Earlier studies by Fokunanget al. (

Earlier studies by Fokunanget al. (2000b), have shown that pathogenicity and virulence of C. gloeosporioides f.sp. manihotis on cassava genotypes were correlated with sporulation density and germ tube development. Greenhouse and field evaluation of cassava cultivars for resistance to CAD confirmed the results from the screening test. According to Friend (1981), plant resistance is mainly associated with phenol metabolic changes, which is a common resistance reaction in many plants . The increased resistance in cassava cultivars to anthracnose disease was investigated by Van der Bruggen and Maraite (1987). Their results showed that the increase in resistance of cassava to CAD was associated with an increase in peroxidase activity around the dark brown lesions form ed. The peroxidase participates in the last stage of lignin synthesis and also plays a role in the development of the brown margin of the lesion s which is a defence mechanism of the plant against the pathogen (Van der Bruggen et al., 1990).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาก่อนหน้าโดย fokunanget อัล (2000b) พบว่าทำให้เกิดโรคและความรุนแรงของ C f.sp. gloeosporioides manihotis เมื่อยีนมันสำปะหลังมีความสัมพันธ์ที่มีความหนาแน่นสร้างสปอร์และการพัฒนาหลอดเชื้อโรค การประเมินผลเรือนกระจกและสาขาพันธุ์มันสำปะหลังสำหรับความต้านทานต่อ CAD ได้รับการยืนยันผลที่ได้จากการทดสอบการคัดกรอง ตามเพื่อน (1981),พืชต้านทานเป็นส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญฟีนอลซึ่งเป็นปฏิกิริยาต้านทานทั่วไปในพืชหลายชนิด เพิ่มความต้านทานในสายพันธุ์มันสำปะหลังต่อการเกิดโรคแอนแทรกถูกตรวจสอบโดยแวนเดอร์ Bruggen และ maraite (1987)ผลของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของความต้านทานของมันสำปะหลังถึง CAD มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นในกิจกรรม peroxidase รอบมืดรูปแบบแผลสีน้ำตาลเอ็ด peroxidase มีส่วนร่วมในขั้นตอนสุดท้ายของการสังเคราะห์ลิกนินและยังมีบทบาทในการพัฒนาของขอบสีน้ำตาลของแผล s ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันของพืชกับเชื้อโรค (แวนเดอร์ Bruggen, et al.,1990)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาก่อนหน้านี้ โดย Fokunanget al. (2000b), มีแสดงว่า pathogenicity virulence ของ C. gloeosporioides f.sp และ manihotis ในการศึกษาจีโนไทป์ของมันสำปะหลังถูก correlated sporulation ความหนาแน่นและพัฒนาจมูกหลอด เรือนกระจกและฟิลด์การประเมินของพันธุ์มันสำปะหลังสำหรับ CAD เพื่อยืนยันผลลัพธ์จากการทดสอบคัดกรอง ตามเพื่อน (1981), ความต้านทานของพืชเป็นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเผาผลาญวาง ซึ่งจะมีปฏิกิริยาต้านทานทั่วไปในพืช ต้านทานเพิ่มขึ้นในพันธุ์มันสำปะหลังโรค anthracnose ถูกสอบสวน โดย Van der Bruggen และ Maraite (1987) ผลลัพธ์พบว่า เพิ่มความต้านทานของมันสำปะหลังกับ CAD ที่สัมพันธ์กับการเพิ่มกิจกรรม peroxidase สถานมืดได้สีน้ำตาลแบบ ed มีส่วนร่วมในขั้นตอนสุดท้ายของการสังเคราะห์ lignin peroxidase ใน และยัง มีบทบาทในการพัฒนาของขอบสีน้ำตาลของ s แผลซึ่งเป็นกลไกการป้องกันของพืชจากการศึกษา (Van der Bruggen et al., 1990)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาก่อนหน้าโดย fokunanget al . ( 2000 b )ได้แสดงให้เห็นว่าร้ายกาจและ pathogenicity gloeosporioides ของ C . F . sp . manihotis บน genotypes มันสำปะหลังมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาท่อดูดฝุ่นเชื้อโรคความหนาแน่นและ sporulation โรงเรือนและการประเมินผลของฟิลด์ cultivars มันสำปะหลังเพื่อความทนทานต่อ CAD ,การยืนยันผลที่ได้จากการทดสอบการสรรหา ตามเพื่อน( 1981 )การต่อต้านพืชมีการเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงอาการโรคทางเมตาบอลิซึมพีทีทีฟีนอลซึ่งมีปฏิกิริยาต่อต้านโดยทั่วไปที่อยู่ในโรงงานจำนวนมากส่วนใหญ่ ความต้านทานที่เพิ่มขึ้นใน cultivars มันสำปะหลังโรค anthracnose เป็นการสอบสวนโดยรถตู้เดอร์ bruggen และ maraite ( 1987 )ผลการศึกษาพบว่าของที่เพิ่มขึ้นในการต่อต้านของมันสำปะหลังไปยัง CAD ,มีความเกี่ยวข้องกับที่เพิ่มขึ้นในการทำงานของ peroxidase รอบสีน้ำตาลเข้ม lesions รูปแบบล่ะที่ peroxidase เข้าร่วมในเวทีของ lignin การสังเคราะห์และนอกจากนี้ยังมีบทบาทในการพัฒนาของสีน้ำตาลขอบของแผลฟกช้ำ S ซึ่งเป็นกลไกของการป้องกันที่โรงงานผลิตกับที่เชื้อ(เดอร์ bruggen et al .,1990 ).