Conflict theory emphasizes the role

Conflict theory emphasizes the role of coercion and power in producing social order. This perspective is derived from the works of Karl Marx, who saw society as fragmented into groups that compete for social and economic resources. Social order is maintained by domination, with power in the hands of those with the greatest political, economic, and social resources. When consensus exists, it is attributable to people being united around common interests, often in opposition to other groups

Marx theorized that the work of producing consensus was done in the "superstructure" of society--which is composed of social institutions, political structures, and culture--and what it produced consensus for was the "base," the economic relations of production (Read more about Marx's theory of base and superstructure here). Following on the heels of Marx, Italian scholar and activist Antonio Gramsci argued that consensus to rule is achieved in large part through cultural hegemony, which refers to the dominant group's ability to attain consent to their rule through ideas, norms, values, and beliefs.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีความขัดแย้งเน้นบทบาทของแกมบังคับและพลังงานในการผลิตใบสั่งที่สังคม มุมมองนี้ได้มาจากผลงานของคาร์ล Marx ที่เห็นสังคมเป็นอยู่อย่างกระจัดกระจายเป็นกลุ่มที่แย่งทรัพยากรทางสังคม และเศรษฐกิจ สังคมสั่งไว้ โดยปกครอง มีอำนาจในมือของผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมทรัพยากร เมื่อมติมีอยู่ เป็นคนที่ถูกสหรัฐรอบสถานที่ทั่วไป ในกลุ่มอื่น ๆ มักจะรวมMarx theorized ว่า ทำงานการผลิตช่วยในการ "โครงสร้างส่วนบน" ของสังคม - ซึ่งประกอบด้วยสถาบันทางสังคม โครงสร้างทางการเมือง และวัฒนธรรม - และสิ่งที่มันผลิตสำหรับมติเป็นการ "ฐาน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของการผลิต (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทฤษฎีของ Marx ของฐานและโครงสร้างส่วนบนที่นี่) ต่อไปนี้ของ Marx นักวิชาการอิตาลีและกิจกรรม Antonio Gramsci โต้เถียงทำมติที่ครองส่วนใหญ่ผ่านนับถือวัฒนธรรม ซึ่งหมายถึงความสามารถของกลุ่มเป็นหลักบรรลุยินยอมกฎของพวกเขาผ่านความคิด บรรทัดฐาน ค่านิยม ความเชื่อ และ การ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีความขัดแย้งเน้นบทบาทของการข่มขู่และการใช้พลังงานในการผลิตการจัดระเบียบสังคม มุมมองนี้ได้มาจากผลงานของคาร์ลมาร์กซ์ที่เห็นสังคมโดยการแยกส่วนเป็นกลุ่มที่แข่งขันทรัพยากรทางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อที่สังคมจะดูแลโดยการปกครองที่มีอำนาจอยู่ในมือของผู้ที่มีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางการเมืองเศรษฐกิจสังคมและทรัพยากร เมื่อฉันทามติที่มีอยู่มันเป็นส่วนที่เป็นของคนที่ถูกสหรัฐที่มีความสนใจร่วมกันมักจะอยู่ในความขัดแย้งกับกลุ่มอื่น ๆมาร์กซ์มหาเศรษฐีที่การทำงานของการผลิตฉันทามติได้ทำใน "เสริม" ของสังคม - ซึ่งประกอบด้วยสถาบันทางสังคมโครงสร้างทางการเมือง และวัฒนธรรม - และสิ่งที่มันผลิตฉันทามติในการเป็น "ฐาน" ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการผลิต (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทฤษฎีของมาร์กซ์และเสริมฐานที่นี่) ต่อไปนี้บนส้นเท้าของมาร์กซ์นักวิชาการอิตาลีและอันโตนิโอกรัมชี่กิจกรรมถกเถียงกันอยู่ว่าฉันทามติที่จะปกครองจะประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ผ่านอำนาจทางวัฒนธรรมซึ่งหมายถึงความสามารถที่โดดเด่นของกลุ่มที่จะบรรลุความยินยอมในการปกครองของพวกเขาผ่านความคิดบรรทัดฐานค่านิยมและความเชื่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีความขัดแย้ง เน้นบทบาทของการบังคับและพลังงานในการผลิต เพื่อสังคม มุมมองนี้ได้มาจากผลงานของคาร์ล มาร์กซ์ ที่เห็นสังคมแตกออกเป็นกลุ่มที่แย่งทรัพยากรทางสังคมและเศรษฐกิจ สังคมจะดูแลโดยการปกครองที่มีอำนาจอยู่ในมือของผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางการเมือง เศรษฐกิจ และทรัพยากรทางสังคม เมื่อมติที่มีอยู่มันเป็นข้อมูลที่คนถูกสหรัฐรอบความสนใจทั่วไป มักจะอยู่ในความขัดแย้งกับคนอื่น ๆในกลุ่ม

มาร์กซ์ theorized ที่งานผลิตรับทำใน " โครงสร้างส่วนบนของสังคม ซึ่งประกอบด้วยสถาบันทางสังคม การเมือง วัฒนธรรม โครงสร้าง และ -- และสิ่งที่มันสร้างฉันทามติเป็น " ฐาน" ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของการผลิต ( อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทฤษฎีของมาร์กซ์และฐานต่างๆ ที่นี่ ) ต่อไปนี้บนส้นเท้าของ มาร์กซ์ , นักวิชาการและนักเคลื่อนไหว อันโตนิโอ กรัมชี่ แย้งว่า เอกฉันท์ กฎคือ ในส่วนที่มีขนาดใหญ่ผ่านวัฒนธรรมอำนาจ อิตาลี ซึ่ง หมาย ถึง กลุ่มเด่นสามารถบรรลุยินยอมกฎของพวกเขาผ่านความคิด บรรทัดฐาน ค่านิยม และความเชื่อ