Caffeine is considered a stimulant.

Caffeine is considered a stimulant. It stimulates the body’s central nervous system, and boosts the brain’s production of a neurochemical known as dopamine, which controls the ability to focus and maintain concentration. This stimulation can cause a person to feel energized and not to feel the effects of fatigue as strongly.

Sometimes the effect can be negative, however. For example, people who have trouble sleeping can experience further sleep disturbances or insomnia due to caffeine.

Reduced Sleep

Sleep deprivation can cause ADHD-like symptoms. These include:

irritability
increased forgetfulness
trouble focusing or sitting still
difficulty controlling emotions
Sleep deprivation makes these symptoms worse in people with ADHD.

People with ADHD should only use caffeine in the morning and should avoid consumption of coffee, tea, soda, or chocolate in the evening or late at night.

Reduced Blood Flow to the Brain

Caffeine is also a vasoconstrictor. That means it makes blood vessels smaller and reduces blood flow. This reduced blood flow is why caffeine helps headaches. Amphetamine medications used to treat ADHD also make blood vessels smaller. So caffeine actually mimics ADHD medications.

Although the exact reason is unknown, reduced blood flow may help treat ADHD by reducing the activity of brain regions that are overactive, allowing them to better function and cooperate with the rest of the brain.

Part 3 of 6: Concentration
Using Caffeine for Concentration
Dopamine levels in the brain have to be within a very narrow margin in order for a person to be able to focus on their work. But in ADHD, dopamine levels are too low. Stimulant chemicals such as caffeine or amphetamines tend to increase dopamine levels.

For most people, adding stimulants will push dopamine levels too high, causing agitation and anxiety. But for people with ADHD, adding stimulants can get the levels just right. A few cups of coffee throughout the day can make a real difference.

Some studies have found that caffeine can boost concentration for people with ADHD. Since it’s a stimulant drug, it mimics some of the effects of stronger stimulants used to treat ADHD, such as amphetamine medications.

However, caffeine alone is less effective than prescription medications. Adults can use caffeine safely for their ADHD, but caffeine consumption can actually harm children and teens.

Part 4 of 6: With Medication
Using Caffeine with ADHD Medications
When caffeine and amphetamine medications like Adderall (amphetamine and dextroamphetamine) combine, they cause an effect called synergy. Synergy occurs when two drugs have additive mechanisms of action, making their combined effect more powerful. Caffeine makes amphetamines more effective, so a person taking Adderall, for example, would likely feel a stronger impact, including greater side effects.

Part 5 of 6: Risks
Risks of Using Caffeine
The Mayo Clinic defines heavy caffeine use as four or more cups of coffee per day, or 500 to 600 mg. Too much caffeine may cause:

sleeplessness
rapid heartbeat
irritability
anxiety
insomnia
muscle shakes or tremors
upset stomach
Since medication combinations are very hard to control, a person taking both amphetamines and caffeine will also get a double dose of their side effects. Both drugs can cause anxiety, difficultly sleeping, nausea, and stomach pains.

If you’re experiencing anxiety or difficulty sleeping, you may be ingesting too much caffeine. Make sure to always take both your medication and caffeine with food to control stomach pains. Talk to your doctor if nausea persists.

Part 6 of 6: Outlook
Everyone Is Different
Although emerging research is finding that ADHD is largely a genetic disorder, it’s also finding that ADHD is not just one thing. Rather, people with mutations at any number of points in their genetics might get classified with ADHD. For developing children, some brain regions might develop at different rates than the other regions that regulate them. Because ADHD has different causes, treatments can affect people differently.

