เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่าการท่องเที่ยวเชิงนิเวศมาบ้าง บางคนก็เรียกว่า "การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์" "การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ" หรือ "การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม" เอ๊ะ ทำไมมีหลายชื่อ งง...แล้วแต่ละชื่อมันต่างกันยังไงล่ะเนี่ย เอาเป็นว่าความหมายทั้งหมดนี้รวมอยู่ในคำว่า "การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ" แล้วล่ะ "การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ" แปลว่าอะไร
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หรือ Ecotourism ในภาษาฝรั่ง เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ จากที่ประชุม Globe 1990 ที่ประเทศ แคนาดา ได้สรุปใจความของคำว่าการท่องเที่ยวเชิงนิเวศไว้ว่า "การพัฒนาที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้เป็นเจ้าของท้องถิ่นในปัจจุบัน โดยมีการปกป้องและสงวน รักษาโอกาสต่างๆของอนุชนรุ่นหลัง การท่องเที่ยวนี้มีความหมายรวมถึงการจัดการทรัพยากรเพื่อตอบสนองความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม และความงามทางสุนทรียภาพ ในขณะที่สามารถรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและระบบนิเวศด้วย"
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศมีองค์ประกอบ 3 ส่วนด้วยกันคือ
1.เป็นการสร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือการสร้างวินัยให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้านท้องถิ่น จะหวังพึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้ ควรจะร่วมมือกันนะฮะ
2.ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว แน่ล่ะ ถึงจะรักษ์ธรรมชาติแค่ไหน แต่เที่ยวไม่สนุก จะไปกันทำไม เนอะ..
3.การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น ข้อนี้ขาดไม่ได้ ถ้าชาวบ้านไม่มีส่วนร่วม หมายถึง หากเขาไม่มีรายได้ ไม่มีแรงจูงใจที่จะรักษาชุมชนของตนไว้ ธรรมชาติหรือวัฒนธรรมท้องถิ่นอาจสูญหายไป ซึ่งถ้าหากชาวบ้านมีส่วนร่วม ย่อมต้องเป็นไปในทางกลับกัน คือชาวบ้านจะมีแรงจูงใจในการอนุรักษ์สิ่งต่างๆของตนเองไว้
แล้วทำไมต้องท่องเที่ยวเชิงนิเวศด้วยล่ะ?
เพราะ..มันได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายไงล่ะ สองฝ่ายที่ว่าคือ ฝ่ายแดงผู้อยู่อาศัย ในที่นี้หมายถึง ชาวบ้าน,วิถีชีวิต,วัฒนธรรม,ประเพณี, ธรรมชาติ และสัตว์สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย และฝ่ายน้ำเงิน คือนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน
เรามาพูดถึงการท่องเที่ยวในแบบดั้งเดิมก่อน หลายท่านคงคุ้นเคยกับการท่องเที่ยวในแบบที่ เราเลือกสถานที่เที่ยว สมมุตว่าเป็นทะเลแถบอันดามัน เราจองโรงแรมห้าดาว จองร้านอาหารชื่อดัง แล้วไปเที่ยวสามวันสองคืน ซึ่งในทริปนี้คุณจะอยู่แค่ในห้องพัก สระว่ายน้ำโรงแรม ร้านอาหาร หรือถ้ามีร้านกาแฟชื่อดังมาเปิดแถวนั้น ก็คงไปหากาแฟกินกัน
สิ่งที่คุณได้จากทริปนี้คือ การพักผ่อนสบายๆ นอนหัองพักดีๆ กินอาหารอร่อย เห็นวิวทะเลจากหน้าต่างหัองพัก แน่นอนคุณได้สิ่งที่คุณพึงจะได้ในการท่องเที่ยว 1 ทริป แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ก่อน เขาได้อะไรบ้าง?......
โรงแรมห้าดาวที่คุณไปนอน อาจจะเคยเป็นหมู่บ้านชาวเลมาก่อน หรืออาจจะเคยสวนมะพร้าวของชาวบ้าน หรือที่อยู่ของสัตว์น้อยใหญ่
และรายได้ ก็ไปอยู่ที่นายทุนทั้งหลาย แล้วการท่องเที่ยวเชิงนิเวศล่ะ ต่างกันตรงไหน?
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นการท่องเที่ยวในแบบที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายทั้งฝ่ายผู้อยู่อาศัย และนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ถ้าให้นึกสถานที่หลายคนคงนึกไม่ออก ว่าเที่ยวแบบนี้ มันมีที่ไหนในประเทศไทยบ้าง ผมจะยกตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
ยกตัวอย่างเช่น โฮมกระเตงชาวเล ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งที่นี่เป็นที่พักตากอากาศอยู่ริมทะเล โดยชาวบ้านแถวนั้นซึ่งเป็นชาวเล ชาวประมงนี่แหละ เขารวมตัวกันแล้วทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมา โดยเอาวิถีชีวิตของพวกเขามาเป็นจุดขาย เด่นๆเลยก็คือบ้านพัก ซึ่งดัดแปลงมาจากกระเตงของชาวเล ซึ่งตั้งอยู่กลางทะเล แต่เดิมเขาเอาไว้เฝ้าหอยแครง หอยแมลงภู่ของตัวเอง เอามาดัดแปลงทำให้เนี้ยบหน่อย ทำเป็นที่นอนซะเลย เก๋ไก๋
นอกจากนั้นก็มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำอีก กิจกรรมพวกนี้ก็มาจากวิถีชีวิตของชาวเลนั่นแหละ นั่งเรือหางยาวไปดูฟาร์มหอยแมลงภู่ หอยแครง หอยนางรม ไปให้อาหารลิงแสม ไปปลูกป่าชายเลน ตกเย็นก็ไปดูหิ่งห้อย แล้วกลับมาปิ้งหอยกินกัน
ทีนี้มาดูกันนะว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้อะไรกันบ้าง ฝ่ายผู้อยู่อาศัย ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยว วิถีชีวิตก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ยังทำประมงกัน ได้รายได้จากทั้ง 2 ทาง ระบบนิเวศก็ไม่เสีย เพราะมีการปลูกป่าอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านก็ช่วยกันอนุรักษ์ถิ่นกำเนิดของตัวเอง
นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ได้นอนบนกระเตงซึ่งหานอนได้ยากในประเทศไทย ได้ความสนุกจากการท่องเที่ยว กินอาหารอร่อย ได้ความรู้จากชาวบ้านซึ่งเป็นชาวเล ดูวิธีการเลี้ยงหอย ได้มีส่วนร่วมในการรักษาระบบนิเวศของป่าชายเลน