n 1917, less than three years after

n 1917, less than three years after it was created, the NACA established Langley Memorial Aeronautical Laboratory on Langley Field. Both Langley Field and the Langley Laboratory are named for aviation pioneer Samuel Pierpont Langley.[1] The Aviation Section, U.S. Signal Corps had established a base there earlier that same year. The first research facilities were in place and aeronautical research was started by 1920. Initially the laboratory included four researchers and 11 technicians.[2]


NASA Langley 14-foot (4 m) x 22-foot (7 m) Subsonic Wind Tunnel
Langley Field and NACA began parallel growth as air power proved its utility during World War I. The center was originally established to explore the field of aerodynamic research involving airframe and propulsion engine design and performance. In 1934 the world's largest wind tunnel at that time was constructed at Langley Field with a 30 x 60 foot test section, which was large enough to test full scale aircraft, one of the first wind tunnels able to do this.[3][4] (The 40 x 80 foot tunnel built at NASA Ames in California in the following decade stole away the "World's Largest" title).[5]

Early in 1943 the center expanded to include rocket research, leading to the establishment of a flight station at Wallops Island, Virginia. A further expansion of the research program permitted Langley Research Center to orbit payloads.[when?] As rocket research grew, aeronautics research continued to expand and played an important part when subsonic flight was advanced and supersonic and hypersonic flight were introduced.[citation needed]

Langley Research Center can claim many historic firsts, some of which have proven to be revolutionary scientific breakthroughs. These accomplishments include the development of the concept of research aircraft leading to supersonic flight, the world's first transonic wind tunnels, the Lunar Landing Facility providing the simulation of lunar gravity, and the Viking program for Mars exploration.[6] Also, the grooving of aircraft runways was developed at Langley Research Center, which permits better grip by aircraft tires to the surface than a traditional smooth surface, was developed at Langley. This grooving is now the international standard for all runways around the world.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

n 1917 น้อยกว่าสามปีหลังจากสร้าง NACA ก่อตั้งห้องปฏิบัติเดินอากาศอนุสรณ์ลแลงเกลย์บนฟิลด์ลแลงเกลย์ ฟิลด์ลแลงเกลย์และปฏิบัติลแลงเกลย์ชื่อสำหรับผู้บุกเบิกการบิน Samuel Pierpont ลแลงเกลย์[1] การบินสหรัฐอเมริกา ส่วนสัญญาณหน่วยได้สร้างฐานมีในปีเดียวกันก่อนหน้านี้ สิ่งอำนวยความสะดวกการวิจัยแรกอยู่ในสถานที่ และบริษัทวิจัยเริ่ม โดย 1920 เริ่มต้นด้วยห้องปฏิบัติการรวม 4 นักวิจัยและช่างเทคนิค 11[2]NASA ลแลงเกลย์ 14 ฟุต (4 เมตร) x อุโมงค์ลม Subsonic 22 ฟุต (7 m)ฟิลด์ลแลงเกลย์และ NACA เริ่มเติบโตคู่ขนานเป็นพลังงานอากาศพิสูจน์ของสาธารณูปโภคในระหว่างสงครามโลก ตอนแรกก่อตัวให้บริการด้านการวิจัยอากาศพลศาสตร์ของลำตัวนอก และออกแบบการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ และประสิทธิภาพ ใน 1934 ของโลกที่ใหญ่ที่สุดอุโมงค์ลมที่ถูกจัดสร้าง ณลแลงเกลย์กับเท้า 30 x 60 ทดสอบส่วน ซึ่งใหญ่พอที่จะทดสอบเครื่องบินขนาดเต็ม ลมอุโมงค์แรกสามารถทำอย่างใดอย่างหนึ่ง[3][4] (อุโมงค์เท้า 40 x 80 แห่งที่ NASA เอมส์ในแคลิฟอร์เนียในทศวรรษต่อไปนี้ขโมยไป "โลกใหญ่ที่สุด" ชื่อ)[5]ในช่วง 1943 ตัวขยายเพื่อรวมงานวิจัยจรวด การนำไปสู่การจัดตั้งสถานีการบินที่เกาะ Wallops เวอร์จิเนีย ขยายเพิ่มเติมของโปรแกรมวิจัยอนุญาตศูนย์วิจัยลแลงเกลย์โคจร payloads[เมื่อ] เป็นวิจัยจรวดโต วิจัยหลงขยายตัว และเล่นเป็นส่วนสำคัญเมื่อบิน subsonic ถูกขั้นสูง และเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง และ hypersonic ได้แนะนำ[ต้องการอ้างอิง]ศูนย์วิจัยลแลงเกลย์สามารถอ้าง firsts ประวัติศาสตร์หลาย ซึ่งมีการพิสูจน์ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ทางวิทยาศาสตร์ปฏิวัติ สำเร็จเหล่านี้รวมถึงการพัฒนาแนวคิดเครื่องบินงานวิจัยที่นำไปสู่ความเร็วเหนือเสียงบิน โลกแรก transonic ลมอุโมงค์ การจันทรคติเชื่อมโยงไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกให้การจำลองแรงโน้มถ่วงดวงจันทร์ และไวกิ้งโปรแกรมสำรวจดาวอังคาร[6] grooving รันเวย์เครื่องบินถูกพัฒนาที่ศูนย์วิจัยลแลงเกลย์ ซึ่งใบอนุญาตดีกว่าจับ โดยเครื่องบินยางพื้นผิวมากกว่าแบบผิวเรียบ ได้รับการพัฒนาที่ลแลงเกลย์ Grooving นี้เป็นมาตรฐานสากลสำหรับรันเวย์ทั้งหมดทั่วโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