Some people find that caffeine helps their ADHD, while others find that it doesn’t offer any benefit at all, or even makes their focus worse. Pay attention to your body and work with your doctor to find out what is best for you.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คาเฟอีนถือเป็นแรงกระตุ้น มันช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางของร่างกาย และส่วนประกอบของสมองผลิตรู้จัก neurochemical เป็นโดปามีน ที่ควบคุมความสามารถในการโฟกัส และรักษาความเข้มข้น กระตุ้นนี้สามารถทำให้บุคคลรู้สึกพลังงาน และไม่รู้สึกถึงผลกระทบของความเมื่อยล้าเป็นอย่างยิ่งบางครั้งผลสามารถเป็นค่าลบ อย่างไรก็ตาม ตัวอย่าง คนที่มีปัญหานอนได้สัมผัสต่อไปรบกวนการนอนหลับหรือนอนไม่หลับเนื่องจากคาเฟอีนนอนหลับลดลงภาวะขาดการนอนหลับอาจทำให้เกิดอาการเช่นภาระผูกพัน เหล่านี้รวมถึง:irritabilityนอนหลับหรือไม่เพิ่มขึ้นเน้นปัญหาหรือยังนั่งปัญหาในการควบคุมอารมณ์ภาวะขาดการนอนหลับทำให้แย่ลงอาการเหล่านี้ในคนที่มีภาระผูกพันคนที่ มีภาระผูกพันเท่านั้นควรใช้คาเฟอีนในช่วงเช้า และควรหลีกเลี่ยงการบริโภคกาแฟ ชา โซดา ช็อคโกแลต หรือ ในตอนเย็น หรือดึกลดการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองเพื่อคาเฟอีนก็เป็น vasoconstrictor นั่นหมายความว่า จะทำให้หลอดเลือดมีขนาดเล็กลง และลดการไหลเวียนของเลือด ไหลเวียนของเลือดลดลงนี้เป็นเหตุให้คาเฟอีนช่วยให้อาการปวดหัว ยาแอมเฟตามีนที่ใช้ในการรักษาภาระผูกพันทำให้หลอดเลือดขนาดเล็ก เพื่อให้ คาเฟอีนจริงเลียนแบบยาภาระผูกพันแม้ว่าเหตุผลไม่รู้จัก ไหลเวียนของเลือดลดลงอาจช่วยรักษาภาระผูกพัน โดยการลดกิจกรรมของพื้นที่สมองที่จะทำเลย ทำให้ดีกว่าฟังก์ชัน และร่วมมือกับส่วนอื่น ๆ ของสมองส่วนที่ 3 ของ 6: เข้มข้นใช้คาเฟอีนสำหรับความเข้มข้นระดับโดปามีนในสมองจะต้องภายในระยะขอบที่แคบมากในใบสั่งสำหรับคนที่จะต้องเน้นการทำงาน แต่ในภาระผูกพัน ระดับโดพามีนจะต่ำเกินไป สารเคมีกระตุ้นเช่นคาเฟอีนหรือกำหนดโทษมีแนวโน้มที่จะ เพิ่มระดับโดปามีนสำหรับคนส่วนใหญ่ การเพิ่มสารกระตุ้นอย่างจะดันระดับโดปามีนมากเกินไป เกิดอาการกังวลต่อและวิตกกังวล แต่สำหรับคนที่มีภาระผูกพัน เพิ่มสารกระตุ้นอย่างได้ระดับเหมาะสม กี่ถ้วยกาแฟตลอดทั้งวันสามารถสร้างความแตกต่างที่แท้จริงบางการศึกษาพบว่า คาเฟอีนสามารถเพิ่มความเข้มข้นสำหรับผู้ที่มีภาระผูกพัน เนื่องจากเป็นยากระตุ้น มันเลียนแบบบางส่วนของผลกระทบของสารกระตุ้นอย่างแข็งแรงที่ใช้ในการรักษาภาระผูกพัน เช่นยาแอมเฟตามีนอย่างไรก็ตาม คาเฟอีนเพียงอย่างเดียวจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายาใบสั่งยา ผู้ใหญ่สามารถใช้คาเฟอีนอย่างปลอดภัยสำหรับภาระผูกพันของพวกเขา แต่ปริมาณคาเฟอีนอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กและวัยรุ่นส่วนที่ 4 ของ 6: มียาด้วยคาเฟอีนยาภาระผูกพันเมื่อรวมยาคาเฟอีนและแอมเฟตามีนเช่น Adderall (แอมเฟตามีนและ dextroamphetamine) พวกเขาทำให้เกิดลักษณะพิเศษที่เรียกว่า synergy Synergy เกิดขึ้นเมื่อยาทั้งสองชนิดมีกลไกการดำเนินการ ทำให้ผลรวมของพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้นสามารถ คาเฟอีนทำให้การกำหนดโทษมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นผู้ถ่าย Adderall เช่น จะรู้สึกผลกระทบแข็งแกร่ง รวมทั้งผลข้างเคียงมากกว่าPart 5 of 6: RisksRisks of Using CaffeineThe Mayo Clinic defines heavy caffeine