วิวัฒนาการของการแลกเปลี่ยนสินค้า ในปัจจุบันนี้ถือได้ว่ามี 3 ระยะนั่นคื การแปล - วิวัฒนาการของการแลกเปลี่ยนสินค้า ในปัจจุบันนี้ถือได้ว่ามี 3 ระยะนั่นคื ไทย วิธีการพูด

วิวัฒนาการของการแลกเปลี่ยนสินค้า ใน

วิวัฒนาการของการแลกเปลี่ยนสินค้า ในปัจจุบันนี้ถือได้ว่ามี 3 ระยะนั่นคือ การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยตรง (Barter System) คือ การนำเอาผลผลิตมาแลกเปลี่ยนกันโดยตรง เช่น นำไข่ไปแลกกับข้าวสาร เป็นต้น แต่ระบบนี้มีปัญหาตรงที่ควรจะแลกขนาดไหน เช่น ถ้าข้าวสารจำนวนเท่านี้ ควรจะแลกไข่ได้เท่าใด จึงเกิด การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลาง (Money System) คือ การใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้านั่นเอง เช่น เงิน 20 บาท สามารถซื้อสมุดได้ 1 เล่ม เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเป็นจำนวนมาก หรือผู้ซื้อยังมีเงินไม่เพียงพอต่อการแลกเปลี่ยนขณะนั้น จึงมีการแลกเปลี่ยนซึ่งต้องใช้ความไว้วางใจต่อกันและกัน นั่นคือ การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้สินเชื่อหรือเครดิต (Credit System) เช่น การเช่าซื้อ(ผ่อนส่ง) การใช้เช็ค บัตรเครดิต เป็นต้น ทั้งสองอย่างหลังถือเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าทางอ้อม สุดท้ายในการค้าสมัยใหม่นี้จึงเกิดการแลกเปลี่ยนที่เรียกว่า การค้าแบบหักบัญชี (Account Trade) ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยการผสมผสานการแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งสามแบบเข้าด้วยกัน
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเหรียญกษาปณ์ เกิดขึ้น ในวิวัฒนาการระยะที่สองคือ การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลาง (Money System) นั่นเอง
วิวัฒนาการเหรียญกษาปณ์ไทย
ในช่วงแรกของการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลางนั้น ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ในสมัยอาณาจักรฟูนัน และสืบต่อมาในสมัยอาณาจักรทวารวดี และศรีวิชัย แต่ละยุคสมัยมีการปรับเปลี่ยนกันขึ้นมามีอำนาจ และมีการทำเงินตรารูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาใช้ในยุคของตน
จวบจนถึงสมัยอาณาจักรสุโขทัยต่างก็ยังไม่ได้ใช้เหรียญกษาปณ์ หากแต่ยังใช้สิ่งของอย่างอื่นในการแลกเปลี่ยน ซึ่งหาได้ หรือทำได้ง่ายๆ เช่น เงินพดด้วง(เงินคดด้วง หรือเงินกลม) ดัดแปลงมาจากเงินขอม(เงินแท่ง) และมอญ(เงินเหรียญ) หอยเบี้ย นอกเหนือจากนั้น ยังมีการใช้เงินตราแลกเปลี่ยนกันภายนอกประเทศ หรือมีอิทธิพลจากต่างชาติอีกด้วย เช่น เงินลานนา-เงินอานม้า เป็นเงินจีนนิยมใช้กันแถบยูนาน และใช้กันลงมาถึงภาคเหนือของไทย ใช้เงินพดด้วงจนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 กรุงรัตนโกสินทร์
และสุดท้ายหลังจากรัชกาลที่ 4 จึงใช้เริ่มใช้เหรียญกษาปณ์นั่นเอง

ฟูนัน
-สมัยอาณาจักรฟูนันหรือพนม เงินตราสมัยอาณาจักรฟูนันหรือพนม ใช้ในบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทยคลุมตลอดไปจนถึงทางตอนใต้ลุ่มแม่น้ำโขง มีการใช้เหรียญเงินรูปอาทิตย์อุทัยแบบเดียวเป็นเงินตราที่สำคัญ 3 ขนาด ในประเทศไทยมีการขุดพบเหรียญเงินฟูนันที่จังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และลพบุรี เป็นจำนวนมาก และพบตลอดลงไปจนถึงในภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เป็นชนิดทำด้วยดีบุก ด้วยการหล่อจากแม่พิมพ์ เงินตราฟูนันมีลักษณะเป็นเหรียญเงินกลมแบนมี 3 ขนาด ด้านหนึ่งภายในวงกลมชั้นในเป็นรูปอาทิตย์อุทัยครึ่งดวงแผ่รัศมีโดยรอบ คั่นด้วยจุดไข่ปลา ส่วนวงกลมชั้นนอกประดับด้วยจุดไข่ปลาโดยรอบเช่นกัน อีกด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ศรีวัตสะ(รูปสัญลักษณ์มงคลเกี่ยวกับคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู) ด้านบนเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์ มีสวัสดิกะและภัทรบิฐ(แท่นสําหรับเทพบดี หรือพระราชาประทับ)ขนาบที่ด้านข้าง ด้านล่างสุดเป็นจุดกลม 3 จุด

