Naïve falsificationism is an unsucc

Naïve falsificationism is an unsuccessful attempt to prescribe a rationally unavoidable method for science. Sophisticated methodological falsification, on the other hand, is a prescription of a way in which scientists ought to behave as a matter of choice. The object of this is to arrive at an incremental process whereby theories become less bad.

Naïve falsification considers scientific statements individually. Scientific theories are formed from groups of these sorts of statements, and it is these groups that must be accepted or rejected by scientists. Scientific theories can always be defended by the addition of ad hoc hypotheses. As Popper put it, a decision is required on the part of the scientist to accept or reject the statements that go to make up a theory or that might falsify it. At some point, the weight of the ad hoc hypotheses and disregarded falsifying observations will become so great that it becomes unreasonable to support the base theory any longer, and a decision will be made to reject it.

In place of naïve falsification, Popper envisioned science as progressing by the successive rejection of falsified theories, rather than falsified statements. Falsified theories are to be replaced by theories that can account for the phenomena that falsified the prior theory, that is, with greater explanatory power. For example, Aristotelian mechanics explained observations of everyday situations, but were falsified by Galileo's experiments,[7] and were replaced by Newtonian mechanics, which accounted for the phenomena noted by Galileo (and others). Newtonian mechanics' reach included the observed motion of the planets and the mechanics of gases. The Youngian wave theory of light (i.e., waves carried by the luminiferous aether) replaced Newton's (and many of the Classical Greeks') particles of light but in turn was falsified by the Michelson-Morley experiment and was superseded by Maxwell's electrodynamics and Einstein's special relativity, which did account for the newly observed phenomena. Furthermore, Newtonian mechanics applied to the atomic scale was replaced with quantum mechanics, when the old theory could not provide an answer to the ultraviolet catastrophe, the Gibbs paradox, or how electron orbits could exist without the particles radiating away their energy and spiraling towards the centre. Thus the new theory had to posit the existence of unintuitive concepts such as energy levels, quanta and Heisenberg's uncertainty principle.

At each stage, experimental observation made a theory untenable (i.e., falsified it) and a new theory was found that had greater explanatory power (i.e., could account for the previously unexplained phenomena), and as a result, provided greater opportunity for its own falsification.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Falsificationism ขำน่าเป็นความพยายามที่ไม่สำเร็จจะกำหนดวิธีการวิทยาศาสตร์ลูกหลีกเลี่ยงไม่ได้ Falsification methodological ซับซ้อน คง เป็นยาของวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ควรจะทำงานเป็นเรื่องของทางเลือก วัตถุนี้จะมาถึงกระบวนการเพิ่มขึ้นโดยทฤษฎีเสียน้อยFalsification ขำน่าพิจารณางบทางวิทยาศาสตร์แต่ละ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์จะเกิดขึ้นจากกลุ่มเหล่านี้ประเภทของรายการ และเป็นกลุ่มเหล่านี้ที่ต้องยอมรับ หรือปฏิเสธ โดยนักวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์สามารถเสมอถูกปกป้อง โดยการเพิ่มสมมุติฐานกิจ Popper ใส่ การตัดสินใจเป็นจำเป็นในส่วนของนักวิทยาศาสตร์จะยอมรับ หรือปฏิเสธคำสั่งที่ไปสร้างเป็นทฤษฎี หรือที่อาจปลอมแปลง ในบาง จุด น้ำหนักของสมมุติฐานกิจ และละเว้นสังเกต falsifying จะดีกลายเป็น unreasonable สนับสนุนทฤษฎีพื้นฐานอีกต่อไป และจะทำการตัดสินใจปฏิเสธแทนขำน่า falsification, Popper จินตนาการวิทยาศาสตร์เป็นความก้าวหน้าโดยการปฏิเสธต่อเนื่องของทฤษฎีปลอม มากกว่าปลอมคำสั่ง ทฤษฎีปลอมจะถูกแทนที่ ด้วยทฤษฎีที่สามารถบัญชีสำหรับปรากฏการณ์ที่ falsified ทฤษฎีก่อนหน้านี้ คือ มีอำนาจอธิบายมากกว่า ตัวอย่าง กลศาสตร์ Aristotelian อธิบายข้อสังเกตชีวิตประจำวัน แต่ถูกปลอม โดยการทดลองของกาลิเลโอ, [7] และถูกแทนที่ โดยทฤษฎีกลศาสตร์ ซึ่งคิดเป็นปรากฏการณ์ที่สังเกต โดยกาลิเลโอ (และอื่น ๆ) ถึงทฤษฎีกลศาสตร์รวมการเคลื่อนไหวที่สังเกตของดาวเคราะห์และกลศาสตร์ก๊าซ ทฤษฎี Youngian คลื่นแสง (เช่น คลื่นดำเนิน โดย luminiferous aether) แทนของนิวตัน (และกรีกคลาสสิกมากมาย) อนุภาค ของแสง แต่กลับถูกปลอม โดยทดลอง Michelson Morley และถูกทดแทน ด้วยของแมกซ์เวลล์ electrodynamics และของไอน์สไตน์พิเศษทฤษฎีสัมพัทธภาพ ไม่บัญชีสำหรับปรากฏการณ์ใหม่สังเกต นอกจากนี้ ทฤษฎีกลศาสตร์กับขนาดอะตอมถูกแทนที่ ด้วยควอนตัม เมื่อทฤษฎีเก่าไม่สามารถให้คำตอบ ไปแผ่นดินไหวรังสีอัลตราไวโอเลต Gibbs paradox วิธีวงโคจรอิเล็กตรอนสามารถอยู่ได้โดยปราศจากอนุภาคที่แผ่ออกไปของพลังงาน และวนเวียนไปศูนย์ ดังนั้น ทฤษฎีใหม่มีการดำรงอยู่ของแนวคิด unintuitive เช่นระดับพลังงาน quanta และหลักความไม่แน่นอนของ Heisenberg positAt each stage, experimental observation made a theory untenable (i.e., falsified it) and a new theory was found that had greater explanatory power (i.e., could account for the previously unexplained phenomena), and as a result, provided greater opportunity for its own falsification.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

