AbstractAim: Oral care is too forgo

Abstract
Aim: Oral care is too forgotten in the physiological crises of critical illness, but problems developing from their
time in ICU can cause long-term oral and nosocomial disease. Maintaining oral health in the critically ill patient is an
essential nursing activity and the state of a patient’s mouth can be an index of nursing care received. Critical care
nurses can contribute a lot in the prevention of VAP, and thereby helps to reduce healthcare costs. Understanding
VAP and its risk factors can make nurses more prepared in handling the problem. Preventive measures should be
widely applied to daily nursing care. Each critical nurse can play a functional role in reducing and preventing the
occurrence of VAP, subsequently improving the patients' recovery rate and consequently reducing healthcare costs.
This study aimed to evaluate the effect of oral care intervention on the occurrence of ventilator-associated
pneumonia
Methods: The sixty patients were assigned in two groups (control and study) thirty in each. The control group
involved patients receiving the routine nursing oral care while the study group involved patients who utilized oral
care intervention using toothbrush and chlorhexidine
Results: A Statistical significant difference was found between both groups as regard to occurrence of Ventilator
associated pneumonia VAP (p=0.001). Regarding, days of ICU stay. It was found that only 33.3% of patients in the
study group stayed more than 7 days in the ICU compared to73.3% of patients the control group. There was a
significant difference between the two groups (p=0.002). There were no statistically significant differences between
the two groups (on day1) among the oral assessment. There were highly statistically significant differences among
both groups in relation to oral assessment after completion of oral care intervention (p

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อAim: ปากเกินไปลืมในวิกฤตทางสรีรวิทยาของโรคร้ายแรง แต่พัฒนาจากปัญหาของพวกเขาเวลาใน ICU อาจทำให้เกิดโรคทางปากและโรงพยาบาลระยะยาว การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยป่วยเป็นการกิจกรรมการพยาบาลที่จำเป็นและสถานะของผู้ป่วยปากสามารถเป็นดัชนีการพยาบาลได้รับการดูแล ดูแลสำคัญพยาบาลสามารถมีส่วนร่วมมากในการป้องกันสูงนัก และช่วยลดต้นทุนด้านสุขภาพ ทำความเข้าใจวาปและปัจจัยเสี่ยงสามารถทำให้พยาบาลที่พร้อมในการจัดการปัญหา ควรมีมาตรการป้องกันนำไปใช้อย่างกว้างขวางกับพยาบาลประจำวัน พยาบาลแต่ละที่สำคัญสามารถมีบทบาทหน้าที่ในการลด และป้องกันการการเกิดขึ้นของวาป ภายหลังการปรับปรุงอัตราการฟื้นตัวของผู้ป่วย และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพดังนั้นการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลของการแทรกแซงดูแลช่องปากในการเกิดขึ้นของเครื่องช่วยหายใจที่เกี่ยวข้องโรคปอดบวมวิธีการ: กำหนดในกลุ่มที่สองผู้ป่วยหกสิบ (ควบคุม และศึกษา) สามสิบในแต่ละ กลุ่มควบคุมเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยที่ได้รับขั้นตอนการดูแลสุขภาพช่องปากในขณะที่การศึกษาพยาบาลกลุ่มผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องที่ใช้ทางปากแทรกแซงดูแลโดยใช้แปรงสีฟันและ chlorhexidineผลลัพธ์: พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มทั้งสองเป็นเรื่องการเกิดขึ้นของเครื่องช่วยหายใจเกี่ยวข้องโรควาป (p = 0.001) เกี่ยวกับ วันของ ICU พบว่าผู้ป่วยในเพียง 33.3%กลุ่มศึกษาพักมากกว่า 7 วันใน ICU เปรียบเทียบ to73.3% ของผู้ป่วยกลุ่มควบคุม มีการความแตกต่างระหว่าง 2 กลุ่ม (p = 0.002) มีความแตกต่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติกลุ่มที่สองใน day1) ระหว่างการประเมินช่องปาก มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสูงในหมู่ทั้งสองกลุ่มสัมพันธ์ประเมินช่องปากหลังเสร็จสิ้นการแทรกแซงดูแลช่องปาก (p < 0.001) เรื่องที่หกวันของการแทรกแซง มันจะสังเกตได้ว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมรับความเดือดร้อนจากช่องปากที่รุนแรงการเปลี่ยนแปลง (11 +) เทียบกับผู้ป่วยในกลุ่มการศึกษา มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสูงระหว่างการศึกษาและกลุ่มควบคุมเมื่อสิ้นสุดการแทรกแซง (p < 0.001) การติดตามผู้ป่วยเหล่านี้ และเกิดการวาปที่แทรกแซงดูแลช่องปาก มันสามารถถูกตั้งข้อสังเกตว่า มีความสูงอย่างมีนัยสำคัญความแตกต่างระหว่างผู้ป่วยในผู้ป่วยในกลุ่มศึกษาและกลุ่มควบคุม (p = 0.006)สรุป: ผลการวิจัยบ่งชี้ว่า แทรกแซงดูแลช่องปากที่ครอบคลุมปรากฏขึ้นจะ มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงสถานะสุขภาพช่องปาก และลดการเกิดโรคปอดอักเสบที่เกี่ยวข้องเครื่องช่วยหายใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อ
AIM: การดูแลช่องปากถูกลืมเกินไปในวิกฤตการณ์ทางสรีรวิทยาของการเจ็บป่วยที่สำคัญ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาของพวกเขา
เวลาอยู่ในห้องไอซียูสามารถทำให้เกิดโรคในช่องปากและในโรงพยาบาลในระยะยาว การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยที่ป่วยหนักเป็น
กิจกรรมการพยาบาลที่จำเป็นและรัฐจากปากของผู้ป่วยสามารถใช้เป็นดัชนีของการดูแลรักษาพยาบาลที่ได้รับ การดูแลที่สำคัญ
พยาบาลสามารถมีส่วนร่วมมากในการป้องกัน VAP และจึงช่วยในการลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ การทำความเข้าใจ
VAP และปัจจัยเสี่ยงของมันสามารถทำให้พยาบาลจัดทำขึ้นในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น มาตรการป้องกันควรจะ
นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการดูแลรักษาพยาบาลรายวัน แต่ละพยาบาลที่สำคัญสามารถมีบทบาทการทำงานในการลดและป้องกัน
การเกิด VAP ภายหลังการปรับปรุงอัตราการฟื้นตัวของผู้ป่วยและทำให้ลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพ.
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกระทบของการแทรกแซงการดูแลช่องปากในการเกิดขึ้นของเครื่องช่วยหายใจที่เกี่ยวข้อง
ปอดบวม
วิธี : หกสิบผู้ป่วยที่ได้รับมอบหมายในสองกลุ่ม (การควบคุมและการศึกษา) สามสิบในแต่ละ กลุ่มควบคุม
ผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการได้รับการดูแลช่องปากพยาบาลตามปกติในขณะที่กลุ่มการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยที่ใช้ในช่องปาก
แทรกแซงการดูแลโดยใช้แปรงสีฟันและ chlorhexidine
ผล: ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติก็พบว่าทั้งสองกลุ่มเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของลูกหมุนระบายอากาศ
ที่เกี่ยวข้องปอดบวม VAP (p = 0.001 ) เกี่ยวกับวันเวลาในการเข้าพักห้องไอซียู มันถูกพบว่ามีเพียง 33.3% ของผู้ป่วยใน
กลุ่มศึกษาอยู่เกิน 7 วันในห้องไอซียูเมื่อเทียบ to73.3% ของผู้ป่วยกลุ่มควบคุม มีเป็น
ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสองกลุ่ม (p = 0.002) ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่าง
ทั้งสองกลุ่ม (บน Day1) ท่ามกลางการประเมินในช่องปาก มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญอย่างมากในหมู่
ทั้งสองกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการประเมินในช่องปากหลังจากเสร็จสิ้นการแทรกแซงการดูแลช่องปาก (p <0.001) เกี่ยวกับหก
วันของการแทรกแซงก็สามารถสังเกตได้ว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมได้รับความเดือดร้อนจากช่องปากที่รุนแรง
การเปลี่ยนแปลง (11 +) เมื่อเทียบกับผู้ป่วยในกลุ่มการศึกษา มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญอย่างมากคือ
ระหว่างการศึกษาและกลุ่มควบคุมในตอนท้ายของการแทรกแซง (p <0.001) ติดตามผู้ป่วยเหล่านี้และ
การเกิดขึ้นของ VAP ในตอนท้ายของการแทรกแซงการดูแลช่องปากก็สามารถจะสังเกตได้ว่ามีความสูงอย่างมีนัยสำคัญคือ
ความแตกต่างของผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมและผู้ป่วยในกลุ่มการศึกษา (p = 0.006).