ทวารวดี
-สมัยอาณาจักรทวารวดี เงินตราสมัยอาณาจักรทวารวดีซึ่งใช้ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง บริเวณจังหวัดนครปฐม ใช้เหรียญเงินเป็นเงินตราสำคัญ มีอยู่หลายขนาดและรูปแบบที่แสดงถึงการนับถือพระพุทธศาสนา มีการใช้เหรียญทองคำเช่นกัน ระบบการผลิตเหรียญเงินยังคงเป็นระบบการตอกตรา จึงทำให้เหรียญมีลักษณะโค้งแบบก้นกระทะ นอกจากเหรียญที่เป็นเงินตราแล้ว ยังผลิตเหรียญที่มีตัวอักษร ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเหรียญที่ระลึกอีกด้วย เงินตราทวารวดีมีลักษณะเป็นเหรียญกลมมีทั้งชนิดเนื้อทองคำและเนื้อเงิน มีหลายรูปแบบและขนาด ส่วนมากประทับตราสังข์ล้อมด้วยจุดไข่ปลา อีกด้านหนึ่งเป็นรูปปราสาท มีวิวัชระอยู่ภายใน ประกอบด้วยแส้และขอช้างที่ด้านข้าง มีพระอาทิตย์ พระจันทร์อยู่ด้านบน มีปลาหรือน้ำอยู่ด้านล่าง มีเหรียญอีกกลุ่มหนึ่งที่มีข้อความเป็นอักษรสันสกฤตโบราณว่า ศรีทวารวดี ศวรปุณยะ แปลว่าบุญกุศลของพระราชาแห่งศรีทวารวดี และบางเหรียญมีข้อความว่า ศรี สุจริตวิกรานต แปลว่าวีรบุรุษผู้สุจริตอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปแม่วัวลูกวัว กาลาสะหรือบูรณกลศ ธรรมจักร สังข์ กวาง

ศรีวิชัย2
-สมัยอาณาจักรศรีวิชัย เงินตราสมัยอาณาจักรศรีวิชัย นิยมใช้ในเมือง ได้แก่ เมืองไชยา นครศรีธรรมราช ตลอดลงไปจนถึงเมืองปาเล็มบังในเกาะสุมาตรา มีการค้าทางทะเลเป็นสำคัญ อาณาจักรนี้ใช้เหรียญที่ผลิตจากโลหะทองคำ เงิน และอิเล็กตรัม ประทับตรา ดอกจัน ด้านหน้า อีกด้านหนึ่งมีอักษรสันสกฤตคำว่า วร เรียกว่า เงินดอกจัน มีลักษณะเหมือนเหรียญเงินของชาวลิเดีย อาณาจักรต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังอาณาจักรในยุคแรกที่ผลิตเหรียญขึ้นใช้นั้น แม้ว่าต่างก็มีระบบเงินตราเป็นของตนเองทั้งในแหลมมลายู สุมาตรา และชวา ก็ตาม แต่ก็ยังคงแสดงถึงอิทธิพลการออกแบบที่มาจากอารับ อินเดีย และจีน ซึ่งเดินเรือเข้ามาติดต่อค้าขายด้วย เหรียญเงินกลมมีตราดอกจันรูปสี่เหลี่ยมประทับไว้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นอักษรสันสกฤตโบราณคำว่า วร แปลว่า ประเสริฐ เงินตราศรีวิชัยมีทั้งเนื้อเงิน ทอง และอิเล็กตรัมและมี 3 ขนาดเช่นกัน โดยที่ยังไม่พบเงินตราในรูปแบบอื่น จึงเชื่อว่าอาณาจักรแห่งนี้ผลิตเงินตราขึ้นใช้เพียงแบบเดียว

