The shortcomings of both the origin

The shortcomings of both the original version of TOEFL
and the current TOEIC were highlighted in the following
quote:
Preoccupation with the psychometric qualities of TOEFL helps ensure good testing practices.
Nevertheless, it has made the TOEFL somewhat resistant to and slow in incorporating changes that might jeopardize its high reliability standards.
Also, the continued commercial success of TOEFL has contributed to its adherence to the status quo.
Whereas the validity of test scores is undermined when reliability standards are not upheld,
reliability documentation alone cannot make up for inadequate validity evidence. In other words,
a strong reliability agenda is not sufficient to ensure meaningful inferences made from TOEFL scores. TOEFL’s emphasis on scientific accuracy through its stringent reliability analyses has been
done with a hazardous disregard for some aspects of validity. (Chalhoub-Deville. M. & Turner. C.,2000, p. 536) This is now far less applicable to the TOEFL, due to its redesign, but these comments are still all too applicable to the TOEIC. The lack of research into TOEIC is troubling in two ways.Firstly, the great popularity of TOEIC (almost 3 million registered candidates per year) means that it is one of the most taken language proficiency tests in the world. This fact alone
should attract independent researchers’ attempts to verify the claims made by the test maker. Secondly, the little independent research that has been carried out has been largely critical of
the TOEIC. Doubts have been voiced over several claims made for the test by ETS. This combination should be enough to spur further critical discussion into this increasingly important test.
Some areas that would be of interest include:
1) Correlations between TOEIC scores and direct,established tests of speaking and writing to
establish whether TOEIC is a reliable predictor of these skills. It would be especially useful to
investigate subjects with scores around the mean TOEIC score in Japan (approximately 450).
2) The linguistic skills required by the end users of TOEIC. It would be helpful to know what both
employees and employers require in terms of linguistic proficiency. Research could help to
establish the skills required, which would act as the construct for the TOEIC. If the precise
construct is unknown, it is difficult to criticize the validity of the test.
3) The washback effect of the TOEIC. How does TOEIC influence learner motivation and study?
Does TOEIC encourage learners to develop skills that are useful to their employers? Does TOEIC
affect how teachers run classes for corporations utilizing the TOEIC? These three areas would help to guarantee the best possible test was being produced for both test takers and the corporations that are frequently paying for the TOEIC. The example of TOEFL shows that extensive critical discussion of a test can lead to consistent development and improvement of the test. The users of the TOEIC would
