At the beginning of the 3rd century

At the beginning of the 3rd century A.D. the province of Fars in southwestern Persia came under the control by a local dynasty called the Sassanid. Starting from the year 224 A.D. the first Sassanid ruler Ardashir (211-241 A.D.) defeated the Parthians and took control of Persia. With the help of his son Shapur I (241-272 A.D.), Ardashir began a new era for the Sasanid kingdom in Persia.
The silk route was flourished under the Sasanians. Their government maintained a rigid control of the trade and imposed heavy taxes on all goods passing between their lands and the Byzantine Empire. In the east, the Sasanians shared the role of middlemen with the Sogdians, a tribe from the Samarkand region.
This gold plate with silver relief shows the 4th century Sasanian king Shapur II. (310-379 A.D.) From the excellent craftsmanship we can imagine the wealth of the Sasanian dynasties. We can see Shapur II on horseback and hunting a wild boar. This kind of hunting theme was very common in the ancient Central Asia.
The Sasanians and Sogdians had also developed silk-weaving industries, as the techniques of silk weaving were no longer protected by the Han dynasty. Very few examples of the silk products survive. However, some of them made their way to Europe, where they have been discovered at Buddhist cave sites in the Tarim Basin. Their motifs and style greatly influences the later designs, of Chinese, Byzantine, and Muslim cloth.
Sasanian and Sogdian decorated metal bowls and jugs were also highly prized. Other vessels made from thick clear glass with elaborate cut decoration are typical Sasanian products and were traded as far as Japan, where they were used by the imperial family. Objects like these provide evidence that the silk route was still functioning.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ต้น 3 ฝน จังหวัด Fars ในเปอร์เซียตะวันตกเฉียงใต้ภายใต้การควบคุม โดยราชวงศ์ท้องถิ่นที่เรียกว่าซาสซานิยะห์มา ตั้งแต่ปีคศ. 224 ไม้ซาสซานิยะห์แรก Ardashir (211-241 A.D.) Parthians พ่ายแพ้ และควบคุมของเปอร์เซีย ด้วยความช่วยเหลือของบุตรพระเจ้าซาปูร์ (241-272 A.D.), Ardashir เริ่มยุคใหม่สำหรับราชอาณาจักร Sasanid ในเปอร์เซียกระบวนการผลิตผ้าไหมมีความเจริญรุ่งเรืองภายใต้การ Sasanians รัฐบาลของพวกเขาเก็บตัวควบคุมที่เข้มงวดของการค้า และกำหนดภาษีหนักสินค้าทั้งหมดที่ผ่านระหว่างดินแดนของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ในภาคตะวันออก Sasanians ใช้ร่วมกันบทบาทของพ่อค้าคนกลางกับ Sogdians เผ่าจากภาคซามาร์คานด์จานทองนี้กับเงินสงเคราะห์แสดง 4 ศตวรรษ Sasanian กษัตริย์พระเจ้าซาปูร์ II (310-379 A.D.) จากฝีมือเยี่ยม เราสามารถจินตนาการความมั่งคั่งของราชวงศ์ Sasanian เราสามารถเห็นพระเจ้าซาปูร์ II บนหลังม้าและการล่าหมูป่า ชุดรูปแบบล่าสัตว์ชนิดนี้กันมากในเอเชียกลางโบราณได้Sasanians และ Sogdians ได้พัฒนาอุตสาหกรรมทอผ้าไหม เป็นเทคนิคการทอผ้าไหมไม่ได้ป้องกัน โดยราชวงศ์ฮั่น มีเพียงไม่กี่ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ผ้าไหมอยู่รอด อย่างไรก็ตาม บางส่วนของพวกเขาทำทางของพวกเขาไปยังยุโรป ที่พวกเขาได้ถูกค้นพบในพุทธถ้ำในลุ่ม Tarim โดดเด่นและสไตล์ของพวกเขามากมีผลต่อการออกแบบในภายหลัง ผ้าจีน ไบแซนไทน์ และมุสลิมSasanian และซอกเดียตกแต่งขันโลหะ และเหยือกได้ prized สูง เรืออื่น ๆ ที่ทำจากแก้วใสหนาตัดตกแต่งอย่างประณีตด้วยผลิตภัณฑ์ Sasanian ปกติ และโยนกเท่าญี่ปุ่น ที่พวกเขาใช้ห้องอิมพีเรียล วัตถุดังมีหลักฐานว่า กระบวนการผลิตผ้าไหมทำงานยัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในตอนต้นของศตวรรษที่ 3 จังหวัดฟาร์สในทิศตะวันตกเปอร์เซียมาภายใต้การควบคุมโดยราชวงศ์ท้องถิ่นที่เรียกว่ายะห์ เริ่มต้นจากปี 224 AD ไม้บรรทัดยะห์แรก Ardashir (211-241 AD) แพ้ Parthians และเอาการควบคุมของเปอร์เซีย ด้วยความช่วยเหลือของลูกชายของเขา Shapur ฉัน (241-272 AD) Ardashir เริ่มยุคใหม่สำหรับอาณาจักร Sasanid ในเปอร์เซีย.