อยุธยา
-สมัยอาณาจักรสุโขทัย ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลที่ 1-3 ใช้ เงินพดด้วง ซึ่งนับเป็นเงินตราไทยโดยแท้ พดด้วงที่ใช้ในรัชสมัยนี้มีลักษณะเป็นก้อนกลม ทำด้วยโลหะเงิน ปลายขางอเข้าหากันเป็นปลายแหลม มีรูขนาดใหญ่ระหว่างขา มีตราประทับเพื่อแสดงถึงแหล่งผลิตตั้งแต่ 1 ตรา ไปจนถึง 7 ตราส่วนใหญ่ตราที่พบได้แก่ ตราราชสีห์ ช้าง หอยสังข์ ธรรมจักร บัว กระต่าย และราชวัตร นอกจากนี้ ยังพบว่าในสมัยสุโขทัยมีการนำโลหะชนิดอื่นซึ่งไม่ใช่โลหะเงิน เช่น ดีบุก ตะกั่ว สังกะสี มาหลอมให้มีลักษณะคล้ายพดด้วงแต่มีขนาดใหญ่กว่า เรียกแตกต่างกัน เช่น พดด้วงชิน เงินคุบ เงินชุบ หรือเงินคุก รวมทั้งการใช้เบี้ยเป็นเงินปลีกสำหรับแลกเปลี่ยนสินค้าราคาต่ำด้วย
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
วิวัฒนาการของการแลกเปลี่ยนสินค้าในปัจจุบันนี้ถือได้ว่ามี 3 ระยะนั่นคือการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยตรง (ระบบแลกเปลี่ยน) คือการนำเอาผลผลิตมาแลกเปลี่ยนกันโดยตรงเช่นนำไข่ไปแลกกับข้าวสารเป็นต้นแต่ระบบนี้มีปัญหาตรงที่ควรจะแลกขนาดไหนเช่นถ้าข้าวสารจำนวนเท่านี้ควรจะแลกไข่ได้เท่าใดจึงเกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลาง (ระบบเงิน) คือการใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้านั่นเองเช่นเงิน 20 บาทสามารถซื้อสมุดได้ 1 เล่มเป็นต้นต่อมาเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเป็นจำนวนมากหรือผู้ซื้อยังมีเงินไม่เพียงพอต่อการแลกเปลี่ยนขณะนั้นจึงมีการแลกเปลี่ยนซึ่งต้องใช้ความไว้วางใจต่อกันและกันนั่นคือการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้สินเชื่อหรือเครดิต (ระบบเครดิต) เช่นการเช่าซื้อ(ผ่อนส่ง)การใช้เช็คบัตรเครดิตเป็นต้นทั้งสองอย่างหลังถือเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าทางอ้อมสุดท้ายในการค้าสมัยใหม่นี้จึงเกิดการแลกเปลี่ยนที่เรียกว่าการค้าแบบหักบัญชี (การค้าบัญชี) ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยการผสมผสานการแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งสามแบบเข้าด้วยกันดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเหรียญกษาปณ์เกิดขึ้นในวิวัฒนาการระยะที่สองคือการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลาง (ระบบเงิน) นั่นเองวิวัฒนาการเหรียญกษาปณ์ไทย ในช่วงแรกของการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลางนั้นซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ในสมัยอาณาจักรฟูนันและสืบต่อมาในสมัยอาณาจักรทวารวดีและศรีวิชัยแต่ละยุคสมัยมีการปรับเปลี่ยนกันขึ้นมามีอำนาจและมีการทำเงินตรารูปแบบต่างๆ ขึ้นมาใช้ในยุคของตนจวบจนถึงสมัยอาณาจักรสุโขทัยต่างก็ยังไม่ได้ใช้เหรียญกษาปณ์หากแต่ยังใช้สิ่งของอย่างอื่นในการแลกเปลี่ยนซึ่งหาได้หรือทำได้ง่าย ๆ เช่นเงินพดด้วง (เงินคดด้วงหรือเงินกลม) ดัดแปลงมาจากเงินขอม(เงินแท่ง)และมอญ(เงินเหรียญ)หอยเบี้ยนอกเหนือจากนั้นยังมีการใช้เงินตราแลกเปลี่ยนกันภายนอกประเทศหรือมีอิทธิพลจากต่างชาติอีกด้วยเช่นเงินลานนาเงินอานม้าเป็นเงินจีนนิยมใช้กันแถบยูนานและใช้กันลงมาถึงภาคเหนือของไทยใช้เงินพดด้วงจนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 กรุงรัตนโกสินทร์จึงใช้เริ่มใช้เหรียญกษาปณ์นั่นเองและสุดท้ายหลังจากรัชกาลที่ 4 ฟูนัน-สมัยอาณาจักรฟูนันหรือพนมเงินตราสมัยอาณาจักรฟูนันหรือพนมใช้ในบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทยคลุมตลอดไปจนถึงทางตอนใต้ลุ่มแม่น้ำโขงมีการใช้เหรียญเงินรูปอาทิตย์อุทัยแบบเดียวเป็นเงินตราที่สำคัญ 3 ขนาดในประเทศไทยมีการขุดพบเหรียญเงินฟูนันที่จังหวัดปราจีนบุรีชลบุรีนครปฐมสุพรรณบุรีและลพบุรีเป็นจำนวนมากและพบตลอดลงไปจนถึงในภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแต่เป็นชนิดทำด้วยดีบุกด้วยการหล่อจากแม่พิมพ์เงินตราฟูนันมีลักษณะเป็นเหรียญเงินกลมแบนมี 3 ขนาดด้านหนึ่งภายในวงกลมชั้นในเป็นรูปอาทิตย์อุทัยครึ่งดวงแผ่รัศมีโดยรอบคั่นด้วยจุดไข่ปลาส่วนวงกลมชั้นนอกประดับด้วยจุดไข่ปลาโดยรอบเช่นกันอีกด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ศรีวัตสะ(รูปสัญลักษณ์มงคลเกี่ยวกับคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู)ด้านบนเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์มีสวัสดิกะและภัทรบิฐ (แท่นสําหรับเทพบดีหรือพระราชาประทับ) ขนาบที่ด้านข้างด้านล่างสุดเป็นจุดกลม 3 จุดทวารวดี-สมัยอาณาจักรทวารวดีเงินตราสมัยอาณาจักรทวารวดีซึ่งใช้ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางบริเวณจังหวัดนครปฐมใช้เหรียญเงินเป็นเงินตราสำคัญมีอยู่หลายขนาดและรูปแบบที่แสดงถึงการนับถือพระพุทธศาสนามีการใช้เหรียญทองคำเช่นกันระบบการผลิตเหรียญเงินยังคงเป็นระบบการตอกตราจึงทำให้เหรียญมีลักษณะโค้งแบบก้นกระทะนอกจากเหรียญที่เป็นเงินตราแล้วยังผลิตเหรียญที่มีตัวอักษรซึ่งเข้าใจว่าเป็นเหรียญที่ระลึกอีกด้วยเงินตราทวารวดีมีลักษณะเป็นเหรียญกลมมีทั้งชนิดเนื้อทองคำและเนื้อเงินมีหลายรูปแบบและขนาดส่วนมากประทับตราสังข์ล้อมด้วยจุดไข่ปลาอีกด้านหนึ่งเป็นรูปปราสาทมีวิวัชระอยู่ภายในประกอบด้วยแส้และขอช้างที่ด้านข้างมีพระอาทิตย์พระจันทร์อยู่ด้านบนมีปลาหรือน้ำอยู่ด้านล่างมีเหรียญอีกกลุ่มหนึ่งที่มีข้อความเป็นอักษรสันสกฤตโบราณว่าศรีทวารวดีศวรปุณยะแปลว่าบุญกุศลของพระราชาแห่งศรีทวารวดีและบางเหรียญมีข้อความว่าศรีสุจริตวิกรานตแปลว่าวีรบุรุษผู้สุจริตอยู่ด้านหนึ่งส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปแม่วัวลูกวัวกาลาสะหรือบูรณกลศธรรมจักรสังข์กวาง ศรีวิชัย2-สมัยอาณาจักรศรีวิชัยเงินตราสมัยอาณาจักรศรีวิชัยนิยมใช้ในเมืองได้แก่เมืองไชยานครศรีธรรมราชตลอดลงไปจนถึงเมืองปาเล็มบังในเกาะสุมาตรามีการค้าทางทะเลเป็นสำคัญอาณาจักรนี้ใช้เหรียญที่ผลิตจากโลหะทองคำเงินและอิเล็กตรัมประทับตราดอกจันด้านหน้าอีกด้านหนึ่งมีอักษรสันสกฤตคำว่าวรเรียกว่าเงินดอกจันมีลักษณะเหมือนเหรียญเงินของชาวลิเดียอาณาจักรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังอาณาจักรในยุคแรกที่ผลิตเหรียญขึ้นใช้นั้นแม้ว่าต่างก็มีระบบเงินตราเป็นของตนเองทั้งในแหลมมลายูสุมาตราและชวาก็ตามแต่ก็ยังคงแสดงถึงอิทธิพลการออกแบบที่มาจากอารับอินเดียและจีนซึ่งเดินเรือเข้ามาติดต่อค้าขายด้วยเหรียญเงินกลมมีตราดอกจันรูปสี่เหลี่ยมประทับไว้ด้านหนึ่งส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นอักษรสันสกฤตโบราณคำว่าวรแปลว่าประเสริฐเงินตราศรีวิชัยมีทั้งเนื้อเงินทองและอิเล็กตรัมและมี 3 ขนาดเช่นกันโดยที่ยังไม่พบเงินตราในรูปแบบอื่นจึงเชื่อว่าอาณาจักรแห่งนี้ผลิตเงินตราขึ้นใช้เพียงแบบเดียว อยุธยา-สมัยอาณาจักรสุโขทัยถึงสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลที่ 1-3 ใช้เงินพดด้วงซึ่งนับเป็นเงินตราไทยโดยแท้พดด้วงที่ใช้ในรัชสมัยนี้มีลักษณะเป็นก้อนกลมทำด้วยโลหะเงินปลายขางอเข้าหากันเป็นปลายแหลมมีรูขนาดใหญ่ระหว่างขามีตราประทับเพื่อแสดงถึงแหล่งผลิตตั้งแต่ 1 ตราไปจนถึง 7 ตราส่วนใหญ่ตราที่พบได้แก่ตราราชสีห์ช้างหอยสังข์ธรรมจักรบัวกระต่ายและราชวัตรนอกจากนี้ยังพบว่าในสมัยสุโขทัยมีการนำโลหะชนิดอื่นซึ่งไม่ใช่โลหะเงินเช่นดีบุกตะกั่วสังกะสีมาหลอมให้มีลักษณะคล้ายพดด้วงแต่มีขนาดใหญ่กว่าเรียกแตกต่างกันเช่นพดด้วงชินเงินคุบเงินชุบหรือเงินคุกรวมทั้งการใช้เบี้ยเป็นเงินปลีกสำหรับแลกเปลี่ยนสินค้าราคาต่ำด้วย
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
วิวัฒนาการของการแลกเปลี่ยนสินค้า ในปัจจุบันนี้ถือได้ว่ามี 3 ระยะนั่นคือ การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยตรง (Barter System) คือ การนำเอาผลผลิตมาแลกเปลี่ยนกันโดยตรง เช่น นำไข่ไปแลกกับข้าวสาร เป็นต้น แต่ระบบนี้มีปัญหาตรงที่ควรจะแลกขนาดไหน เช่น ถ้าข้าวสารจำนวนเท่านี้ ควรจะแลกไข่ได้เท่าใด จึงเกิด การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลาง (Money System) คือ การใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้านั่นเอง เช่น เงิน 20 บาท สามารถซื้อสมุดได้ 1 เล่ม เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเป็นจำนวนมาก หรือผู้ซื้อยังมีเงินไม่เพียงพอต่อการแลกเปลี่ยนขณะนั้น จึงมีการแลกเปลี่ยนซึ่งต้องใช้ความไว้วางใจต่อกันและกัน นั่นคือ การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้สินเชื่อหรือเครดิต (Credit System) เช่น การเช่าซื้อ(ผ่อนส่ง) การใช้เช็ค บัตรเครดิต เป็นต้น ทั้งสองอย่างหลังถือเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าทางอ้อม สุดท้ายในการค้าสมัยใหม่นี้จึงเกิดการแลกเปลี่ยนที่เรียกว่า การค้าแบบหักบัญชี (Account Trade) ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยการผสมผสานการแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งสามแบบเข้าด้วยกัน
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเหรียญกษาปณ์ เกิดขึ้น ในวิวัฒนาการระยะที่สองคือ การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลาง (Money System) นั่นเอง
วิวัฒนาการเหรียญกษาปณ์ไทย
ในช่วงแรกของการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลางนั้น ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ในสมัยอาณาจักรฟูนัน และสืบต่อมาในสมัยอาณาจักรทวารวดี และศรีวิชัย แต่ละยุคสมัยมีการปรับเปลี่ยนกันขึ้นมามีอำนาจ และมีการทำเงินตรารูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาใช้ในยุคของตน
จวบจนถึงสมัยอาณาจักรสุโขทัยต่างก็ยังไม่ได้ใช้เหรียญกษาปณ์ หากแต่ยังใช้สิ่งของอย่างอื่นในการแลกเปลี่ยน ซึ่งหาได้ หรือทำได้ง่ายๆ เช่น เงินพดด้วง(เงินคดด้วง หรือเงินกลม) ดัดแปลงมาจากเงินขอม(เงินแท่ง) และมอญ(เงินเหรียญ) หอยเบี้ย นอกเหนือจากนั้น ยังมีการใช้เงินตราแลกเปลี่ยนกันภายนอกประเทศ หรือมีอิทธิพลจากต่างชาติอีกด้วย เช่น เงินลานนา-เงินอานม้า เป็นเงินจีนนิยมใช้กันแถบยูนาน และใช้กันลงมาถึงภาคเหนือของไทย ใช้เงินพดด้วงจนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 กรุงรัตนโกสินทร์
และสุดท้ายหลังจากรัชกาลที่ 4 จึงใช้เริ่มใช้เหรียญกษาปณ์นั่นเอง

