ดาวศุกร์(venus) อยู่ห่างจาก ดวงอาทิตย์ เป็นลำดับที่ 2 และเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 วงโคจรของดาวศุกร์เกือบเป็นวงกลม กว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น
ประวัติดาวศุกร์
....ดาวศุกร์เป็นที่รู้จักกันตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ดาวศุกร์เป็นเทห์วัตถุที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า ถ้าไม่นับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์คล้ายกับดาวพุธ มันถูกมองเป็นดาวสองดวง: ดาวประจำเมืองในตอนหัวค่ำ และดาวประกายพฤกษ์ ในตอนรุ่งเช้า
....เนื่องจากดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์วงใน มันจึงปรากฏให้เห็นเป็นเสี้ยว เมื่อมองดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ การสังเกตกาณ์ของกาลิเลโอที่เห็นปรากฏการณ์เช่นนี้ จึงสนับสนุนทฤษฎีของ โคเปอร์นิคัส ที่ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง ของระบบสุริยะ
....ยานอวกาศลำแรกที่เดินทางไปดาวศุกร์คือมาริเนอร์ 2 ในพ.ศ.2505 หลังจากนั้นก็มีอีกหลายลำรวมทั้ง ไพโอเนียร์ วีนัส และยานอวกาศโซเวียต วีเนรา 7 , ยานอวกาศลำแรกที่ลงจอดบนดาวเคราะห์ดวงอื่น, และยาน วีเนรา 9 ซึ่งส่งภาพถ่ายแรกกลับมา และยาน แม็กเจลแลน ได้ใช้เรดาร์ในการทำแผนที่พื้นผิวเมื่อไม่นานมานี้ (ข้างบน)
....ดาวศุกร์ หมุนรอบตัวเองช้ามาก (หนึ่งวันของดาวศุกร์เท่ากับ 245 วันของโลก หนึ่งวันของดาวศุกร์นานกว่า 1 ปีของดาวศุกร์ เล็กน้อย) และหมุนในทิศทางตามเข็มนาฬิกา คาบการหมุนรอบตัวเอง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ ใช้เวลาใกล้เคียงกัน ดังนั้นเมื่อดาวศุกร์และโลกโคจรมาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กันมากที่สุด มันจึงหันด้านเดิมเข้าหาโลกเสมอ (คล้ายกับที่เราเห็นดวงจันทร์เพียงด้านเดียว)
วงโคจร: 108,200,000 ก.ม.จากดวงอาทิตย์
เส้นผ่านศูนย์กลาง: 12,103.6 ก.ม.
มวลสาร: 4.869 x 1024 ก. ก.
....ดาวศุกร์ เปรียบเสมือนดาวเคราะห์พี่น้องของ โลก อาจเป็นเพราะมีลักษณะที่คล้ายกันหลายอย่าง:
........ดาวศุกร์มีขนาดเล็กกว่าโลกเพียงเล็กน้อย (เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 95% ของโลก, มวล 80% ของโลก)
........ทั้งสองมีหลุมอุกกาบาตน้อย แสดงให้เห็นว่า พื้นผิวยังมี อายุน้อย
........ความหนาแน่นและองค์ประกอบทางเคมีคล้ายคลึงกัน
...เนื่องเพราะความคล้ายคลึงเหล่านี้, จึงทำให้คิดไปว่า ภายใต้เมฆที่มีความหนาแน่น พื้นผิวของดาวศุกร์คงคล้ายกับโลก และอาจมีสิ่งมีชีวิต แต่โชคไม่ดี, จากการศึกษาในรายละเอียด พบว่าดาวศุกร์มีลักษณะที่สำคัญหลายอย่าง แตกต่างจากโลกอย่างสิ้นเชิง