use as four or more cups of coffee per day, or 500 to 600 mg. Too much caffeine may cause:sleeplessnessrapid heartbeatirritabilityanxietyinsomniamuscle shakes or tremorsupset stomachSince medication combinations are very hard to control, a person taking both amphetamines and caffeine will also get a double dose of their side effects. Both drugs can cause anxiety, difficultly sleeping, nausea, and stomach pains.If you’re experiencing anxiety or difficulty sleeping, you may be ingesting too much caffeine. Make sure to always take both your medication and caffeine with food to control stomach pains. Talk to your doctor if nausea persists.Part 6 of 6: OutlookEveryone Is DifferentAlthough emerging research is finding that ADHD is largely a genetic disorder, it’s also finding that ADHD is not just one thing. Rather, people with mutations at any number of points in their genetics might get classified with ADHD. For developing children, some brain regions might develop at different rates than the other regions that regulate them. Because ADHD has different causes, treatments can affect people differently.Some people find that caffeine helps their ADHD, while others find that it doesn’t offer any benefit at all, or even makes their focus worse. Pay attention to your body and work with your doctor to find out what is best for you.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คาเฟอีนจะถือเป็นแรงกระตุ้น มันจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทของร่างกายกลางและช่วยเพิ่มการผลิตของสมองของสารสื่อประสาทที่เรียกว่าโดปามีนซึ่งควบคุมความสามารถในการมุ่งเน้นและรักษาความเข้มข้น การกระตุ้นนี้สามารถทำให้คนรู้สึกมีพลังและไม่รู้สึกถึงผลกระทบของความเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง. บางครั้งผลที่สามารถเป็นค่าลบอย่างไรก็ตาม ตัวอย่างเช่นคนที่มีปัญหาในการนอนหลับจะได้พบกับการรบกวนการนอนหลับเพิ่มเติมหรือนอนไม่หลับเนื่องจากคาเฟอีน. ลดการนอนหลับอดนอนอาจทำให้เกิดอาการสมาธิสั้นเหมือน เหล่านี้รวมถึง: หงุดหงิดเพิ่มขึ้นหลงลืมปัญหาโดยมุ่งเน้นหรือนั่งยังคงอารมณ์ความยากลำบากในการควบคุมการอดนอนทำให้อาการเหล่านี้เลวร้ายยิ่งในคนที่มีสมาธิสั้น. คนที่มีสมาธิสั้นควรใช้คาเฟอีนในตอนเช้าและควรหลีกเลี่ยงการบริโภคกาแฟชาโซดาหรือช็อคโกแลตใน ตอนเย็นหรือตอนดึก. ลดการไหลของเลือดในสมองคาเฟอีนยังเป็น vasoconstrictor นั่นหมายความว่ามันจะทำให้หลอดเลือดมีขนาดเล็กลงและลดการไหลเวียนของเลือด นี้ไหลเวียนของเลือดลดลงคือเหตุผลที่คาเฟอีนจะช่วยให้อาการปวดหัว ยาเสพยาบ้าใช้ในการรักษาโรคสมาธิสั้นยังทำให้หลอดเลือดมีขนาดเล็ก ดังนั้นคาเฟอีนจริงเลียนแบบยาสมาธิสั้น. แม้ว่าเหตุผลที่แน่นอนไม่เป็นที่รู้จักไหลเวียนของเลือดลดลงอาจช่วยรักษาโรคสมาธิสั้นโดยการลดการทำงานของสมองที่มีโอ้อวดปล่อยให้พวกเขาฟังก์ชั่นที่ดีขึ้นและให้ความร่วมมือกับส่วนที่เหลือของสมอง. ส่วนที่ 3 จาก 6 : ความเข้มข้นของการใช้คาเฟอีนสำหรับความเข้มข้นของระดับ Dopamine ในสมองได้ให้อยู่ในขอบแคบมากในการสั่งซื้อสำหรับคนที่จะสามารถที่จะมุ่งเน้นไปที่การทำงานของพวกเขา แต่ในสมาธิสั้นระดับโดพามีนต่ำเกินไป