Cinnamomum burmannii showed relativ

Cinnamomum burmannii showed relatively high inhibitory activities against the five foodborne pathogenic. It could be seen from the diameter of the clear zone of each of the bacteria observerd. They were B. cereus (15.4 mm), L. monocytogenes (11.5 mm), S. aureus (15.7 mm), E. coli (8.7 mm), and S. anatum (12.1 mm). It had antioxidant capacity (107.7 mmol trolox/100 g dry weight) ( Shan et al. 2007). Cinnamon is used for flavor and taste in food preparation, however cinnamon may also have additional roles in glucose metabolism and blood pressure regulation (Preuss et al. 2006). It was reported that 1, 3, and 6 grams of cinnamon per day had beneficial effects on blood glucose, cholesterol and triglycerides of people with type 2 diabetes (Khan et al. 2003). Cinnamomum has been granted generally recognized as safe (GRAS) status as a food additive by the U.S. food and drug administration (FDA), whereas there are many limitations regarding the safety and efficacy of these formulations. In this study, repeated dose oral toxicity study of P. crocatum and C. burmanniii formulation, were investigated in experimental animals.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อบเชยชวาที่พบค่อนข้างสูงยับยั้งกิจกรรมกับเกิดจากอาหารห้าทำให้เกิดโรค มันอาจจะเห็นจากเส้นผ่าศูนย์กลางของโซนชัดเจนของแต่ละ observerd แบคทีเรีย พวกเขามี B. cereus (15.4 mm), สมอง L. (11.5 มม.), S. หมอเทศข้างลาย (15.7 มม.), E. coli (8.7 มม.), และ S. anatum (12.1 มิลลิเมตร) มีกำลังการผลิตสารต้านอนุมูลอิสระ (107.7 mmol trolox/100 กรัมน้ำหนักแห้ง) (ฉาน et al. 2007) อบเชยใช้สำหรับรสชาติ และรสชาติในการเตรียมอาหาร อบเชยอย่างไรก็ตามอาจมีบทบาทเพิ่มเติมในความดันโลหิตและเผาผลาญกลูโคส (Preuss et al. 2006) มีรายงานว่า 1, 3 และ 6 กรัมอบเชยต่อวันมีผลประโยชน์ในระดับน้ำตาลในเลือด สเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (Khan et al. 2003) อบเชยได้รับโดยทั่วไปรับปลอดภัย (GRAS) สถานะเป็นสารเติมแต่งอาหารอาหารและยาเสพติดรัฐบาลสหรัฐฯ (FDA), ในขณะที่มีข้อจำกัดมากมายเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสูตรเหล่านี้ ในการศึกษานี้ ศึกษาความเป็นพิษทางปากยาซ้ำของ P. crocatum และ C. burmanniii สูตร ถูกสอบสวนในสัตว์ทดลอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Cinnamomum burmannii แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการยับยั้งที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับที่ทำให้เกิดโรคที่เกิดจากอาหารห้า มันอาจจะเห็นได้จากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของโซนที่ชัดเจนของแต่ละแบคทีเรีย observerd พวกเขา B. cereus (15.4 มิลลิเมตร), L. monocytogenes (11.5 มิลลิเมตร) เชื้อ S. aureus (15.7 มิลลิเมตร) E. coli (8.7 มิลลิเมตร) และ S. anatum (12.1 มิลลิเมตร) มันมีสารต้านอนุมูลอิสระ (107.7 มิลลิโมล Trolox / 100 กรัมน้ำหนักแห้ง) (Shan et al. 2007) อบเชยใช้สำหรับรสชาติและรสในการเตรียมอาหาร แต่อบเชยยังอาจมีบทบาทเพิ่มเติมในการเผาผลาญกลูโคสและการควบคุมความดันโลหิต (Preuss et al. 2006) มีรายงานว่า 1, 3 และ 6 กรัมอบเชยต่อวันมีผลประโยชน์เกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (ข่าน et al. 2003) Cinnamomum ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปเป็นที่ปลอดภัยสถานะ (GRAS) เป็นสารเติมแต่งอาหารจากอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ในขณะที่มีข้อ จำกัด มากมายเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสูตรเหล่านี้ ในการศึกษานี้ยาซ้ำการศึกษาพิษช่องปากของพี crocatum และการกำหนดซี burmanniii ถูกสอบสวนในสัตว์ทดลอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

cinnamomum burmannii พบกิจกรรมการยับยั้งเชื้อโรคอาหารเป็นพิษค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับห้า . มันอาจจะเห็นได้จากขนาดของพื้นที่ที่ชัดเจนของแต่ละชนิดของแบคทีเรีย observerd . พวกเขา B . cereus ( 15.4 มม. ) L monocytogenes ( 11.5 มม. ) , S . aureus ( 15.7 มม. ) , E . coli ( 8.7 มิลลิเมตร ) , และ anatum ( 12.1 มิลลิเมตร ) มันมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระ ( สาร 107.7 มิลลิโมล / 100 กรัมน้ำหนักแห้ง ) ( ฉาน et al . 2007 ) อบเชยถูกใช้เพื่อรสชาติในการเตรียมอาหาร แต่อบเชยยังอาจมีบทบาทเพิ่มเติมในการเผาผลาญกลูโคสและการควบคุมความดันโลหิต ( preuss et al . 2006 ) มีรายงานว่า 1 , 3 , และ 6 กรัมต่อวัน ได้ผลประโยชน์อบเชยต่อระดับน้ำตาลในเลือด คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ของผู้ที่มีโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ( ข่าน et al . 2003 ) cinnamomum ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าปลอดภัย ( GRAS ) สถานะเป็นสารเติมแต่งอาหาร โดยอาหารและยาสหรัฐ ( FDA ) ในขณะที่มีข้อจำกัดมากมาย เกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสูตรเหล่านี้ ในการศึกษานี้ได้ศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันของยาในช่องปากซ้ำหน้า crocatum . burmanniii การศึกษาในสัตว์ทดลอง