CEBF Director Dr. Thanawat Polvicha

CEBF Director Dr. Thanawat Polvichai elaborated that the Thai economy after the general election would improve thanks to the national political stability and that the 2011 Gross Domestic Product (GDP) growth would be between 4.5 to 5%.

Dr.Thanawat, however, expressed concerns over populist policies, especially the crop mortgaging scheme and the minimum wage hike policy given they would together require over 3-4 trillion baht of budget per year, causing the nation’s public debt ratio to exceed 41% of the GDP.



The director further explained that the ratio should not exceed 50%; however, the aforementioned policies might affect the financial discipline of the government. He therefore suggested that the government should set up a special team to monitor and regulate budget disbursement for each policy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พลวิชัย Thanawat CEBF กรรมการดร. elaborated ว่า เศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไปจะปรับปรุง ด้วยเสถียรภาพทางการเมืองแห่งชาติ และว่า การ 2011 รวมภายในประเทศผลิตภัณฑ์ (GDP) เติบโตจะอยู่ระหว่าง 4.5-5%Dr.Thanawat แสดงความกังวลผ่านนโยบายประชานิยมอย่างไร ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืช mortgaging แผนและนโยบายยกขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำให้พวกเขากันต้องมากกว่า 3-4 ล้านล้านบาทของงบประมาณต่อปี ทำให้ประเทศของสาธารณะอัตราส่วนหนี้สินที่เกิน 41% ของจีดีพีผู้อำนวยการเพิ่มเติมอธิบายว่า อัตราส่วนไม่ควรเกิน 50% อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลต่อวินัยทางการเงินของรัฐบาล เขาจึงแนะนำว่า รัฐบาลควรตั้งทีมงานพิเศษเพื่อตรวจสอบ และควบคุมการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับแต่ละนโยบาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้อำนวยการดร. ธนวัฒน์ CEBF Polvichai เนื้อหาว่าเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่จะปรับปรุงขอบคุณที่เสถียรภาพทางการเมืองในระดับชาติและว่าปี 2011 ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) การเจริญเติบโตจะอยู่ระหว่าง 4.5-5%. Dr.Thanawat แต่แสดงความกังวล มากกว่านโยบายประชานิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชจำนองโครงการและนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่กำหนดร่วมกันพวกเขาจะต้องมี 3-4 ล้านล้านบาทของงบประมาณต่อปีทำให้อัตราส่วนหนี้สาธารณะของประเทศจะเกิน 41% ของจีดีพี. ผู้อำนวยการอธิบายเพิ่มเติมว่า อัตราส่วนไม่ควรเกิน 50%; แต่นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อวินัยทางการเงินของรัฐบาล ดังนั้นเขาจึงชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลควรจะตั้งทีมพิเศษในการตรวจสอบและควบคุมการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับแต่ละนโยบาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้อำนวยการ cebf ดร. ธนวัฒน์ polvichai อธิบายว่าเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไปจะปรับปรุงขอบคุณเสถียรภาพการเมืองระดับชาติ และในปี 2554 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) ขยายตัวจะอยู่ระหว่าง 4.5 % 5 .

dr.thanawat แต่แสดงความกังวลมากกว่านโยบายประชานิยมโดยเฉพาะพืช mortgaging โครงการและค่าจ้างขั้นต่ำปรับนโยบายให้พวกเขาได้ใช้งบประมาณกว่า 3-4 ล้านบาทต่อปี ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศกว่าร้อยละ 41 ของ GDP .



ผอ. ต่อไปอธิบายว่าสัดส่วนไม่เกิน 50% อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อ วินัยทางการเงินของรัฐบาลเขาจึงชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลควรจัดตั้งทีมงานพิเศษเพื่อตรวจสอบและควบคุมการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับแต่ละนโยบาย