benefit from such a discussion and the time for this to begin is surely imminent.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ของทั้งสองฉบับของการสอบ TOEFLและ TOEIC ปัจจุบันได้เน้นในต่อไปนี้อ้างอิง:Preoccupation กับคุณภาพ psychometric ของ TOEFL ช่วยให้แน่ใจว่าทดสอบปฏิบัติดีอย่างไรก็ตาม มันได้ทำการสอบ TOEFL ค่อนข้างทนต่อ ความเร็วในเพจเปลี่ยนแปลงที่อาจ jeopardize มาตรฐานความน่าเชื่อถือสูงความสำเร็จเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่องของ TOEFL ยัง มีส่วนการที่ติดกับสภาพในขณะที่ถูกต้องของคะแนนทดสอบคือทำลายเมื่อไม่มีการยึดถือมาตรฐานความน่าเชื่อถือเอกสารประกอบความน่าเชื่อถือเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำขึ้นสำหรับหลักฐานไม่เพียงพอมีผลบังคับใช้ ในคำอื่น ๆวาระความแข็งแรงไม่เพียงพอให้ inferences ความหมายจากคะแนน TOEFL เน้นความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ผ่านการวิเคราะห์ความเข้มข้นของ TOEFL ได้ทำได้ ด้วยการไม่สนใจอันตรายสำหรับบางส่วนมีผลบังคับใช้ (Chalhoub-Deville ม. และ Turner C., 2000, p. 536) นี้เป็นมากน้อยสามารถใช้ได้กับการสอบ TOEFL เนื่องจากการออกแบบ แต่ยังมีข้อคิดเห็นเหล่านี้ทั้งหมดไปใช้กับ TOEIC ขาดการวิจัยใน TOEIC เป็น troubling ในสองวิธีประการแรก ความนิยมอย่างมากของ TOEIC (เกือบ 3 ล้านลงทะเบียนผู้สมัครต่อปี) หมายความ ว่า มันเป็นหนึ่งของการทดสอบความคล่องแคล่วในภาษาถ่ายมากที่สุดในโลก ความจริงเพียงอย่างเดียวควรดึงดูดความพยายามของนักวิจัยอิสระเพื่อตรวจสอบการอ้างโดยผู้ทดสอบ ประการที่สอง งานวิจัยอิสระน้อยการดำเนินแล้วส่วนใหญ่สำคัญของTOEIC ข้อสงสัยมีการเสียงไปร้องเรียนหลายที่ทำการทดสอบ โดย ETS ชุดนี้ควรจะเพียงพอที่จะกระตุ้นการสนทนาที่สำคัญในการทดสอบนี้สำคัญมากขึ้นต่อไปบางพื้นที่ที่จะน่าสนใจมีดังนี้:1) ความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนการสอบ TOEIC และทดสอบโดยตรง ขึ้นพูด และเขียนสร้างว่า TOEIC ผู้ทายผลเชื่อถือได้ของทักษะเหล่านี้ มันจะมีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบเรื่องกับคะแนนรอบคะแนนเฉลี่ยการสอบ TOEIC ในญี่ปุ่น (ประมาณ 450)2) ทักษะภาษาศาสตร์จำเป็น โดยผู้ใช้ของ TOEIC มันจะให้รู้ว่าสิ่งทั้งพนักงานและนายจ้างต้องการในด้านความสามารถทางภาษาศาสตร์ การวิจัยจะช่วยสร้างทักษะจำเป็น ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างในกรณีการสอบ toeic ถ้าแม่นยำสร้างไม่รู้จัก ยากต่อการโจมตีมีผลบังคับใช้ของการทดสอบ3)ผล washback ของ TOEIC วิธีไม่ TOEIC มีอิทธิพลต่อการเรียนและแรงจูงใจผู้เรียนหรือไม่TOEIC ไม่สนับสนุนให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อนายจ้างหรือไม่ การสอบ TOEIC ไม่ส่งผลกระทบต่อวิธีครูรันชั้นสำหรับบริษัทใช้ TOEIC สามด้านจะช่วยรับประกันการทดสอบที่ดีที่สุดถูกผลิตขึ้นสำหรับผู้ทำการทดสอบและในบริษัทที่จะจ่ายบ่อยในกรณีการสอบ toeic ตัวอย่างของ TOEFL แสดงว่า สนทนาอย่างละเอียดที่สำคัญของการทดสอบสามารถนำไปสู่การพัฒนาที่สอดคล้องกันและปรับปรุงของการทดสอบ ผู้ใช้ของ TOEIC จะได้รับประโยชน์จากการสนทนา และเวลานี้เริ่มมีก็จวนเจียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ข้อบกพร่องของรุ่นเดิมของ TOEFL และ TOEIC เป็นปัจจุบัน

พูดเน้นในต่อไปนี้ :
preoccupation ด้วยคุณภาพคุณภาพของ TOEFL ช่วยให้การปฏิบัติการทดสอบที่ดี .
แต่มันทำให้ TOEFL ค่อนข้างทนและช้าในการผสมผสานการเปลี่ยนแปลงที่อาจเป็นอันตรายของมาตรฐานความน่าเชื่อถือสูง .
ยังยังคงประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ของ TOEFL ได้มีส่วนร่วมไปตามสถานะที่เป็นอยู่
ในขณะที่ความถูกต้องของคะแนนแบบทดสอบถูกทำลายเมื่อมาตรฐานความน่าเชื่อถือไม่ยึดถือ
ความน่าเชื่อถือเอกสารเพียงอย่างเดียวไม่สามารถ , ทำให้ไม่เพียงพอพิสูจน์ความถูกต้อง ในคำอื่น ๆที่
วาระความน่าเชื่อถือแข็งแรงไม่เพียงพอที่จะให้ข้อสรุปที่มีความหมายได้จากคะแนนโทเฟลTOEFL คือเน้นความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ผ่านที่เข้มงวดแบบวิเคราะห์ได้
ทำคำนึงถึงอันตรายในบางแง่มุมของความถูกต้อง ( chalhoub deville . เมตร &เทอร์เนอร์ C . , 2543 , หน้า 493 ) ตอนนี้น้อยกว่าใช้กับ TOEFL เนื่องจากการออกแบบ แต่ความคิดเห็นเหล่านี้จะยังสามารถใช้ได้กับทุกคนเหมือนกัน ติว TOEIC ขาดการวิจัยในการสอบ TOEIC คือปัญหาในสองวิธีประการแรก ความนิยมที่ดีของ TOEIC ( เกือบ 3 ล้านคนต่อปีจดทะเบียน ) ซึ่งหมายความว่ามันเป็นหนึ่งในที่สุดได้รับการทดสอบความสามารถทางภาษาในโลก ความเป็นจริงนี้คนเดียว
ควรดึงดูดนักวิจัยอิสระพยายามที่จะตรวจสอบการเรียกร้องที่ทำโดยการทดสอบเครื่อง ประการที่สอง การค้นคว้าอิสระเล็ก ๆน้อย ๆที่ได้รับการวิจารณ์ส่วนใหญ่ได้รับ
ติว TOEICสงสัยได้เปล่งออกมามากกว่าการเรียกร้องหลายที่ทำสำหรับการทดสอบโดย ets ชุดนี้ควรจะเพียงพอที่จะกระตุ้นการอภิปรายต่อไปในการทดสอบที่สำคัญมากขึ้น .
บางพื้นที่ที่น่าสนใจรวมถึง :
1 ) สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนน TOEIC และตรงขึ้นการทดสอบการพูดและการเขียนเพื่อ
สร้างว่า TOEIC เป็นทำนายที่เชื่อถือได้ของทักษะเหล่านี้มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ศึกษาวิชาที่มีคะแนนรอบหมายถึงคะแนน TOEIC ในญี่ปุ่น ( ประมาณ 450 )
2 ) ต้องใช้ทักษะทางภาษา โดยผู้ใช้ของ TOEIC . มันจะเป็นประโยชน์ที่จะรู้ว่าทั้งสอง
พนักงานและนายจ้างต้องการในแง่ของความสามารถทางภาษา วิจัยช่วย

สร้างทักษะที่จำเป็น ซึ่งจะทำหน้าที่สร้าง สำหรับ ติว TOEICถ้าแม่น
สร้างไม่ทราบ มันเป็นเรื่องยากที่จะวิจารณ์ความถูกต้องของการทดสอบ .
3 ) ผลของ washback ติว TOEIC ทำไมเรียน TOEIC มีอิทธิพลต่อแรงจูงใจและการศึกษา ?
ไม่ TOEIC ส่งเสริมนักเรียนให้พัฒนาทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อนายจ้างของพวกเขา ไม่มีผลต่อวิธีที่ครูใช้สอน TOEIC
บริษัทใช้ TOEIC ?เหล่านี้ 3 พื้นที่จะช่วยรับประกันการทดสอบที่ดีที่สุดคือการผลิตทั้งการทดสอบ takers และ บริษัท ที่มักจะจ่ายค่าติว TOEIC ตัวอย่างของหลักสูตรแสดงให้เห็นว่าการวิจารณ์อย่างกว้างขวางของการทดสอบที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาที่สอดคล้องกันและปรับปรุงข้อสอบ ผู้ใช้ของ TOEIC จะ
ได้รับประโยชน์จากเช่นการอภิปรายและเวลาที่จะเริ่มต้นเป็นแน่
ข