falsificationism ไร้เดียงสาเป็นความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จที่จะกำหนดวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ได้มีเหตุผลสำหรับวิทยาศาสตร์ การทำผิดระเบียบวิธีการที่มีความซับซ้อนในมืออื่น ๆ ที่เป็นยาทางในการที่นักวิทยาศาสตร์ควรจะทำตัวเป็นเรื่องของการเลือก วัตถุนี้คือที่จะมาถึงกระบวนการที่เพิ่มขึ้นโดยทฤษฎีกลายเป็นไม่ดีน้อย. การโกหกไร้เดียงสาพิจารณางบทางวิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มของประเภทนี้งบและมันก็เป็นกลุ่มคนเหล่านี้ที่จะต้องได้รับการยอมรับหรือปฏิเสธโดยนักวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ก็สามารถได้รับการปกป้องโดยนอกเหนือจากโฆษณาสมมติฐานเฉพาะกิจ ในฐานะที่เป็นตกใจวางไว้การตัดสินใจจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของนักวิทยาศาสตร์ที่จะยอมรับหรือปฏิเสธงบที่ไปที่จะทำขึ้นหรือทฤษฎีที่อาจบิดเบือนมัน ในบางจุดที่น้ำหนักของสมมติฐานเฉพาะกิจและใส่ใจสังเกต falsifying จะกลายเป็นดีเพื่อที่จะกลายเป็นไม่มีเหตุผลที่จะสนับสนุนทฤษฎีฐานใด ๆ อีกต่อไปและการตัดสินใจที่จะทำที่จะปฏิเสธมัน. ในสถานที่ของการโกหกไร้เดียงสาตกใจจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ ขณะที่ความคืบหน้าโดยการปฏิเสธต่อเนื่องของทฤษฎีปลอมมากกว่างบปลอม ทฤษฎีปลอมจะถูกแทนที่ด้วยทฤษฎีที่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่ปลอมทฤษฎีก่อนหน้านี้ว่ามีที่มีอำนาจมากขึ้นอธิบาย ยกตัวอย่างเช่นกลศาสตร์อริสโตเติ้อธิบายข้อสังเกตของสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน แต่ถูกปลอมโดยการทดลองของกาลิเลโอ [7] และถูกแทนที่ด้วยกลศาสตร์นิวตันซึ่งคิดเป็นปรากฏการณ์ที่ระบุไว้โดยกาลิเลโอ (และอื่น ๆ ) เข้าถึงกลศาสตร์นิวตัน 'รวมถึงการสังเกตการเคลื่อนไหวของดาวเคราะห์และกลไกของก๊าซ ทฤษฎีคลื่น Youngian ของแสง (เช่นคลื่นที่ดำเนินการโดยอากาศธาตุเปล่งแสง) การแทนที่ของนิวตัน (และอีกหลายแห่งที่คลาสสิกชาวกรีก) อนุภาคของแสง แต่ในทางกลับถูกปลอมโดยการทดลองไมเคิล-มอร์ลี่ย์และถูกแทนที่โดยไฟฟ้ากระแสแมกซ์เวลและไอน์สไตพิเศษ สัมพัทธภาพซึ่งทำบัญชีสำหรับปรากฏการณ์ที่สังเกตใหม่ นอกจากนี้กลศาสตร์นิวตันนำไปใช้ในระดับอะตอมถูกแทนที่ด้วยกลศาสตร์ควอนตัมเมื่อทฤษฎีเก่าไม่สามารถให้คำตอบของภัยพิบัติอัลตราไวโอเลตที่ขัดแย้งกิ๊บส์หรือว่าวงโคจรของอิเล็กตรอนสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องอนุภาคแผ่ออกไปพลังงานของพวกเขาและลอยไปทาง ศูนย์ ดังนั้นทฤษฎีใหม่มีการวางตัวการดำรงอยู่ของแนวคิด unintuitive เช่นระดับพลังงานควอนตั้มและหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก. ในแต่ละขั้นตอนการสังเกตการทดลองทำทฤษฎีไม่สามารถป้องกันได้ (เช่นปลอมมัน) และทฤษฎีใหม่พบว่ามีอำนาจอธิบายมากขึ้น (กล่าวคือสามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายก่อนหน้านี้) และเป็นผลให้มีโอกาสมากขึ้นสำหรับการโกหกของตัวเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นา ไตได้ falsificationism คือความพยายามไม่สำเร็จบัญญัติวิธีเหตุผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับวิทยาศาสตร์ การบิดเบือนวิธีการซับซ้อน บนมืออื่น ๆที่เป็นใบสั่งยาของวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์ควรจะทำตัวเป็นเรื่องของการเลือก วัตถุนี้เป็นถึงกระบวนการเพิ่มโดยทฤษฎีกลายเป็นคนเลวน้อย

นาไตได้ขัดพิจารณางบทางวิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์จะเกิดขึ้นจากกลุ่มของประเภทเหล่านี้ของงบการเงิน และพวกนี้คือกลุ่มที่ต้องได้รับการยอมรับหรือปฏิเสธโดยนักวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์สามารถเสมอได้รับการปกป้องโดยนอกเหนือจากเฉพาะกิจว่า เป็นเครื่องใส่มันการตัดสินใจต้องในส่วนของนักวิทยาศาสตร์ที่จะยอมรับหรือปฏิเสธรายงานที่สร้างขึ้นหรือทฤษฎีที่อาจบิดเบือนได้ ในบางจุดที่น้ำหนักของ Ad Hoc สมมติฐานและไม่แยแสปลอมแปลงสังเกตจะกลายเป็นเพื่อที่ดีมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะสนับสนุนทฤษฎีพื้นฐานอีกต่อไป และ ตัดสินใจที่จะปฏิเสธมัน

ในสถานที่ของไตได้ขัดนา ,วิสัยทัศน์วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าตกใจโดยการปลอมแปลงทฤษฎีต่อเนื่อง แทนที่จะแก้ไขข้อความ ปลอมแปลงทฤษฎีจะถูกแทนที่ด้วยทฤษฎีที่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่บิดเบือนทฤษฎีก่อนเป็นสิ่งที่มีมากขึ้น การพลังงาน ตัวอย่างเช่นอริสโตเติลกลศาสตร์อธิบายการสังเกตสถานการณ์ทุกวันแต่ถูกบิดเบือนโดยกาลิเลโอ ทดลอง , [ 7 ] และถูกแทนที่โดยกลศาสตร์ของนิวตัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สังเกตโดยกาลิเลโอ ( และอื่น ๆ ) กลศาสตร์ของนิวตัน ถึงรวมสังเกตการเคลื่อนไหวของดาวเคราะห์และกลศาสตร์ของก๊าซ คลื่น youngian ทฤษฎีของแสง ( เช่นคลื่นถูกเปล่งแสงอากาศธาตุ ) แทนที่ของนิวตัน ( และหลายคลาสสิกของกรีก ) อนุภาคของแสง แต่กลับถูกบิดเบือนโดย Michelson Morley ทดลองและถูกแทนที่โดยกระแสของแมกซ์เวลและ Einstein สัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งทำบัญชีเพิ่งสังเกตปรากฏการณ์ นอกจากนี้กลศาสตร์ของนิวตัน ใช้กับขนาดอะตอม ถูกแทนที่ด้วยควอนตัมทฤษฎีเก่า เมื่อไม่อาจให้คำตอบกับความหายนะรังสีอัลตราไวโอเลต , พาราด็อกซ์ กิ๊ป หรืออย่างไร วงโคจรอิเล็กตรอนสามารถอยู่โดยไม่มีอนุภาคที่แผ่กระจายออกไป พลังงานของพวกเขาและสับสนต่อศูนย์ ดังนั้นทฤษฎีใหม่ที่ต้องวางตัวการดำรงอยู่ของแนวคิด unintuitive เช่นระดับพลังงานและความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กต้า

ที่แต่ละขั้นตอนการสังเกตทดลองทำทฤษฎีไม่ได้ ( เช่น ปลอมแปลงมัน ) และทฤษฎีใหม่ พบว่ามีการใช้มากขึ้น เช่น อาจบัญชีสำหรับอธิบายปรากฏการณ์ก่อนหน้านี้ ) และเป็นผลให้มากขึ้นโอกาสในการทำผิดของตัวเอง