Women’s knowledge regarding folic a

Women’s knowledge regarding folic acid supplementation and NTDs was improved after the introduction of a folic acid promotion programme (targeted at providing information to women and health professionals about the importance of folic acid supplements to reduce risk of NTDs) and a voluntary folic acid fortification programme in both Western and South Australia.9,41 Importantly, however, these interventions did not improve women’s understanding about the need for preconceptional folic acid. A low level of knowledge of pregnant women regarding
the importance of iodine intake has been reported in other surveys, conducted both pre- and post-fortification.18 Recent data from the UK and Tasmania have confirmed that even mild iodine deficiency during pregnancy can affect the later cognitive development and educational attainment of the young child.42,43 For these reasons, and given that our results confirm poor understanding about iodine requirements during pregnancy, it could be argued that prenatal supplements containing iodine should be prescribed to pregnant and lactating women.44 Pregnant women in this study had limited knowledge about dietary sources of folic acid and iodine, as reported by other studies in New Zealand and Australia.18,19,26 There was also a low level of awareness regarding the mandatory fortification
programmes that require bread to be fortified with both folic acid and iodine. Similar findings have been reported from New Zealand, where iodine fortification was introduced simultaneously to Australia and which later adopted folic acid fortification of bread flour in 2012.45 In addition, bread consumption patterns among women in our
study indicate a lower consumption than estimates used by Food Standards Australia New Zealand (FSANZ) in the
dietary modelling to determine levels of fortificants to be added to wheat flour (folic acid) and salt used in bread
(iodine) (i.e. three slices of bread per day).3,46 This food standard may need to be revised by FSANZ following monitoring of the fortification programme. Women expressed concerns regarding avoidance of foods that could potentially cause listeriosis. Although specific foods were not identified in this survey, our previous work has identified that fish and seafood, the richest sources of iodine, are not commonly consumed by pregnant women. The majority of dietary iodine is provided by dairy foods, with only 3–7% provided by fish and seafood.18,47 A need for greater public awareness of the mandatory iodine fortification programme is confirmed by a qualitative study that explored the opinions of women of child-bearing age about the topic of nutrient fortification of the food supply.48
Many of the pregnant women in the current study seemed to have received limited information about the need for folic acid and, in particular, iodine supplementation during their pregnancy. In most cases, their main source of information about these micronutrient supplements was from their GP, with very little information being made available to them from either community pharmacists and/or midwives, as has been reported previously in Australia and New Zealand.17,49 A recent study has identified that GPs who participate in the antenatal shared care programme have poor knowledge about the importance and roles of iodine during pregnancy and only a quarter of GPs surveyed reported that they discussed iodine supplementation with their pregnant patients.