สารเคมีกระตุ้นเช่นคาเฟอีนหรือยาบ้ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับโดพามีน. สำหรับคนส่วนใหญ่เพิ่มสารกระตุ้นที่จะผลักดันระดับโดพามีสูงเกินไปทำให้เกิดความปั่นป่วนและความวิตกกังวล แต่สำหรับคนที่มีสมาธิสั้นเพิ่มสารกระตุ้นจะได้รับในระดับเพียงขวา ไม่กี่ถ้วยกาแฟตลอดทั้งวันสามารถสร้างความแตกต่างที่แท้จริง. บางการศึกษาพบว่าคาเฟอีนสามารถเพิ่มความเข้มข้นสำหรับคนที่มีสมาธิสั้น เนื่องจากเป็นยากระตุ้นก็เลียนแบบบางส่วนของผลกระทบของสารกระตุ้นที่แข็งแกร่งที่ใช้ในการรักษาโรคเช่นยาแอมเฟตา. แต่คาเฟอีนเพียงอย่างเดียวที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่ายาตามใบสั่งแพทย์ ผู้ใหญ่สามารถใช้คาเฟอีนได้อย่างปลอดภัยสำหรับเด็กสมาธิสั้นของพวกเขา แต่การบริโภคคาเฟอีนจริงสามารถเป็นอันตรายต่อเด็กและวัยรุ่น. ส่วนที่ 4 ของ 6: ด้วยยาการใช้ยาที่มีคาเฟอีนสมาธิสั้นเมื่อคาเฟอีนและยาแอมเฟตาเหมือน Adderall (ยาบ้าและ dextroamphetamine) รวมจะก่อให้เกิดผลกระทบที่เรียกว่า การทำงานร่วมกัน Synergy เกิดขึ้นเมื่อสองยาเสพติดสารเติมแต่งที่มีกลไกของการกระทำที่ทำให้ผลรวมของพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น คาเฟอีนทำให้ยาบ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อให้คนที่สละ Adderall ตัวอย่างเช่นมีแนวโน้มที่จะรู้สึกผลกระทบที่แข็งแกร่งรวมทั้งผลข้างเคียงมากขึ้น. ส่วนที่ 5 จาก 6: ความเสี่ยงความเสี่ยงของการใช้คาเฟอีนเมโยคลินิกกำหนดใช้คาเฟอีนหนักเป็นสี่หรือมากกว่าถ้วย เครื่องชงกาแฟต่อวันหรือ 500-600 มิลลิกรัม คาเฟอีนมากเกินไปอาจก่อให้เกิด: นอนไม่หลับการเต้นของหัวใจอย่างรวดเร็วหงุดหงิดวิตกกังวลนอนไม่หลับกล้ามเนื้อสั่นหรือสั่นปวดท้องตั้งแต่การผสมยาเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะควบคุมบุคคลที่สละทั้งยาบ้าและคาเฟอีนยังจะได้รับปริมาณสองเท่าของผลข้างเคียงของพวกเขา ยาเสพติดทั้งสองสามารถก่อให้เกิดความวิตกกังวลนอนกุกกักคลื่นไส้และปวดท้อง. หากคุณกำลังประสบความวิตกกังวลหรือความยากลำบากในการนอนหลับคุณอาจจะบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป ให้แน่ใจว่าจะมักจะใช้ทั้งยาและคาเฟอีนของคุณด้วยอาหารเพื่อควบคุมการปวดท้อง พูดคุยกับแพทย์ของคุณถ้ายังคงมีอาการคลื่นไส้. ส่วนที่ 6 จาก 6: outlook ทุกคนมีความแตกต่างกันแม้ว่าการวิจัยที่เกิดขึ้นใหม่คือการหาสมาธิสั้นที่เป็นส่วนใหญ่ความผิดปกติทางพันธุกรรมก็ยังหาสมาธิสั้นที่ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่ แต่คนที่มีการกลายพันธุ์ที่จำนวนของคะแนนในพันธุศาสตร์ของพวกเขาใด ๆ ที่อาจได้รับการจัดที่มีสมาธิสั้น สำหรับเด็กที่พัฒนาสมองบางคนอาจจะพัฒนาในอัตราที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ที่ควบคุมพวกเขา เพราะสมาธิสั้นมีสาเหตุที่แตกต่างกัน, การรักษาที่สามารถส่งผลกระทบต่อผู้คนที่แตกต่างกัน. บางคนพบว่าคาเฟอีนจะช่วยให้สมาธิสั้นของพวกเขาขณะที่คนอื่นพบว่ามันไม่ได้มีผลประโยชน์ใด ๆ ที่ทุกคนหรือแม้กระทั่งทำให้โฟกัสของพวกเขาแย่ลง ให้ความสนใจกับร่างกายของคุณจ่ายและทำงานกับแพทย์ของคุณเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คาเฟอีนเป็นยากระตุ้น . กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางของร่างกาย และช่วยเพิ่มการผลิตของสมองของการป้องกันที่เรียกว่าโดพามีนที่ควบคุมความสามารถในการโฟกัส และรักษาสมาธิ การกระตุ้นนี้สามารถทำให้คนรู้สึก energized และไม่ได้รู้สึกถึงผลกระทบของความล้าเป็นอย่างยิ่ง

