุกวันผ่านโลก เซ็นเซอร์ตรวจสอบเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวดิน จึงขึ้น และขยายมรดกเริ่ม โดย Landsat MODIS แผนที่ขอบเขตแลกของหิมะและน้ำแข็งมา โดยพายุฤดูหนาวและอุณหภูมิหนาว เซนเซอร์ไป "คลื่นสีเขียว" ที่ข้ามทวีปเป็นฤดูหนาวช่วยให้ดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิและพืชในการตอบสนอง เห็นที่ไหน และเมื่อภัยตี — เช่นภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม พายุรุนแรง ภัยแล้ง และ wildfires — และหวังว่าจะช่วยให้ผู้คนได้รับกัน วงดนตรีของ MODIS มีความไวต่อไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาสามารถแยกเผาจากการเผาไหม้ระอุ และให้ประเมินดีกว่ายอดเงินของรุ่นไฟสเปรย์และก๊าซสู่ชั้นบรรยากาศMODIS เห็นการเปลี่ยนแปลงประชากรแพลงก์ตอนพืชแปซิฟิกที่อาจสัญญาณเริ่มมีชื่อเสียงที่ หรั่ง/La Niña พี่ภูมิอากาศดีก่อนเดินทางมาถึง ในการเปิด โดยการเชื่อมต่อของอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลและมหาสมุทรสีวัด MODIS ได้ตรวจสอบผลกระทบหรั่งและ La Niña มีพืชทะเลด้วยกล้องจุลทรรศน์ MODIS มีช่องเฉพาะสำหรับการวัดการเรืองแสงของคลอโรฟิลล์ พืชทั้งหมดระดมยิงแสงเริ่ม การเรืองแสง ดัง แต่ ในความยาวคลื่นที่ตามองไม่เห็น ดังพืชมากกว่า น้อยกว่าพลังงานที่ใช้สำหรับการสังเคราะห์แสง ดังนั้น MODIS แผนที่การกระจายของแพลงก์ตอนพืชไม่เท่านั้น มันช่วยเราในการประเมินสุขภาพอีก MODIS เครื่องบินบนเรือน้องแตราเรือ — ควา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ด้วยแนวการดูกวาด 2,330 กิโลเมตรกว้าง MODIS เห็นจุดบนโลกของเราทุก 1-2 วันใน 36 วงดนตรีที่สเปกตรัมต่อเนื่อง ดังนั้น MODIS ติดตาม array กว้างของสัญญาณชีพของโลกกว่าเซ็นเซอร์ Terra อื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่นเซ็นเซอร์วัดร้อยละของพื้นผิวของดาวเคราะห์ที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆเกือบทุกวัน รายงานข่าวเชิงพื้นที่กว้างนี้ช่วยให้ MODIS ร่วมกับ MISR และเซเรสที่จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบผลกระทบของเมฆและละอองลอยในงบประมาณพลังงานของโลก.
นอกจากการบันทึกความถี่และการกระจายตัวของเมฆปกคลุม MODIS ขนาดคุณสมบัติของเมฆเช่นนั้น การจัดจำหน่ายและขนาดของละอองเมฆทั้งในของเหลวน้ำและน้ำแข็งก้อนเมฆ MODIS ยังวัดคุณสมบัติของละอองเล็ก ๆ ของเหลวหรืออนุภาคของแข็งในบรรยากาศ ละอองเข้าสู่ชั้นบรรยากาศจากแหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเช่นมลพิษและการเผาไหม้ชีวมวลและธรรมชาติแหล่งที่มาเช่นพายุฝุ่นภูเขาไฟระเบิดและไฟไหม้ป่า MODIS จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์หาปริมาณของไอน้ำในคอลัมน์ของบรรยากาศและการกระจายในแนวตั้งของอุณหภูมิและไอน้ำ-วัดที่สำคัญในการทำความเข้าใจระบบภูมิอากาศของโลก.