ฟูนัน
-สมัยอาณาจักรฟูนันหรือพนม เงินตราสมัยอาณาจักรฟูนันหรือพนม ใช้ในบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทยคลุมตลอดไปจนถึงทางตอนใต้ลุ่มแม่น้ำโขง มีการใช้เหรียญเงินรูปอาทิตย์อุทัยแบบเดียวเป็นเงินตราที่สำคัญ 3 ขนาด ในประเทศไทยมีการขุดพบเหรียญเงินฟูนันที่จังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และลพบุรี เป็นจำนวนมาก และพบตลอดลงไปจนถึงในภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เป็นชนิดทำด้วยดีบุก ด้วยการหล่อจากแม่พิมพ์ เงินตราฟูนันมีลักษณะเป็นเหรียญเงินกลมแบนมี 3 ขนาด ด้านหนึ่งภายในวงกลมชั้นในเป็นรูปอาทิตย์อุทัยครึ่งดวงแผ่รัศมีโดยรอบ คั่นด้วยจุดไข่ปลา ส่วนวงกลมชั้นนอกประดับด้วยจุดไข่ปลาโดยรอบเช่นกัน อีกด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ศรีวัตสะ(รูปสัญลักษณ์มงคลเกี่ยวกับคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู) ด้านบนเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์ มีสวัสดิกะและภัทรบิฐ(แท่นสําหรับเทพบดี หรือพระราชาประทับ)ขนาบที่ด้านข้าง ด้านล่างสุดเป็นจุดกลม 3 จุด