N 1917 , น้อยกว่าปีหลังจากที่มันถูกสร้างขึ้น สร้างเป็นที่ระลึกในการบินปฏิบัติการ NACA แลงลีย์แลงลีย์สนาม ทั้งสนามและห้องปฏิบัติการแลงลีย์แลงลีย์เป็นชื่อสำหรับผู้บุกเบิกการบินซามูเอลซี Langley . [ 1 ] การบิน ส่วนสัญญาณทหารสหรัฐได้ก่อตั้งฐานมีก่อนหน้านี้ในปีเดียวกันสิ่งอำนวยความสะดวกการวิจัยครั้งแรกในสถานที่และวิจัยเริ่มต้นจากปี 1920 เริ่มปฏิบัติการรวม 4 นักวิจัยและช่างเทคนิค 11 [ 2 ]


นาซ่าแลงลีย์ 14 ฟุต ( 2 เมตร ) x 22 ฟุต ( 7 เมตร ) นอกจากนี้อุโมงค์ลม
แลงลีย์สนาม และเริ่มเติบโตคู่ขนานเป็นอากาศ NACA พิสูจน์ประโยชน์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ศูนย์ก่อตั้งขึ้นเดิม เพื่อเที่ยวชมเขตของการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเฟรมและการออกแบบอากาศพลศาสตร์การขับเคลื่อนเครื่องยนต์และประสิทธิภาพ 1934 โลกที่ใหญ่ที่สุดในอุโมงค์ลมที่ถูกสร้างขึ้นที่แลงลีย์สนามกับ 30 x 60 ฟุตทดสอบส่วน ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะทดสอบอากาศยานขนาดเต็มหนึ่งครั้งแรกอุโมงค์ลมสามารถที่จะทำนี้[ 3 ] [ 4 ] ( 40 x 80 เท้าอุโมงค์สร้างนาซาเอมส์ในแคลิฟอร์เนียในทศวรรษต่อไปนี้ขโมย " ของโลกที่ใหญ่ที่สุดชื่อ " ) . [ 5 ]

แรกในปี 1943 ศูนย์ขยายไปยังรวมถึงจรวดการวิจัยที่นำไปสู่การจัดตั้งสถานีบินเกาะ wallops , เวอร์จิเนีย การขยายตัวต่อไปของโครงการวิจัยที่ได้รับอนุญาต แลงลีย์ศูนย์วิจัยโคจร ( [ เมื่อ ?] เป็นจรวดการวิจัยเพิ่มขึ้น การวิจัยวิชาการอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายและเล่นเป็นส่วนสำคัญเมื่อเครื่องบิน subsonic คือขั้นสูง และเหนือและไฮเปอร์โซนิกเที่ยวบินเพิ่มขึ้น . [ อ้างอิงที่จำเป็น ]

แลงลีย์ศูนย์วิจัยสามารถเรียกร้องทางประวัติศาสตร์ที่หนึ่ง , ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์นวัตกรรม .ความสำเร็จเหล่านี้รวมถึงการพัฒนาแนวคิดเพื่อนำไปสู่การบินเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง , แรกของโลก transonic อุโมงค์ลมทางจันทรคติ Landing สิ่งอำนวยความสะดวกให้จำลองตามแรงโน้มถ่วง และไวกิ้ง โครงการสำรวจดาวอังคาร [ 6 ] นอกจากนี้ เซาะร่องของรันเวย์เครื่องบินที่ถูกพัฒนาขึ้นในแลงลีย์ศูนย์วิจัยที่อนุญาตให้จับดีกว่า โดยเครื่องบินยางกับพื้นผิวกว่าแบบเรียบที่ถูกพัฒนาขึ้นในแลงลีย์ นี้สนุกคือตอนนี้มาตรฐานสากลทุกสะพานทั่วโลก