MODIS เหมาะสำหรับการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในชีวมณฑลที่มีการยอมความเข้าใจใหม่ เป็นผลงานของวัฏจักรคาร์บอนทั่วโลก MODIS วัดกิจกรรมการสังเคราะห์แสงของที่ดินและพืชทะเล (แพลงก์ตอนพืช) เพื่อให้ประมาณการที่ดีขึ้นของวิธีการมากของก๊าซเรือนกระจกจะถูกดูดซึมและนำมาใช้ในการผลิตพืช ควบคู่ไปกับการวัดอุณหภูมิพื้นผิวของเซนเซอร์วัด MODIS ของชีวมณฑลจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ติดตามแหล่งที่มาและอ่างล้างมือของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ.
เกือบทุกวันกว่าโลกทั้งเซ็นเซอร์ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวแผ่นดินจึงสร้าง และเมื่อขยายมรดกเริ่ม Landsat MODIS แผนที่ขอบเขตขนหัวลุกของหิมะและน้ำแข็งมาโดยพายุฤดูหนาวและอุณหภูมิที่หนาวเย็น เซ็นเซอร์สังเกต "คลื่นสีเขียว" ที่กวาดข้ามทวีปเป็นฤดูหนาวให้วิธีการในฤดูใบไม้ผลิและพืชบุปผาในการตอบสนอง มันเห็นที่ไหนและเมื่อเกิดภัยพิบัติเช่นการปะทุของภูเขาไฟ, น้ำท่วม, พายุที่รุนแรงภัยแล้งและไฟป่าและหวังว่าจะช่วยให้ผู้คนได้รับการออกไปให้พ้นอันตราย MODIS 'วงดนตรีที่มีความสำคัญโดยเฉพาะการเกิดเพลิงไหม้; พวกเขาสามารถแยกแยะความแตกต่างลุกจากระอุเผาไหม้และให้ข้อมูลประมาณการที่ดีขึ้นของปริมาณละอองและก๊าซไฟปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ.
MODIS เห็นการเปลี่ยนแปลงในมหาสมุทรแปซิฟิกประชากรแพลงก์ตอนพืชที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่มีชื่อเสียงของเอลนีโญ / ลานีญาพี่น้องภูมิอากาศดีก่อน การมาถึงของพวกเขา ในทางกลับกันโดยการมีเพศสัมพันธ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลและการวัดสีมหาสมุทร, MODIS ได้ตั้งข้อสังเกตผลกระทบเอลนีโญและลานีญามีในพืชทะเลกล้องจุลทรรศน์ MODIS นอกจากนี้ยังมีช่องทางที่ไม่ซ้ำกันสำหรับการวัดการเรืองแสงคลอโรฟิล พืชทุกชนิดถล่มด้วยแสงเริ่มต้นในการเรืองแสงหรือเรืองแสง แต่ในช่วงความยาวคลื่นที่สายตาของเราไม่สามารถมองเห็น พืชอื่น ๆ เรืองแสงพลังงานน้อยกว่าพวกเขาจะใช้ในการสังเคราะห์แสง ดังนั้นไม่เพียง แต่ MODIS แผนที่การกระจายของแพลงก์ตอนพืชมันยังช่วยให้เราวัดสุขภาพของตน.
ตราสารอื่น MODIS บินเรือ Terra น้องสาวของเรือ Aqua

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กับของมันกวาด 2330 กิโลเมตรกว้างดูแนวโมดิสเห็น , ทุกจุดบนโลก ของเราทุก 1-2 วัน ใน 36 ต่อเนื่องสเปกตรัมวงดนตรี จากนั้น โมดิสอาร์เรย์ที่กว้างขึ้นของโลกสัญญาณชีพกว่าเซนเซอร์ Terra ใดแทร็คอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น การวัดเปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวของดาวเคราะห์ที่ปกคลุมด้วยเมฆเกือบทุกวัน เซ็นเซอร์ ครอบคลุมพื้นที่กว้างขนาดนี้ ช่วยให้โมดิส ด้วยกันกับ Misr ซีรีสและเพื่อช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาผลกระทบของเมฆและละอองลอยในงบประมาณด้านพลังงานของโลกนอกจากการบันทึกความถี่และกระจายครอบคลุมคลาวด์ โมดิสวัดคุณสมบัติของเมฆ เช่น การกระจายและขนาดของหยดละอองเมฆทั้งชนิดน้ำและเมฆน้ำแข็ง โมดิสยังวัดคุณสมบัติของละอองลอยเล็กๆที่เป็นของเหลวหรือของแข็ง อนุภาคในบรรยากาศ ละอองลอยระบุบรรยากาศจากแหล่ง manmade เช่นมลพิษและการเผาไหม้ชีวมวล และแหล่งธรรมชาติ เช่น ฝุ่น พายุ ภูเขาไฟระเบิด และไฟป่า . โมดิสช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาปริมาณของไอน้ำในคอลัมน์ของบรรยากาศ และการกระจายของอุณหภูมิไอน้ำแนวตั้งและวัดสำคัญเพื่อความเข้าใจระบบภูมิอากาศของโลกโมดิสเหมาะสำหรับการติดตามการเปลี่ยนแปลงการขนาดใหญ่ในชีวมณฑลที่ให้ผลผลิตองค์ความรู้ใหม่ในการทำงานของวัฏจักรของคาร์บอนของโลก โมดิสวัดกิจกรรมการสังเคราะห์แสงของพืชแผ่นดินและทะเล ( แพลงก์ตอนพืช ) ผลตอบแทนประมาณการที่ดีของวิธีการมากของก๊าซเรือนกระจกจะถูกดูดซึม และใช้ในการผลิตพืช คู่กับเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิการวัดโมดิส " วัดชีวมณฑลจะช่วยนักวิทยาศาสตร์ติดตามแหล่งที่มาและเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกือบ ทุก วัน ทั่วโลกทั้งเซ็นเซอร์ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวดิน จึงสร้างเมื่อการเริ่มต้นจากระยะไกลและมรดก . แผนที่โมดิสขอบเขตเพิ่มของหิมะและน้ำแข็งนำโดยพายุฤดูหนาว อุณหภูมิที่เย็นยะเยือก เซ็นเซอร์ที่สังเกต " คลื่นสีเขียว " ที่กวาดข้ามทวีป เช่น ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ และพืชให้เบ่งบานในการตอบสนอง เห็นที่ไหน และเมื่อภัยพิบัติโจมตี เช่น ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม พายุ รุนแรง ความแห้งแล้ง และไฟป่า และหวังว่าจะช่วยให้ผู้คนได้รับอันตรายใดๆ โมดิส " วงโดยเฉพาะอย่างยิ่งไวไฟ พวกเขาสามารถแยกแยะจากเพลิงระอุไหม้และให้ประมาณการที่ดีของจํานวนของละอองลอยและก๊าซไฟปล่อยสู่บรรยากาศโมดิสมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในมหาสมุทรแปซิฟิกประชากรแพลงก์ตอนพืชที่อาจสัญญาณการโจมตีที่มีชื่อเสียงของ เอล นิá o / ลานีญาภูมิอากาศพี่น้องอย่างดีก่อนการมาถึงของพวกเขา ในการเปิด , เปิดตัวของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและการวัดสีมหาสมุทรโมดิสได้พบผลกระทบ El Ni á o และลานีญามีพืชทะเล ด้วยกล้องจุลทรรศน์ โมดิสยังมีช่องที่ไม่ซ้ำกันสำหรับการวัดคลอโรฟิลล์ฟลูออเรสเซนซ์ . พืชทั้งหมดระดมยิงด้วยแสงเริ่มเรืองแสง หรือโรจน์ แต่แสงที่ตาของเราไม่สามารถมองเห็น พืชมากขึ้นโรจน์ น้อยกว่าพลังงานที่พวกเขาใช้ในการสังเคราะห์แสง ดังนั้น โมดิสไม่เพียงแต่แผนที่การกระจายของแพลงก์ตอนพืช มันยังช่วยให้เราวัดสุขภาพของอีกเครื่องบินต่างประเทศ เทอร์ราโมดิสน้องสาวเรือน้ำ