Case-control studies are an efficie

Case-control studies are an efficient means of investigating the relationship between an exposure and an outcome, and identifying possible predictors of outcome in the patient population being studied. While case-control studies cannot prove causality, they can establish the strength of the association between an exposure and an outcome. Given that a case-control study is conducted retrospectively with available patient data, it is a relatively cost-effective and efficient study design for establishing evidence in support of future prospective studies, or further developing new hypotheses. In a case-control study, one can study multiple exposures in one patient population, which is especially useful when exposure data is difficult to obtain. Case-control studies are feasible with a small sample size and can often be performed relatively quickly. Compared to a cohort study, a case-control study is more effective for proving the association between an exposure and an outcome in rare diseases or in a patient population with a long induction or latent period between the exposure and outcome. Indeed, case-control studies are sometimes the only viable study design for investigating the relationship between an exposure and an outcome. In this chapter, we will review what a case-control study is, when a case-control study is an appropriate choice for study design, and how to avoid common pitfalls associated with case-control studies. We will review three simple, recently published examples of case-control studies in radiation oncology. Using these examples as a template, we will outline the steps involved in approaching case-control study design.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาแบบควบคุมเฉพาะกรณีเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสกับผลลัพธ์ และการระบุตัวทำนายที่เป็นไปได้ของผลลัพธ์ในประชากรผู้ป่วยที่กำลังศึกษา แม้ว่าการศึกษาแบบควบคุมเฉพาะกรณีไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นเหตุเป็นผลได้ แต่ก็สามารถสร้างจุดแข็งของความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสและผลลัพธ์ได้ เนื่องจากการศึกษาแบบควบคุมเฉพาะกรณีดำเนินการย้อนหลังด้วยข้อมูลผู้ป่วยที่มีอยู่ จึงเป็นการออกแบบการศึกษาที่ค่อนข้างคุ้มต้นทุนและมีประสิทธิภาพสำหรับการสร้างหลักฐานเพื่อสนับสนุนการศึกษาในอนาคตหรือการพัฒนาสมมติฐานใหม่เพิ่มเติม ในการศึกษาแบบควบคุมเฉพาะกรณี เราสามารถศึกษาการสัมผัสหลายครั้งในประชากรผู้ป่วยกลุ่มเดียว ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อข้อมูลการสัมผัสเป็นเรื่องยาก การศึกษาแบบมีกลุ่มควบคุมสามารถทำได้โดยใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กและมักจะดำเนินการได้ค่อนข้างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับการศึกษาตามรุ่น การศึกษาแบบควบคุมเฉพาะกรณีมีประสิทธิผลมากกว่าในการพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสกับผลลัพธ์ในโรคที่หายาก หรือในประชากรผู้ป่วยที่มีระยะชักนำหรือระยะแฝงนานระหว่างการสัมผัสกับผลลัพธ์ แท้จริงแล้ว การศึกษาแบบมีกลุ่มควบคุมบางครั้งเป็นเพียงการออกแบบการศึกษาที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียวในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสและผลลัพธ์ ในบทนี้ เราจะทบทวนว่าการศึกษาแบบควบคุมเฉพาะกรณีคืออะไร เมื่อการศึกษาแบบควบคุมกรณีเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการออกแบบการศึกษา และวิธีการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแบบควบคุมกรณี เราจะทบทวนตัวอย่างง่ายๆ สามตัวอย่างที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ของการศึกษาแบบควบคุมเฉพาะกรณีในด้านเนื้องอกวิทยารังสี การใช้ตัวอย่างเหล่านี้เป็นแม่แบบ เราจะร่างขั้นตอนที่เกี่ยวข้องในการออกแบบการศึกษาแบบควบคุมกรณีศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษากรณีควบคุมเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสกับผลลัพธ์และกำหนดการคาดการณ์ที่เป็นไปได้ของผลลัพธ์ในกลุ่มผู้ป่วยที่ศึกษา แม้ว่าการศึกษาแบบควบคุมกรณีไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุได้ แต่ก็สามารถกําหนดความเข้มของความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสและผลลัพธ์ได้ ให้การศึกษากรณีควบคุมดำเนินการศึกษาย้อนหลังโดยใช้ข้อมูลผู้ป่วยที่มีอยู่, นี้เป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างคุ้มค่า, การออกแบบการวิจัยที่มีประสิทธิภาพที่สามารถให้หลักฐานสำหรับการวิจัยในอนาคตข้างหน้าหรือการพัฒนาสมมติฐานใหม่ต่อไป. ในการศึกษากรณีควบคุม สามารถศึกษาการสัมผัสหลายครั้งในกลุ่มผู้ป่วย ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อยากที่จะได้รับข้อมูลที่สัมผัส การศึกษาแบบควบคุมกรณีเป็นไปได้ในกรณีที่ขนาดตัวอย่างมีขนาดเล็กและมักจะดําเนินการได้ค่อนข้างเร็ว การศึกษาที่ควบคุมกรณีแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสโรคที่หายากและผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการศึกษาคิว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษากรณีศึกษาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสกับผลลัพธ์และเพื่อระบุตัวบ่งชี้ที่เป็นไปได้ของผลลัพธ์ในกลุ่มผู้ป่วยที่ศึกษา แม้ว่ากรณีศึกษาควบคุมไม่สามารถพิสูจน์สาเหตุได้แต่ก็สามารถกําหนดความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสกับผลลัพธ์ได้ ในมุมมองของการศึกษากรณีควบคุมเป็นการศึกษาแบบย้อนหลังโดยใช้ข้อมูลผู้ป่วยที่มีอยู่การออกแบบการวิจัยที่คุ้มค่าและประหยัดเพื่อสร้างหลักฐานเพื่อสนับสนุนการศึกษาในอนาคตหรือเพื่อพัฒนาสมมติฐานใหม่ๆ ในกรณีศึกษาการควบคุมการสัมผัสหลายครั้งของกลุ่มผู้ป่วยสามารถศึกษาได้ซึ่งเป็นประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยากที่จะได้รับข้อมูลการสัมผัส การศึกษากรณีควบคุมเป็นไปได้ขนาดตัวอย่างมีขนาดเล็กและสามารถทําได้ค่อนข้างรวดเร็ว การศึกษากรณีควบคุมมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสกับโรคที่หายากหรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีระยะเวลาการเหนี่ยวนําหรือการแฝงตัวระหว่างการสัมผัสกับผลลัพธ์ ในความเป็นจริงกรณีศึกษาควบคุมบางครั้งเป็นเพียงการออกแบบการวิจัยที่เป็นไปได้ในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสกับผลลัพธ์ ในบทนี้เราจะทบทวนว่าการศึกษาแบบควบคุมกรณีเป็นอย่างไรเมื่อการศึกษาแบบควบคุมกรณีเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสําหรับการออกแบบการวิจัยและวิธีหลีกเลี่ยงกับดักทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแบบควบคุมกรณี เราจะทบทวนตัวอย่างของสามกรณีศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์เมื่อเร็วๆนี้เกี่ยวกับรังสีวิทยา การใช้ตัวอย่างเหล่านี้เป็นเทมเพลตเราจะสรุปขั้นตอนที่เกี่ยวข้องในการออกแบบการศึกษาแบบกรณีศึกษา