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความรู้สำหรับผู้หญิงเกี่ยวกับการเสริมกรดโฟลิคและ NTDs ปรับปรุงหลังจากการแนะนำของโปรแกรมการส่งเสริมกรดโฟลิ (เป้าหมายที่ให้ข้อมูลแก่ผู้หญิงและสุขภาพผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความสำคัญของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่กรดโฟลิคเพื่อลดความเสี่ยงของ NTDs) และระบบป้อมปราการกรดโฟลิสมัครใจเป็นโปรแกรมในแบบตะวันตกและใต้ Australia.9,41 สำคัญ แต่ แทรกแซงเหล่านี้ไม่ดีขึ้นเข้าใจผู้หญิงเกี่ยวกับความต้องการกรดโฟลิ preconceptional ระดับความรู้ของหญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับมีการรายงานถึงความสำคัญของการบริโภคไอโอดีนแบบสำรวจอื่น ๆ การดำเนินการทั้งก่อน และ fortification.18 โพสต์ข้อมูลล่าสุดจากสหราชอาณาจักรและทัสมาเนียได้รับการยืนยันว่า ขาดสารไอโอดีนรุนแรงแม้ในระหว่างตั้งครรภ์มีผลต่อการพัฒนาองค์ความรู้ในภายหลังและการศึกษาบรรลุ child.42,43 หนุ่มสำหรับเหตุผลเหล่านี้ และระบุว่า ผลของเรายืนยันความไม่รู้เกี่ยวกับความต้องการไอโอดีนในระหว่างตั้งครรภ์ มันอาจจะแย้งว่า ก่อนคลอดอาหารเสริมที่ประกอบด้วยสารไอโอดีนควรจะกำหนดให้ตั้งครรภ์ และหญิงตั้งครรภ์ให้นมบุตร women.44 ในการศึกษานี้ได้จำกัดความรู้เกี่ยวกับแหล่งอาหารกรดโฟลิคและไอโอดีน โดยรายงานการศึกษาอื่น ๆ ในประเทศไทย และ Australia.18,19,26 ก็ยังระดับต่ำของการรับรู้เกี่ยวกับระบบป้อมปราการบังคับโปรแกรมที่ต้องใช้ขนมปังจะถูกเสริม ด้วยกรดโฟลิคและไอโอดีน ผลคล้ายได้รับรายงานจากนิวซีแลนด์ ไอโอดีนระบบป้อมปราการถูกนำมาใช้พร้อมกันกับออสเตรเลียซึ่งต่อมาระบบป้อมปราการกรดโฟลิของแป้งขนมปังใน 2012.45 นอกจากนี้ รูปแบบการใช้ในผู้หญิงในขนมปังของเราศึกษาบ่งชี้ว่า การใช้ต่ำกว่าประมาณการที่ใช้โดยอาหารมาตรฐานออสเตรเลียนิวซีแลนด์ (FSANZ) ในการอาหารที่สร้างแบบจำลองเพื่อกำหนดระดับของ fortificants ที่จะเพิ่มแป้งสาลี (กรดโฟลิก) และเกลือที่ใช้ในขนมปัง(ไอโอดีน) (เช่นสามชิ้นของขนมปังต่อวัน) .3,46 มาตรฐานอาหารนี้อาจจำเป็นต้องแก้ไข โดย FSANZ ต่อการตรวจสอบของโปรแกรมระบบป้อมปราการ ผู้หญิงแสดงความกังวลเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำอาจ listeriosis แม้ว่าไม่มีระบุอาหารที่เฉพาะเจาะจงในแบบสำรวจนี้ งานก่อนหน้านี้ได้ระบุว่า ปลาและอาหารทะเล แหล่งร่ำรวยที่สุดของไอโอดีน จะไม่นิยมบริโภค โดยหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่อาหารไอโอดีนได้ โดยอาหารจากนม มีเพียง 3-7% โดยปลาและ seafood.18,47 ที่ต้องการเพื่อสร้างความตระหนักสาธารณะของโปรแกรมระบบป้อมปราการบังคับไอโอดีนได้รับการยืนยัน โดยการศึกษาเชิงคุณภาพที่สำรวจความเห็นของผู้หญิงวัยเด็กแบริ่งหัวข้อของสารอาหารระบบป้อมปราการของ supply.48 อาหารของหญิงตั้งครรภ์ในการศึกษาปัจจุบันดูเหมือนจะได้รับข้อมูลที่จำกัดเกี่ยวกับความจำเป็น สำหรับกรดโฟลิค และ โดย เฉพาะ การเสริมไอโอดีนในระหว่างตั้งครรภ์ของพวกเขา ในกรณีส่วนใหญ่ หลักแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมเหล่านี้พันธุเป็นจาก GP ของพวกเขา มีข้อมูลน้อยมากที่ได้ได้จากทั้งชุมชนเภสัชกรหรือหมอตำแย ตามที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ในออสเตรเลียและใหม่ Zealand.17,49 การศึกษาล่าสุดได้ระบุว่า GPs ที่มีส่วนร่วมในการดูแลครรภ์ร่วมมีความรู้ดีเกี่ยวกับความสำคัญและบทบาทของไอโอดีนในระหว่างตั้งครรภ์ และเพียงหนึ่งในสี่ของ GPs สำรวจรายงานว่า พวกเขา กล่าวถึงผู้ป่วยตั้งครรภ์เสริมไอโอดีน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความรู้ของผู้หญิงเกี่ยวกับการเสริมกรดโฟลิกและ NTDs ได้ดีขึ้นหลังจากการแนะนำของโปรแกรมกรดโฟลิคโปรโมชั่น (เป้าหมายที่ให้ข้อมูลกับผู้หญิงและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเกี่ยวกับความสำคัญของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิคเพื่อลดความเสี่ยงของการ NTDs) และสมัครใจโปรแกรมกรดโฟลิกป้อมปราการใน ทั้งตะวันตกและภาคใต้ Australia.9,41 สำคัญ แต่การแทรกแซงเหล่านี้ไม่ได้ปรับปรุงความเข้าใจของผู้หญิงเกี่ยวกับความจำเป็นสำหรับกรดโฟลิค preconceptional ระดับต่ำของความรู้ของหญิงตั้งครรภ์ที่เกี่ยวกับ
ความสำคัญของการบริโภคไอโอดีนได้รับรายงานในการสำรวจอื่น ๆ ดำเนินการก่อนและหลังการ fortification.18 ข้อมูลทั้งล่าสุดจากสหราชอาณาจักรและแทสมาเนียได้รับการยืนยันว่าแม้การขาดสารไอโอดีนในระหว่างตั้งครรภ์อ่อน ๆ สามารถส่งผลกระทบต่อ ต่อมาพัฒนาองค์ความรู้และการศึกษาที่สำเร็จของ child.42,43 หนุ่มด้วยเหตุผลเหล่านี้และระบุว่าผลของเรายืนยันความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับความต้องการไอโอดีนในระหว่างตั้งครรภ์ก็อาจจะแย้งว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารไอโอดีนก่อนคลอดควรจะกำหนดให้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร 44 หญิงตั้งครรภ์ในการศึกษานี้มีความรู้ จำกัด เกี่ยวกับแหล่งอาหารของกรดโฟลิกและไอโอดีนขณะที่รายงานจากการศึกษาอื่น ๆ ในนิวซีแลนด์และ Australia.18,19,26 นอกจากนี้ยังมีระดับต่ำของการรับรู้เกี่ยวกับการบังคับป้อมปราการ
โปรแกรมที่ต้องการขนมปัง จะได้รับการเสริมด้วยทั้งกรดโฟลิกและไอโอดีน ผลการวิจัยที่คล้ายกันได้รับรายงานจากนิวซีแลนด์ที่ไอโอดีนป้อมปราการได้รับการแนะนำพร้อมกันไปยังประเทศออสเตรเลียและที่ต่อมากลายเป็นป้อมปราการกรดโฟลิคของแป้งขนมปัง 2,012.45 นอกจากนี้รูปแบบการบริโภคขนมปังในหมู่ผู้หญิงของเรา
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการบริโภคต่ำกว่าประมาณการใช้โดยมาตรฐานอาหาร ออสเตรเลียนิวซีแลนด์ (FSANZ) ใน
การสร้างแบบจำลองการบริโภคอาหารเพื่อตรวจสอบระดับของ fortificants ที่จะเพิ่มแป้งสาลี (กรดโฟลิค) และเกลือที่ใช้ในขนมปัง
(ไอโอดีน) (เช่นชิ้นสามของขนมปังต่อวัน) .3,46 มาตรฐานอาหารนี้อาจ จะต้องมีการแก้ไขโดย FSANZ ต่อไปนี้การตรวจสอบของโปรแกรมป้อมปราการ ผู้หญิงแสดงความกังวลเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเกิดขึ้นอาจก่อให้เกิด listeriosis แม้ว่าอาหารที่เฉพาะเจาะจงไม่ได้ระบุไว้ในการสำรวจครั้งนี้งานก่อนหน้านี้ของเรามีการระบุว่าปลาและอาหารทะเลแหล่งที่ร่ำรวยที่สุดของไอโอดีนจะไม่นิยมบริโภคโดยหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ของไอโอดีนอาหารที่ให้บริการโดยอาหารประเภทนมมีเพียง 3-7% ให้บริการโดยปลาและ seafood.18,47 ความจำเป็นในการรับรู้ของประชาชนมากขึ้นของโปรแกรมไอโอดีนป้อมปราการบังคับได้รับการยืนยันโดยการศึกษาเชิงคุณภาพที่มีการสำรวจความคิดเห็นของผู้หญิง ของวัยเจริญพันธุ์เกี่ยวกับหัวข้อของป้อมปราการของสารอาหาร supply.48 อาหาร
หลายของหญิงตั้งครรภ์ในการศึกษาในปัจจุบันดูเหมือนจะได้รับข้อมูลที่ จำกัด เกี่ยวกับความจำเป็นในการกรดโฟลิกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมไอโอดีนในระหว่างตั้งครรภ์ของพวกเขา ในกรณีส่วนใหญ่แหล่งที่มาหลักของพวกเขาของข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมธาตุอาหารเหล่านี้ก็มาจากพวกเขา GP มีข้อมูลน้อยมากถูกให้บริการแก่พวกเขาจากการอย่างใดอย่างหนึ่งของเภสัชกรชุมชนและ / หรือผดุงครรภ์ตามที่ได้รับรายงานก่อนหน้านี้ในออสเตรเลียและนิว Zealand.17,49 ผลการศึกษาล่าสุดพบว่าจีพีเอสที่มีส่วนร่วมในโปรแกรมที่ใช้ร่วมกันดูแลฝากครรภ์มีความรู้ที่ไม่ดีเกี่ยวกับความสำคัญและบทบาทของไอโอดีนในระหว่างตั้งครรภ์และมีเพียงหนึ่งในสี่ของจีพีเอสำรวจรายงานว่าพวกเขากล่าวถึงการเสริมไอโอดีนกับผู้ป่วยตั้งครรภ์ของพวกเขา