บางครั้งผลเป็นลบ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างเช่นผู้ที่มีปัญหานอนสามารถประสบการณ์รบกวนการนอนหลับเพิ่มเติมหรือนอนไม่หลับเนื่องจากคาเฟอีน นอน



ลดการกีดกันการนอนหลับจะทำให้สมาธิสั้น เช่นอาการ เหล่านี้รวมถึง :



ปัญหาหลงลืมหงุดหงิดเพิ่มขึ้น เน้น หรือนั่งเฉยๆ

ปัญหาการควบคุมอารมณ์ sleep deprivation ทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงในผู้ที่มีสมาธิสั้น .

ผู้ที่มีสมาธิสั้น ควรใช้คาเฟอีนในตอนเช้าและควรหลีกเลี่ยงการบริโภคกาแฟ ชา น้ำอัดลม หรือช็อกโกแลตในตอนเย็นหรือดึก

ลดการไหลของเลือดไปยังสมอง

คาเฟอีนเป็นวาโสคอนสตริกเตอร์ . นั่นหมายความว่า มันทำให้เส้นเลือดเล็กลง และลดการไหลของเลือด นี้การไหลของเลือดลดลงเป็นเหตุให้คาเฟอีนช่วยให้ปวดหัวยาแอมเฟตามีนใช้รักษาสมาธิสั้น ยังทำให้หลอดเลือดขนาดเล็ก ดังนั้นคาเฟอีนจริงเลียนแบบสมาธิสั้นโรค

ถึงแม้ว่าเหตุผลที่แน่นอนคือไม่รู้จักลดการไหลของเลือดอาจช่วยรักษาสมาธิสั้นโดยการลดกิจกรรมของพื้นที่สมองที่ไวเกินที่ช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้น และร่วมมือกับพักผ่อนสมอง

ส่วนที่ 3 ของ 6
: สมาธิการใช้คาเฟอีนระดับความเข้มข้น
โดพามีนในสมองต้องอยู่ภายในขอบแคบมาก เพื่อให้คนที่จะสามารถมุ่งเน้นไปที่งานของพวกเขา แต่ในอาการสมาธิสั้น โดพามีนระดับต่ำเกินไป กระตุ้นสารเคมีเช่นคาเฟอีนหรือยาบ้ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับโดพามีน

สำหรับคนส่วนใหญ่ การเพิ่มระดับโดพามีนกระตุ้น จะดันสูงเกินไป ทำให้เกิดความปั่นป่วนและความกังวลแต่สำหรับผู้ที่มีสมาธิสั้นเพิ่มสารกระตุ้นได้ระดับพอดี กี่ถ้วยของกาแฟตลอดทั้งวันสามารถสร้างความแตกต่างที่แท้จริง

