The term "systems" is derived from

The term "systems" is derived from the Greek word "synistanai," which means "to bring together or combine." The term has been used for centuries. Components of the organizational concepts referred to as the "systems approach" have been used to manage armies and governments for millennia. However, it was not until the Industrial Revolution of the 19th and 20th centuries that formal recognition of the "systems" approach to management, philosophy, and science emerged (Whitehead 1925, von Bertalanffy 1968). As the level of precision and efficiency demanded of technology, science, and management increased the complexity of industrial processes, it became increasingly necessary to develop a conceptual basis to avoid being overwhelmed by complexity. The systems approach emerged as scientists and philosophers identified common themes in the approach to managing and organizing complex systems. Four major concepts underlie the systems approach:

Specialization: A system is divided into smaller components allowing more specialized concentration on each component.
Grouping: To avoid generating greater complexity with increasing specialization, it becomes necessary to group related disciplines or sub-disciplines.
Coordination: As the components and subcomponents of a system are grouped, it is necessary to coordinate the interactions among groups.
Emergent properties: Dividing a system into subsystems (groups of component parts within the system), requires recognizing and understanding the "emergent properties" of a system; that is, recognizing why the system as a whole is greater than the sum of its parts. For example, two forest stands may contain the same tree species, but the spatial arrangement and size structure of the individual trees will create different habitats for wildlife species. In this case, an emergent property of each stand is the wildlife habitat.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบบ "" เป็นคำที่มาจากภาษากรีกคำว่า "synistanai," ซึ่งหมายความว่า "เพื่อนำมารวมกันหรือรวม." ในระยะที่มีการใช้มานานหลายศตวรรษ องค์ประกอบของแนวคิดขององค์กรที่เรียกว่า "วิธีการ" ระบบได้รับใช้ในการจัดการกองทัพและรัฐบาลเป็นพันปี อย่างไรก็ตามมันไม่ได้จนกว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 และ 20 ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการของ "ระบบ" วิธีการจัดการปรัชญาและวิทยาศาสตร์โผล่ออกมา (เฮด 1925, ฟอน Bertalanffy 1968) เป็นระดับของความแม่นยำและมีประสิทธิภาพเรียกร้องของเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และการจัดการเพิ่มความซับซ้อนของกระบวนการทางอุตสาหกรรม,มันก็กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้นในการพัฒนากรอบความคิดพื้นฐานเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกครอบงำจากความซับซ้อน วิธีระบบกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาระบุรูปแบบทั่วไปในแนวทางในการจัดการและการจัดการระบบที่ซับซ้อน สี่แนวคิดที่สำคัญรองรับแนวทางระบบ:

เชี่ยวชาญ:ระบบแบ่งออกเป็นชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กที่ช่วยให้มีความเข้มข้นขึ้นเฉพาะแต่ละองค์ประกอบการจัดกลุ่ม
:. เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความซับซ้อนมากขึ้นที่มีความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นมันจะกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มย่อยหรือสาขาวิชาประสานงาน
:. เป็นส่วนประกอบและส่วนประกอบย่อยของระบบ จะถูกจัดกลุ่มก็เป็นสิ่งจำเป็นในการประสานงานการสื่อสารระหว่างกลุ่ม.
ฉุกเฉินคุณสมบัติ: แบ่งระบบเป็นระบบย่อย (กลุ่มของชิ้นส่วนภายในระบบ) ต้องตระหนักและความเข้าใจ "ฉุกเฉินคุณสมบัติ" ของระบบนั่นคือการรับรู้ถึงเหตุผลที่ระบบโดยรวมมีค่ามากกว่าผลรวมของส่วนของตน ตัวอย่างเช่นสองยืนป่าอาจจะมีต้นไม้ชนิดเดียวกันแต่โครงสร้างการจัดการเชิงพื้นที่และขนาดของต้นไม้แต่ละจะสร้างที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกันสำหรับสัตว์ป่า ในกรณีนี้ให้โผล่ออกมายืนที่แต่ละแห่งมีที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คำว่า "ระบบ" มาจากคำภาษากรีก "synistanai ซึ่งหมายถึง " การรวบรวม" คำมีการใช้มานานหลายศตวรรษ มีการใช้ส่วนประกอบของแนวคิดขององค์กรที่เรียกว่า "วิธีระบบ" การจัดการกองทัพและรัฐบาลวัดวาอาราม อย่างไรก็ตาม ไม่จนถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 และ 20 ว่า การรับรู้อย่างเป็นทางการของ "ระบบ" วิธีบริหาร ปรัชญา และวิทยาศาสตร์เกิด (Whitehead 1925 ฟอน Bertalanffy 1968) เป็นระดับของความแม่นยำและประสิทธิภาพของเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และจัดการเพิ่มความซับซ้อนของกระบวนการอุตสาหกรรม มันกลายเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จำเป็นต้องพัฒนาแนวคิดพื้นฐานเพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ความซับซ้อน วิธีระบบปรากฏขึ้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ และนักปรัชญาระบุรูปแบบทั่วไปในวิธีการในการจัดการ และจัดระเบียบระบบที่ซับซ้อน วิธีระบบอยู่ภายใต้แนวคิดหลักที่ 4:

ความเชี่ยวชาญ: ระบบแบ่งออกเป็นส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่ทำให้ความเข้มข้นมากขึ้นเฉพาะบนแต่ละคอมโพเนนต์
จัดกลุ่ม: เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการเพิ่มความเชี่ยวชาญ นั้นจำเป็นต้องจัดกลุ่มย่อยหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง-สาขา.
ประสานงาน: เป็นส่วนประกอบและส่วนประกอบย่อยของระบบมีการจัดกลุ่ม จำเป็นต้องประสานงานการโต้ตอบระหว่างกลุ่ม
คุณสมบัติโผล่ออกมา: แบ่งเป็นระบบย่อย (กลุ่มของส่วนประกอบภายในระบบ), ต้องการจดจำ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "คุณสมบัติโผล่ออกมา" ของระบบ นั่นคือ จดจำทำไมระบบทั้งหมดมีค่ามากกว่าผลรวมของส่วน ตัวอย่าง ยืนป่าสองอาจประกอบด้วยต้นไม้ชนิดเดียวกัน แต่การจัดพื้นที่และโครงสร้างขนาดของต้นไม้แต่ละที่จะสร้างอยู่อาศัยแตกต่างกันสำหรับชนิดของสัตว์ป่า ในกรณีนี้ ลักษณะโผล่ออกมาของแต่ละขาเป็นอยู่อาศัยของสัตว์ป่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คำว่า"ระบบ"มีที่มาจาก ภาษา กรีกคำว่า" synistanai "ซึ่งหมายถึง"เพื่อนำมารวมกันหรือผสมผสาน"คำว่าที่มีการนำมาใช้สำหรับช่วงระยะเวลาหลายศตวรรษ คอมโพเนนต์ของแนวความคิดขององค์กรที่เรียกว่า"วิธีการอย่างเป็นระบบที่มีการใช้งานในการจัดการของรัฐบาลและกองทัพเพื่อ แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันเป็นไม่ได้จนกว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ที่การจดจำอย่างเป็นทางการของ"ระบบ"การใช้ปรัชญาการจัดการและวิทยาศาสตร์มา( whitehead ปี 1925 ฟอน bertalanffy 1968 ) ที่ระดับของ ประสิทธิภาพ และความแม่นยำ"ของเทคโนโลยีการจัดการและวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นความซับซ้อนของกระบวนการอุตสาหกรรมกลายเป็นมากขึ้นจำเป็นต้องพัฒนาพื้นฐานทางความคิดที่จะหลีกเลี่ยงการถูกท่วมด้วยความซับซ้อน ระบบที่ใช้วิธีการออกมาเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาระบุว่าประเด็นที่เหมือนกันในการที่จะจัดการและจัดระเบียบระบบที่ซับซ้อน แนวความคิดหลักสี่อยู่ข้างใต้ระบบเข้าสู่:

สาขาที่เชี่ยวชาญระบบที่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนประกอบมีขนาดเล็กลงทำให้สมาธิมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นบนส่วนประกอบ.
การจัดกลุ่มแต่ละรายเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นมีสาขาที่เชี่ยวชาญมากขึ้นมันกลายเป็นความจำเป็นที่จะหรือกลุ่มสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับคณะอนุกรรมการมีวินัย.
การประสานงานเป็นคอมโพเนนต์ย่อยและส่วนประกอบของระบบที่จะรวมเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นที่จะต้องประสานงานการติดต่อระหว่างกลุ่ม.
คุณสมบัติ( Properties )ออกมาแบ่งระบบเข้ากับระบบย่อย(กลุ่มของส่วนประกอบในระบบ)ต้องมีการรับรู้และความเข้าใจ"คุณสมบัติต่างๆที่อุบัติขึ้นที่"ของระบบที่มีการตระหนักถึงสาเหตุของการที่ระบบทั้งหมดเป็นมากกว่าจำนวนเงินที่ของชิ้นส่วนต่างๆ ตัวอย่างเช่นสองตั้งอยู่ป่าอาจมีพันธุ์ไม้เดียวกันแต่โครงสร้างการจัดช่องและขนาดของต้นไม้แต่ละต้นจะสร้าง สภาพแวดล้อม ที่แตกต่างกันสำหรับสายพันธุ์สัตว์ป่า ในกรณีนี้เป็นที่พักที่อุบัติขึ้นมาที่ของขาตั้งแต่ละครั้งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่