สรุปผลการวิจัยบ่งชี้ว่า การแทรกแซงการดูแลช่องปากครบวงจรที่ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการ
ปรับปรุงสถานะสุขภาพช่องปากและลดการระบายอากาศที่เชื่อมโยงโรคปอดบวมที่เกิดขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทคัดย่อเป้าหมาย : การดูแลช่องปากก็ลืมในวิกฤตการณ์ทางสรีรวิทยาของการเจ็บป่วยที่สำคัญ แต่ปัญหาจากการพัฒนาของพวกเขาเวลาอยู่ที่ห้อง ICU เพราะระยะยาวในช่องปากและการติดเชื้อโรค การดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากในผู้ป่วยวิกฤตที่เป็นกิจกรรมการพยาบาลที่จำเป็นและรัฐจากปากของผู้ป่วยได้ดัชนีการพยาบาลที่ได้รับ การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตพยาบาลสามารถมีส่วนช่วยอย่างมากในการป้องกันแว็ปและจึงช่วยลดต้นทุนการดูแลสุขภาพ ความเข้าใจแว็ปและปัจจัยเสี่ยงของสามารถให้พยาบาลเตรียมพร้อมมากขึ้นในการจัดการปัญหา การป้องกันควรใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อการพยาบาลประจำวัน แต่ละอย่าง พยาบาลมีบทบาทหน้าที่ในการลดและป้องกันการเกิดขึ้นของแว็ป , การปรับปรุงอัตราการกู้คืนผู้ป่วย ต่อมาและจึงช่วยลดต้นทุนการดูแลสุขภาพการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการแทรกแซงในการเกิด ventilator-associated ดูแลช่องปากปอดบวมวิธีการ : ผู้ป่วยที่ได้รับมอบหมายในหกสิบสองกลุ่ม ( ควบคุมและศึกษา ) 30 คน กลุ่มควบคุมที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ ในขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการดูแลช่องปากผู้ป่วยที่ใช้ในช่องปากการแทรกแซงการใช้แปรงสีฟัน และคลอเฮกซิดีนผลการศึกษา : พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มทั้งเรื่องการเกิดของเครื่องช่วยหายใจที่เกี่ยวข้องปอดบวมแว็ป ( p = 0.001 ) เกี่ยวกับวันของห้องไอซียูอยู่ พบว่ามีเพียง 3 % ของผู้ป่วยในกลุ่มศึกษาอยู่เกิน 7 วัน ในห้องไอซียู เมื่อเทียบ to73.3 % ของผู้ป่วยกลุ่มควบคุม มีความแตกต่างระหว่างสองกลุ่ม ( p = 0.002 ) ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มที่ 2 ( Day1 ) ในการประเมินในช่องปาก มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างทั้งสองกลุ่มในความสัมพันธ์กับการประเมินในช่องปาก หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมการดูแลช่องปาก ( p < 0.001 ) เรื่องที่หกวันของการแทรกแซง ก็สามารถสังเกตได้ว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยกลุ่มควบคุมได้รับความเดือดร้อนจากปากอย่างรุนแรงการเปลี่ยนแปลง ( 11 + ) เมื่อเทียบกับผู้ป่วยกลุ่มศึกษา มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสูงระหว่างศึกษาและกลุ่มควบคุมในตอนท้ายของการแทรกแซง ( p < 0.001 ) ติดตามผู้ป่วยเหล่านี้เกิดแว๊บในตอนท้ายของการแทรกแซงในการดูแลช่องปาก ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีสูงอย่างมากความแตกต่างระหว่างผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมและผู้ป่วยกลุ่มศึกษา ( p = 0.006 )สรุป : ผลการวิจัยพบว่า การแทรกแซงการดูแลช่องปากอย่างละเอียด ปรากฏมี ประสิทธิภาพการปรับปรุงสภาวะสุขภาพช่องปากและการระบายอากาศที่เกี่ยวข้องปอดบวมที่เกิดขึ้น