ทวารวดี
-สมัยอาณาจักรทวารวดี เงินตราสมัยอาณาจักรทวารวดีซึ่งใช้ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง บริเวณจังหวัดนครปฐม ใช้เหรียญเงินเป็นเงินตราสำคัญ มีอยู่หลายขนาดและรูปแบบที่แสดงถึงการนับถือพระพุทธศาสนา มีการใช้เหรียญทองคำเช่นกัน ระบบการผลิตเหรียญเงินยังคงเป็นระบบการตอกตรา จึงทำให้เหรียญมีลักษณะโค้งแบบก้นกระทะ นอกจากเหรียญที่เป็นเงินตราแล้ว ยังผลิตเหรียญที่มีตัวอักษร ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเหรียญที่ระลึกอีกด้วย เงินตราทวารวดีมีลักษณะเป็นเหรียญกลมมีทั้งชนิดเนื้อทองคำและเนื้อเงิน มีหลายรูปแบบและขนาด ส่วนมากประทับตราสังข์ล้อมด้วยจุดไข่ปลา อีกด้านหนึ่งเป็นรูปปราสาท มีวิวัชระอยู่ภายใน ประกอบด้วยแส้และขอช้างที่ด้านข้าง มีพระอาทิตย์ พระจันทร์อยู่ด้านบน มีปลาหรือน้ำอยู่ด้านล่าง มีเหรียญอีกกลุ่มหนึ่งที่มีข้อความเป็นอักษรสันสกฤตโบราณว่า ศรีทวารวดี ศวรปุณยะ แปลว่าบุญกุศลของพระราชาแห่งศรีทวารวดี และบางเหรียญมีข้อความว่า ศรี สุจริตวิกรานต แปลว่าวีรบุรุษผู้สุจริตอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปแม่วัวลูกวัว กาลาสะหรือบูรณกลศ ธรรมจักร สังข์ กวาง