...ความกดดันของชั้นบรรยากาศที่พื้นผิวเท่ากับ 90 หน่วยบรรยากาศ หรือเท่ากับความหนาแน่นของน้ำทะเลที่ระดับลึก 1 ก.ม., มันประกอบด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นส่วนใหญ่ มีชั้นเมฆหลายชั้น หนาหลายกิโลเมตร ซึ่งประกอบด้วยกรดกำมะถัน เมฆเหล่านี้บดบัง ไม่ให้เราสามารถเห็นพื้นผิวดาว โดยสิ้นเชิง ความหนาแน่นของบรรยากาศเช่นนี้ ทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิที่พื้นผิวสูงถึง 400 - 740 องศาเคลวิน (ร้อนจนทำให้ตะกั่วละลายได้) พื้นผิวของดาวศุกร์ร้อนกว่าพื้นผิว ดาวพุธ แม้ว่ามันจะอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ ถึงสองเท่าก็ตาม
...ดาวศุกร์อาจเคยมีน้ำอยู่จำนวนมากเช่นเดียวกับโลก แต่มันถูกต้มจนเดือดเป็นไอ ในปัจจุบันดาวศุกร์แห้งแล้งมาก โลกเองอาจมีโชคชะตาเช่นเดียวกับดาวศุกร์ ถ้ามันกระเถิบเข้าใกล้ดวงอาทิตย์เพียงเล็กน้อย เราอาจเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของเราได้อีกมากมาย โดยการศึกษาความคล้ายคลึงบนพื้นฐาน กลับกลายเป็นความแตกต่างโดยสิ้นเชิง
...พื้นผิวส่วนใหญ่ของดาวศุกร์เป็นที่ราบเอียงและทิวเขาเล็ก ๆ มีพื้นที่ราบต่ำหลายแห่ง
...ข้อมูลจากเรดาร์ของยาน แมคเจลแลน แสดงให้เห็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวศุกร์ ถูกปกคลุมด้วยลาวาไหล มีภูเขาไฟขนาดใหญ่หลายแห่ง (ลักษณะคล้ายฮาวาย) ไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบสิ่งบ่งชี้ว่า ดาวศุกร์ยังมีภูเขาไฟระเบิดอยู่ ในบริเวณจุดร้อนที่มีอยู่ไม่มากนัก; สภาพทางธรณีวิทยาโดยส่วนใหญ่ จะสงบมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่มีหลุมอุกกาบาตขนาดเล็กบนดาวศุกร์ อุกกาบาตขนาดเล็กคงจะเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศซึ่งหนาแน่นหมด ก่อนตกถึงพื้น หลุมอุกกาบาตบนดาวศุกร์มีลักษณะเป็นกิ่งก้านสาขา บ่งชี้ว่าเป็นอุกกาบาตขนาดใหญ่ ซึ่งแตกกระจายในชั้นบรรยากาศ ก่อนกระทบพื้น
...ภูมิประเทศที่เก่าแก่ที่สุดบนดาวศุกร์ ดูเหมือนจะมีอาจะในราว 800 ล้านปี การขยายตัวของภูเขาไฟในครั้งนั้น กวาดกลบพื้นผิวในยุคแรก รวมทั้งหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ในยุคแรก
...ภายในของดาวศุกร์ อาจคล้ายคลึงกับโลกเรา: แกนเหล็กมีรัศมี 3,000 ก.ม. ล้อมด้วยหินเหลวหลอมละลายซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของดาว ข้อมูลด้านแรงโน้มถ่วงจากยานแมคเจนแลน บ่งชี้ว่าเปลือกของดาวศุกร์แข็งแรง และหนากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ คล้ายคลึงกับโลก, มีการนำพาความร้อน จากหินเหลวภายใน ขึ้นมายังพื้นผิว ทำให้เกิดการโก่งนูนเป็นภูเขา
ดาวศุกร์ไม่มีดวงจันทร์บริวาร
....ดาวศุกร์ปรากฏให้เห็นด้วยตาเปล่า ถ้าเห็นในตอนหัวค่ำเราเรียกว่า "ดาวประจำเมือง" ถ้ามองเห็นในตอนรุ่งเช้าเราเรียกว่า "ดาวประกายพรึก" มันเป็นดาวที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า
