Rotation of a tooth around an axis

Rotation of a tooth around an axis which is perpendicular to the occlusal plane through angles which approach 180° is a rare anomaly which is found in the human dentition. Such aberrations present a multi–factorial model in their origin. Both genetic and local factors seem to contribute to this abnormality. If the contribution of local factors could be identified, a way could open to an early treatment and prevention of divondary rotations of opposing and contiguous teeth. A case of a 180° rotation of maxillary left divond premolar in a male patient of Indian origin has been described here.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หมุนรอบแกนซึ่งตั้งฉากกับระนาบ occlusal ผ่านมุมที่เข้า 180 องศา ของความผิดปกติที่หายากที่พบใน dentition มนุษย์ได้ Aberrations ดังกล่าวนำเสนอแบบ multi – แฟกทอเรียลในจุดเริ่มต้นของพวกเขา ปัจจัยทางพันธุกรรม และภายในดูเหมือนจะ นำไปสู่ความผิดปกตินี้ ถ้าสามารถระบุสัดส่วนของปัจจัยภายใน แบบสามารถเปิดเป็นช่วงรักษาและป้องกันการหมุนเวียน divondary ฟันฝ่ายตรงข้าม และติดกัน กรณีของการหมุน 180 องศาของ premolar divond maxillary ซ้ายในผู้ป่วยชายของต้นกำเนิดได้ถูกอธิบายไว้ที่นี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การหมุนของฟันรอบแกนที่ตั้งฉากกับระนาบบดเคี้ยวผ่านมุมซึ่งเข้าใกล้ 180 องศาเป็นความผิดปกติท​​ี่หายากซึ่งพบได้ในฟันของมนุษย์ ความผิดปรกติดังกล่าวนำเสนอแบบหลายปัจจัยในการให้กำเนิดของพวกเขา ทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและท้องถิ่นดูเหมือนจะนำไปสู่​​ความผิดปกตินี้ หากมีส่วนร่วมของปัจจัยในประเทศที่อาจจะระบุเป็นวิธีที่สามารถเปิดเพื่อรักษาต้นและการป้องกันการผลัด divondary ของฝ่ายตรงข้ามและฟันที่อยู่ติดกัน กรณีที่ 180 องศาการหมุนของ divond ซ้ายขากรรไกรกรามน้อยในผู้ป่วยชายที่มาจากอินเดียได้รับการอธิบายที่นี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การหมุนรอบแกนของฟันซึ่งตั้งฉากกับระนาบที่จุดสบผ่านมุม 180 องศา เป็นมิติที่หายากที่พบในฟันมนุษย์ เช่นความผิดปกติหลายรูปแบบในช่วงปัจจุบัน และ ผลิตภัณฑ์ของตน ปัจจัยทั้งพันธุกรรมและท้องถิ่นดูเหมือนจะนำไปสู่ความผิดปกตินี้ ถ้าบริจาคปัจจัยท้องถิ่นสามารถระบุวิธีที่สามารถเปิดเพื่อรักษาต้นและการป้องกัน divondary การหมุนของฝ่ายตรงข้ามและฟันที่อยู่ติดกัน . กรณีของ 180 องศาการหมุนของ divond ฟันกรามน้อยบนซ้ายในผู้ป่วยชายที่มาจากอินเดียได้ถูกอธิบายไว้ที่นี่