บางการศึกษาพบว่าคาเฟอีนสามารถเพิ่มความเข้มข้นสำหรับผู้ที่มีสมาธิสั้น . ในเมื่อมันเป็นยากระตุ้น มันเลียนแบบบางส่วนของผลกระทบที่แข็งแกร่งกระตุ้นใช้รักษาโรคสมาธิสั้น เช่น ยาแอมเฟตามีน

อย่างไรก็ตามคาเฟอีนเพียงอย่างเดียวคือมีประสิทธิภาพน้อยกว่าใบสั่งยา ผู้ใหญ่สามารถใช้คาเฟอีนปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยสมาธิสั้น แต่การบริโภคคาเฟอีนจริงสามารถทำร้ายเด็กและวัยรุ่น

ส่วนที่ 4 ของ 6 : กับการใช้คาเฟอีนที่มีสมาธิสั้น โรค

เมื่อคาเฟอีนและยายาบ้าเหมือนยาบ้า ( แอมเฟตามีนและเด็กซ์โตรแอมเฟตามีน ) รวม พวกเขาก่อให้เกิดผลเรียกว่าผลผลที่เกิดขึ้นเมื่อสองยาเสพติดได้เพิ่มกลไกของการกระทำ ทำให้ผลรวมของพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น คาเฟอีนทำให้ยาบ้า มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น ผู้เอายาบ้า ตัวอย่างเช่น อาจจะรู้สึกว่าผลกระทบที่แข็งแกร่ง รวมถึงผลข้างเคียงมากขึ้น

ส่วน 5 ของ 6 : ความเสี่ยง ความเสี่ยงของการใช้คาเฟอีน

คลินิก Mayo กำหนดใช้คาเฟอีนหนักเป็นสี่หรือมากกว่าถ้วยกาแฟต่อวันหรือ 500 ถึง 600 mg . คาเฟอีนมากเกินไปอาจก่อให้เกิด :




นอนหัวใจเต้นเร็วหงุดหงิดวิตกกังวลนอนไม่หลับ

กล้ามเนื้อสั่นหรือสั่น

ตั้งแต่ แก้ปวดท้อง ยาผสมยากมากที่จะควบคุม คนที่เอาทั้งยาบ้าและคาเฟอีนจะได้รับปริมาณสองเท่าของผลข้างเคียงของพวกเขา ยาเสพติดสามารถทำให้เกิดความกังวล ตำแหน่งนอน คลื่นไส้ และอาการปวดท้อง

หากคุณกำลังประสบความวิตกกังวลหรือการหลับยาก คุณอาจจะได้รับคาเฟอีนมากเกินไป ให้แน่ใจว่าได้เสมอ ใช้ทั้งยา และคาเฟอีนกับอาหารเพื่อควบคุมอาการปวดท้อง พูดคุยกับแพทย์ของคุณถ้าอาการยังคงมีอยู่

ส่วน 6 ของ 6 : Outlook

ถึงแม้ว่าทุกคนจะแตกต่างกันสำหรับการวิจัยพบว่า ADHD ส่วนใหญ่เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมนอกจากนี้ยังพบว่าสมาธิไม่ใช่แค่เพียงอย่างเดียว แต่ผู้ที่มีการกลายพันธุ์ในหมายเลขใด ๆของจุดในทางพันธุกรรมอาจจะจัดกับอาการสมาธิสั้น เพื่อพัฒนาสมองเด็ก บางภูมิภาคอาจพัฒนาในอัตราที่แตกต่างกันกว่าภูมิภาคอื่น ๆที่ควบคุมพวกเขา เพราะโรคสมาธิสั้นมีสาเหตุต่างกัน การรักษาสามารถส่งผลกระทบต่อผู้คนที่แตกต่างกัน .

บางคนพบว่าคาเฟอีนช่วยอาการสมาธิสั้นของพวกเขาขณะที่คนอื่นพบว่ามันไม่ได้ให้ประโยชน์ใด ๆ เลย หรือแม้แต่ทำให้โฟกัสของพวกเขาแย่ลง ให้ความสนใจกับร่างกายของคุณและทำงานร่วมกับแพทย์ของคุณเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