เส้นทางผ้าไหมได้รับความเจริญรุ่งเรืองภายใต้ Sasanians รัฐบาลของพวกเขายังคงควบคุมที่เข้มงวดของการค้าและการเรียกเก็บภาษีหนักในสินค้าทั้งหมดที่ผ่านระหว่างดินแดนและจักรวรรดิไบเซนไทน์ของพวกเขา อยู่ทางทิศตะวันออก Sasanians ที่ใช้ร่วมกันบทบาทของพ่อค้าคนกลางที่มี Sogdians เผ่าจากภูมิภาค Samarkand.
แผ่นทองนี้ด้วยความโล่งอกสีเงินแสดงให้เห็นศตวรรษที่ 4 Sasanian กษัตริย์ Shapur II (310-379 AD) จากงานฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่เราสามารถจินตนาการความมั่งคั่งของราชวงศ์ Sasanian เราสามารถมองเห็น Shapur II บนหลังม้าและล่าหมูป่า ชนิดของรูปแบบการล่าสัตว์นี้เป็นเรื่องธรรมดามากในสมัยโบราณเอเชียกลาง.
Sasanians และ Sogdians ยังมีการพัฒนาอุตสาหกรรมการทอผ้าเป็นเทคนิคการทอผ้าไหมได้รับการปกป้องอีกต่อไปโดยราชวงศ์ฮั่น ตัวอย่างที่น้อยมากของผลิตภัณฑ์ผ้าไหมอยู่รอด แต่บางส่วนของพวกเขาทำทางของพวกเขาไปยังยุโรปที่พวกเขาได้รับการค้นพบที่เว็บไซต์ถ้ำพุทธศาสนาใน Tarim Basin ลวดลายและรูปแบบของพวกเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อมาการออกแบบของจีน, ไบเซนไทน์และผ้ามุสลิม.
Sasanian และซอคเดียตกแต่งชามโลหะและหน้าอกก็ยังให้ผลตอบแทนสูง เรืออื่น ๆ ที่ทำจากกระจกใสหนาด้วยการตกแต่งอย่างประณีตตัดเป็นผลิตภัณฑ์ Sasanian ทั่วไปและมีการซื้อขายเท่าที่ประเทศญี่ปุ่นที่พวกเขาถูกนำมาใช้โดยราชวงศ์ วัตถุเช่นนี้แสดงหลักฐานว่าเส้นทางผ้าไหมก็ยังคงทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 3 และจังหวัดของฟาร์สในเปอร์เซียทางทิศตะวันตกเฉียงใต้มาภายใต้การควบคุมโดยราชวงศ์ท้องถิ่นเรียกว่ายะห์ . เริ่มจากปี ค.ศ. 1755 ที่ ardashir ไม้บรรทัดยะห์ ( 211-241 AD ) แพ้ปาร์เธียน และควบคุมของเปอร์เซีย ด้วยความช่วยเหลือของลูกชายพระเจ้าซาปูร์ที่ 1 ( 241-272 AD ) , ardashir เริ่มศักราชใหม่ของอาณาจักร sasanid
ในเปอร์เซียผ้าไหมเส้นทางถูก flourished ภายใต้ sasanians . รัฐบาลยังคงควบคุมเข้มงวดของการค้าและความหนักภาษีในสินค้าทั้งหมดผ่านระหว่างดินแดนและจักรวรรดิไบแซนไทน์ ในตะวันออก sasanians แบ่งปันบทบาทของพ่อค้าคนกลางกับ sogdians , ชนเผ่าจากภูมิภาค Samarkand .
นี้จานทองกับการบรรเทาเงินแสดงศตวรรษที่ 4 ซั าเนียนกษัตริย์พระเจ้าชางแห่งโครยอ .( 310-379 AD ) จากฝีมือยอดเยี่ยมเราสามารถจินตนาการความมั่งคั่งของราชวงศ์ซั าเนียน . เราสามารถเห็นพระเจ้าชางแห่งโครยอบนหลังม้า และการล่าหมูป่า ประเภทนี้ของชุดรูปแบบล่าก็พบมากในเอเชียกลางโบราณ และ sasanians
sogdians ยังพัฒนาอุตสาหกรรมทอผ้าไหม เป็นเทคนิคการทอผ้าไหมไม่มีการป้องกันโดยราชวงศ์ฮั่นตัวอย่างที่น้อยมากของผลิตภัณฑ์ผ้าไหมรอด อย่างไรก็ตาม , บางส่วนของพวกเขาทำทางของพวกเขาไปยังยุโรปที่พวกเขาถูกค้นพบที่ถ้ำพุทธศาสนาเว็บไซต์ในแอ่งทาริม . ของลวดลายและสไตล์อย่างมากมีผลต่อการออกแบบ ต่อมาชาวจีน ไบแซนไทน์ และผ้า มุสลิม และตกแต่งชาม
ซั าเนียนอักษรซอกเดียโลหะและหน้าอกยังสูง prized .เรืออื่น ๆที่ทำจากแก้วใสหนา ตกแต่งตัดซับซ้อนเป็นผลิตภัณฑ์ซั าเนียนทั่วไปและการซื้อขายเท่าที่ญี่ปุ่น ที่ซึ่งพวกมันถูกใช้โดยราชวงศ์ วัตถุเหล่านี้มีหลักฐานว่าผ้าไหมเส้นทางยังคงทํางาน