ศรีวิชัย2
-สมัยอาณาจักรศรีวิชัย เงินตราสมัยอาณาจักรศรีวิชัย นิยมใช้ในเมือง ได้แก่ เมืองไชยา นครศรีธรรมราช ตลอดลงไปจนถึงเมืองปาเล็มบังในเกาะสุมาตรา มีการค้าทางทะเลเป็นสำคัญ อาณาจักรนี้ใช้เหรียญที่ผลิตจากโลหะทองคำ เงิน และอิเล็กตรัม ประทับตรา ดอกจัน ด้านหน้า อีกด้านหนึ่งมีอักษรสันสกฤตคำว่า วร เรียกว่า เงินดอกจัน มีลักษณะเหมือนเหรียญเงินของชาวลิเดีย อาณาจักรต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังอาณาจักรในยุคแรกที่ผลิตเหรียญขึ้นใช้นั้น แม้ว่าต่างก็มีระบบเงินตราเป็นของตนเองทั้งในแหลมมลายู สุมาตรา และชวา ก็ตาม แต่ก็ยังคงแสดงถึงอิทธิพลการออกแบบที่มาจากอารับ อินเดีย และจีน ซึ่งเดินเรือเข้ามาติดต่อค้าขายด้วย เหรียญเงินกลมมีตราดอกจันรูปสี่เหลี่ยมประทับไว้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นอักษรสันสกฤตโบราณคำว่า วร แปลว่า ประเสริฐ เงินตราศรีวิชัยมีทั้งเนื้อเงิน ทอง และอิเล็กตรัมและมี 3 ขนาดเช่นกัน โดยที่ยังไม่พบเงินตราในรูปแบบอื่น จึงเชื่อว่าอาณาจักรแห่งนี้ผลิตเงินตราขึ้นใช้เพียงแบบเดียว