ดาวศุกร์ (วีนัส) อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 6 วงโคจรของดาวศุกร์เกือบเป็นวงกลม มันถูกมองเป็นดาวสองดวง: ดาวประจำเมืองในตอนหัวค่ำและดาวประกายพฤกษ์ มันจึงปรากฏให้เห็นเป็นเสี้ยวเมื่อมองดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ จึงสนับสนุนทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสที่ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง 2 ในพ.ศ. 2505 หลังจากนั้นก็มีอีกหลายลำรวมทั้งไพโอเนียร์วีนัสและยานอวกาศโซเวียตวีเนราที่ 7 และยานวีเนรา 9 ซึ่งส่งภาพถ่ายแรกกลับมาและยานแม็กเจลแลน (ข้างบน) .... ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้ามาก (หนึ่งวันของดาวศุกร์เท่ากับ 245 วันของโลกหนึ่งวันของดาวศุกร์นานกว่า 1 ปีของดาวศุกร์เล็กน้อย) และหมุนในทิศทางตามเข็มนาฬิกาคาบการ หมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลาใกล้เคียงกัน มันจึงหันด้านเดิมเข้าหาโลกเสมอ 108,200,000 กมจากดวงอาทิตย์.. เส้นผ่านศูนย์กลาง: 12,103.6 ก.ม. มวลสาร: 4.869 x 1024 ก ก. .... ดาวศุกร์เปรียบเสมือนดาวเคราะห์พี่น้องของโลก (เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 95% ของโลก, มวล 80% แสดงให้เห็นว่าพื้นผิวยังมี จึงทำให้คิดไปว่าภายใต้เมฆที่มีความหนาแน่นพื้นผิวของดาวศุกร์คงคล้ายกับโลกและอาจมีสิ่งมีชีวิต แต่โชคไม่ดี, จากการศึกษาในรายละเอียด 90 หน่วยบรรยากาศ 1 ก.ม. , มันประกอบด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนใหญ่มีชั้นเมฆหลายชั้นหนาหลายกิโลเมตรซึ่งประกอบด้วยกรดกำมะถันเมฆเหล่านี้บดบังไม่ให้เราสามารถเห็นพื้นผิวดาวโดยสิ้นเชิงความหนาแน่นของบรรยากาศเช่นนี้ทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจกทำให้ อุณหภูมิที่พื้นผิวสูงถึง 400-740 องศาเคลวิน (ร้อนจนทำให้ตะกั่วละลายได้) พื้นผิวของดาวศุกร์ร้อนกว่าพื้นผิวดาวพุธแม้ว่ามันจะอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ แต่มันถูกต้มจนเดือดเป็นไอในปัจจุบันดาวศุกร์แห้งแล้งมาก โดยการศึกษาความคล้ายคลึงบนพื้นฐาน ๆ แมคเจลแลน ถูกปกคลุมด้วยลาวาไหลมีภูเขาไฟขนาดใหญ่หลายแห่ง (ลักษณะคล้ายฮาวาย) ดาวศุกร์ยังมีภูเขาไฟระเบิดอยู่ในบริเวณจุดร้อนที่มีอยู่ไม่มากนัก; สภาพทางธรณีวิทยาโดยส่วนใหญ่จะสงบมาหลายร้อยปีแล้ว ก่อนตกถึงพื้น บ่งชี้ว่าเป็นอุกกาบาตขนาดใหญ่ซึ่งแตกกระจายในชั้นบรรยากาศ ดูเหมือนจะมีอาจะในราว 800 ล้านปีการขยายตัวของภูเขาไฟในครั้งนั้นกวาดกลบพื้นผิวในยุคแรก อาจคล้ายคลึงกับโลกเรา: แกนเหล็กมีรัศมี 3,000 ก.ม. บ่งชี้ว่าเปลือกของดาวศุกร์แข็งแรง คล้ายคลึงกับโลก, มีการนำพาความร้อนจากหินเหลวภายในขึ้นมายังพื้นผิว ถ้าเห็นในตอนหัวค่ำเราเรียกว่า "ดาวประจำเมือง" "ดาวประกายพรึก" มันเป็นดาวที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า
การแปล กรุณารอสักครู่..