อยุธยา
-สมัยอาณาจักรสุโขทัย ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลที่ 1-3 ใช้ เงินพดด้วง ซึ่งนับเป็นเงินตราไทยโดยแท้ พดด้วงที่ใช้ในรัชสมัยนี้มีลักษณะเป็นก้อนกลม ทำด้วยโลหะเงิน ปลายขางอเข้าหากันเป็นปลายแหลม มีรูขนาดใหญ่ระหว่างขา มีตราประทับเพื่อแสดงถึงแหล่งผลิตตั้งแต่ 1 ตรา ไปจนถึง 7 ตราส่วนใหญ่ตราที่พบได้แก่ ตราราชสีห์ ช้าง หอยสังข์ ธรรมจักร บัว กระต่าย และราชวัตร นอกจากนี้ ยังพบว่าในสมัยสุโขทัยมีการนำโลหะชนิดอื่นซึ่งไม่ใช่โลหะเงิน เช่น ดีบุก ตะกั่ว สังกะสี มาหลอมให้มีลักษณะคล้ายพดด้วงแต่มีขนาดใหญ่กว่า เรียกแตกต่างกัน เช่น พดด้วงชิน เงินคุบ เงินชุบ หรือเงินคุก รวมทั้งการใช้เบี้ยเป็นเงินปลีกสำหรับแลกเปลี่ยนสินค้าราคาต่ำด้วย
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
วิวัฒนาการของการแลกเปลี่ยนสินค้าในปัจจุบันนี้ถือได้ว่ามี 3 ระยะนั่นคือการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยตรง ( ระบบซื้อขายสินค้า ) ความการนำเอาผลผลิตมาแลกเปลี่ยนกันโดยตรงเช่นนำไข่ไปแลกกับข้าวสารเป็นต้นเช่นถ้าข้าวสารจำนวนเท่านี้ควรจะแลกไข่ได้เท่าใดจึงเกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลางระบบ ( เงิน ) ความการใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้านั่นเองเช่นเงิน 20 บาทสามารถซื้อสมุดได้ 1 เล่มต่อมาเมื่อมีการซื้อขายสินค้าเป็นจำนวนมากหรือผู้ซื้อยังมีเงินไม่เพียงพอต่อการแลกเปลี่ยนขณะนั้นจึงมีการแลกเปลี่ยนซึ่งต้องใช้ความไว้วางใจต่อกันและกันนั่นคือการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้สินเชื่อหรือเครดิตระบบเช่นการเช่าซื้อ ( ผ่อนส่ง ) การใช้เช็คบัตรเครดิตเป็นต้นทั้งสองอย่างหลังถือเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าทางอ้อมสุดท้ายในการค้าสมัยใหม่นี้จึงเกิดการแลกเปลี่ยนที่เรียกว่าการค้าแบบหักบัญชีการค้า ( บัญชี )ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเหรียญกษาปณ์เกิดขึ้นในวิวัฒนาการระยะที่สองคือการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลางระบบ ( เงิน ) นั่นเอง

วิวัฒนาการเหรียญกษาปณ์ไทยในช่วงแรกของการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยใช้เงินเป็นสื่อกลางนั้นซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ในสมัยอาณาจักรฟูนันและสืบต่อมาในสมัยอาณาจักรทวารวดีและศรีวิชัยแต่ละยุคสมัยมีการปรับเปลี่ยนกันขึ้นมามีอำนาจจะขึ้นมาใช้ในยุคของตน
จวบจนถึงสมัยอาณาจักรสุโขทัยต่างก็ยังไม่ได้ใช้เหรียญกษาปณ์หากแต่ยังใช้สิ่งของอย่างอื่นในการแลกเปลี่ยนซึ่งหาได้หรือทำได้ง่ายๆเช่นเงินพดด้วง ( เงินคดด้วงหรือเงินกลม ) ดัดแปลงมาจากเงินขอม ( เงินแท่ง )หอยเบี้ยนอกเหนือจากนั้นยังมีการใช้เงินตราแลกเปลี่ยนกันภายนอกประเทศหรือมีอิทธิพลจากต่างชาติอีกด้วยเช่นเงินลานนา - เงินอานม้าเป็นเงินจีนนิยมใช้กันแถบยูนานและใช้กันลงมาถึงภาคเหนือของไทยกรุงรัตนโกสินทร์
3และสุดท้ายหลังจากรัชกาลที่ 4 จึงใช้เริ่มใช้เหรียญกษาปณ์นั่นเอง


ฟูนัน- สมัยอาณาจักรฟูนันหรือพนมเงินตราสมัยอาณาจักรฟูนันหรือพนมใช้ในบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทยคลุมตลอดไปจนถึงทางตอนใต้ลุ่มแม่น้ำโขงมีการใช้เหรียญเงินรูปอาทิตย์อุทัยแบบเดียวเป็นเงินตราที่สำคัญ 3ในประเทศไทยมีการขุดพบเหรียญเงินฟูนันที่จังหวัดปราจีนบุรีชลบุรีนครปฐมสุพรรณบุรีและลพบุรีเป็นจำนวนมากและพบตลอดลงไปจนถึงในภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแต่เป็นชนิดทำด้วยดีบุกด้วยการหล่อจากแม่พิมพ์3 ด้านหนึ่งภายในวงกลมชั้นในเป็นรูปอาทิตย์อุทัยครึ่งดวงแผ่รัศมีโดยรอบ Friday ' คั่นด้วยจุดไข่ปลาส่วนวงกลมชั้นนอกประดับด้วยจุดไข่ปลาโดยรอบเช่นกันด้านบนเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์มีสวัสดิกะและภัทรบิฐ ( แท่นสําหรับเทพบดีหรือพระราชาประทับ ) ขนาบที่ด้านข้างด้านล่างสุดเป็นจุดกลมจุด
3

ทวารวดี- สมัยอาณาจักรทวารวดีเงินตราสมัยอาณาจักรทวารวดีซึ่งใช้ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางบริเวณจังหวัดนครปฐมใช้เหรียญเงินเป็นเงินตราสำคัญมีอยู่หลายขนาดและรูปแบบที่แสดงถึงการนับถือพระพุทธศาสนาระบบการผลิตเหรียญเงินยังคงเป็นระบบการตอกตราจึงทำให้เหรียญมีลักษณะโค้งแบบก้นกระทะนอกจากเหรียญที่เป็นเงินตราแล้วยังผลิตเหรียญที่มีตัวอักษรซึ่งเข้าใจว่าเป็นเหรียญที่ระลึกอีกด้วยมีหลายรูปแบบและขนาดส่วนมากประทับตราสังข์ล้อมด้วยจุดไข่ปลาอีกด้านหนึ่งเป็นรูปปราสาทมีวิวัชระอยู่ภายในประกอบด้วยแส้และขอช้างที่ด้านข้างมีพระอาทิตย์พระจันทร์อยู่ด้านบนมีปลาหรือน้ำอยู่ด้านล่างศรีทวารวดีศวรปุณยะแปลว่าบุญกุศลของพระราชาแห่งศรีทวารวดีและบางเหรียญมีข้อความว่าศรีสุจริตวิกรานตแปลว่าวีรบุรุษผู้สุจริตอยู่ด้านหนึ่งส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปแม่วัวลูกวัวกาลาสะหรือบูรณกลศธรรมจักรกวาง


ศรีวิชัย 2- สมัยอาณาจักรศรีวิชัยเงินตราสมัยอาณาจักรศรีวิชัยนิยมใช้ในเมืองได้แก่เมืองไชยานครศรีธรรมราชตลอดลงไปจนถึงเมืองปาเล็มบังในเกาะสุมาตรามีการค้าทางทะเลเป็นสำคัญอาณาจักรนี้ใช้เหรียญที่ผลิตจากโลหะทองคำและอิเล็กตรัมประทับตราดอกจันด้านหน้าอีกด้านหนึ่งมีอักษรสันสกฤตคำว่าวรเรียกว่าเงินดอกจันมีลักษณะเหมือนเหรียญเงินของชาวลิเดียอาณาจักรต่างๆที่เกิดขึ้นภายหลังอาณาจักรในยุคแรกที่ผลิตเหรียญขึ้นใช้นั้นสุมาตราและชวาก็ตามแต่ก็ยังคงแสดงถึงอิทธิพลการออกแบบที่มาจากอารับอินเดียและจีนซึ่งเดินเรือเข้ามาติดต่อค้าขายด้วยเหรียญเงินกลมมีตราดอกจันรูปสี่เหลี่ยมประทับไว้ด้านหนึ่งวรแปลว่าประเสริฐเงินตราศรีวิชัยมีทั้งเนื้อเงินทองและอิเล็กตรัมและมีขนาดเช่นกันโดยที่ยังไม่พบเงินตราในรูปแบบอื่นจึงเชื่อว่าอาณาจักรแห่งนี้ผลิตเงินตราขึ้นใช้เพียงแบบเดียว
3

อยุธยา- สมัยอาณาจักรสุโขทัยถึงสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลที่ 1-3 ใช้เงินพดด้วงซึ่งนับเป็นเงินตราไทยโดยแท้พดด้วงที่ใช้ในรัชสมัยนี้มีลักษณะเป็นก้อนกลมทำด้วยโลหะเงินปลายขางอเข้าหากันเป็นปลายแหลมมีตราประทับเพื่อแสดงถึงแหล่งผลิตตั้งแต่ 1 ตราไปจนถึง 7 ตราส่วนใหญ่ตราที่พบได้แก่ตราราชสีห์ช้างหอยสังข์ธรรมจักรบัวกระต่ายและราชวัตรนอกจากนี้ยังพบว่าในสมัยสุโขทัยมีการนำโลหะชนิดอื่นซึ่งไม่ใช่โลหะเงินดีบุกตะกั่วสังกะสีมาหลอมให้มีลักษณะคล้ายพดด้วงแต่มีขนาดใหญ่กว่าเรียกแตกต่างกันเช่นพดด้วงชินเงินคุบเงินชุบหรือเงินคุกรวมทั้งการใช้เบี้ยเป็นเงินปลีกสำหรับแลกเปลี่ยนสินค้าราคาต่ำด้วย
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: