Background: Diabetes is one of the

Background: Diabetes is one of the most common diseases, which requires lifelong self-care to improve the quality of life.
Objectives: The current study aimed to determine the impact of self-care education programs on reducing HbA1c in patients with type 2 diabetes.
Patients and Methods: The current experimental study was conducted on 138 female patients with type 2 diabetes in Zahedan city, Iran. The data were collected by a self-administered questionnaire which included items on demographics, awareness, beliefs, Self-care behaviors. Before the educational intervention, the (HbA1c) test check list was completed for the patients in both groups. Then the training was applied for the intervention group in five 60-minute educational sessions within one month. Three months following the training, the data collection based on the check list was repeated for both groups. Data were analyzed using SPSS software.
Results: The mean scores of awareness, beliefs, Self-care behaviors of the educational group, were 46.6 ± 8.57, 46.5 ± 0.86 and 29.06 ± 10.02, respectively; and it was found that after the education, knowledge, attitude, and self-care scores increased significantly (P < 0.001 Before the training, the scores of self-care, beliefs, and awareness were less than average in the intervention and control groups. In addition, the levels of HbA1c in the patients were higher than the normal levels. Following the intervention, the mean of self-care and HbA1c of the intervention group significantly reduced as compared with those of the control group (P < 0.001).
Conclusions: Self-care training instructions led to improve knowledge, attitude, and performance of the subjects under study and also the average HbA1c. Therefore, the nurses and health care staff should be educated accordingly.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลัง: โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในโรคพบมากที่สุด ซึ่งต้องสุขภาพรองเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตวัตถุประสงค์: การศึกษาปัจจุบันมุ่งเพื่อกำหนดผลกระทบของสุขภาพการศึกษาโปรแกรมลด HbA1c ในผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานชนิดที่ 2ผู้ป่วยและวิธีการ: ปัจจุบันทดลองการวิจัยในผู้ป่วยหญิง 138 กับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในเมือง Zahedan ประเทศอิหร่าน ข้อมูลถูกรวบรวมตามแบบสอบถามที่ปกครองตนเองซึ่งรวมรายการข้อมูลประชากร ความรู้ ความเชื่อ พฤติกรรมสุขภาพ ก่อนที่จะแทรกแซงเพื่อการศึกษา รายการตรวจสอบทดสอบ (HbA1c) เสร็จสมบูรณ์สำหรับผู้ป่วยในกลุ่มทั้ง แล้ว การฝึกที่ใช้กลุ่มแทรกแซงในช่วงศึกษา 60 นาทีห้าภายในหนึ่งเดือน สามเดือนหลังฝึกอบรม เก็บรวบรวมข้อมูลตามรายการตรวจสอบที่ซ้ำสำหรับทั้งกลุ่ม มีวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์: คะแนนเฉลี่ยของความรู้ ความเชื่อ พฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มศึกษา ก็± 46.6 8.57, ±± 0.86 และ 29.06 46.5 10.02 ตาม ลำดับ และพบว่า หลังการศึกษา คะแนนความรู้ ทัศนคติ และสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.001 ก่อนการฝึก คะแนนสุขภาพ ความเชื่อ และความรู้มีค่าเฉลี่ยน้อยกว่าในกลุ่มควบคุมและแทรกแซง นอกจากนี้ ระดับของ HbA1c ในผู้ป่วยสูงกว่าระดับปกติ ต่อสู่ ค่าเฉลี่ยของสุขภาพและ HbA1c ของกลุ่มแทรกแซงลดตกของกลุ่มควบคุม (P < 0.001)บทสรุป: คำแนะนำฝึกอบรมสุขภาพนำไปสู่พัฒนาความรู้ ทัศนคติ และประสิทธิภาพการทำงานของเรื่องศึกษาและ HbA1c เฉลี่ย ดังนั้น พยาบาลและเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพควรศึกษาตาม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พื้นหลัง: โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในโรคที่พบมากที่สุดที่ต้องใช้ตลอดชีวิตการดูแลตนเองในการปรับปรุงคุณภาพของชีวิต.
วัตถุประสงค์: การศึกษาในปัจจุบันมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของการดูแลตนเองโปรแกรมการศึกษาในการลด HbA1c ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ผู้ป่วยและวิธีการ: การศึกษาทดลองในปัจจุบันได้ดำเนินการใน 138 ผู้ป่วยหญิงที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในเมือง Zahedan อิหร่าน เก็บข้อมูลโดยแบบสอบถามซึ่งรวมถึงรายการในประชากร, การรับรู้, ความเชื่อ, พฤติกรรมการดูแลตนเอง ก่อนที่จะมีการแทรกแซงการศึกษา, (HbA1c) รายการตรวจสอบการทดสอบเสร็จสมบูรณ์สำหรับผู้ป่วยในทั้งสองกลุ่ม การฝึกอบรมจากนั้นถูกนำไปใช้สำหรับกลุ่มแทรกแซงในห้า 60 นาทีการประชุมการศึกษาภายในหนึ่งเดือน สามเดือนต่อไปนี้การฝึกอบรมการจัดเก็บข้อมูลตามรายการตรวจสอบซ้ำสำหรับทั้งสองกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ซอฟแวร์โปรแกรม SPSS.
ผลการศึกษา: ค่าเฉลี่ยของการรับรู้, ความเชื่อ, พฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุ่มการศึกษาเป็น 46.6 ± 8.57, 46.5 ± 0.86 และ 29.06 ± 10.02 ตามลำดับ; และมันก็พบว่าหลังจากการศึกษาความรู้ทัศนคติและคะแนนการดูแลตนเองที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (p <0.001 ก่อนการฝึกอบรม, คะแนนของการดูแลตนเองความเชื่อและการรับรู้ได้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในการแทรกแซงและกลุ่มควบคุม นอกจากนี้ระดับของ HbA1c ในผู้ป่วยที่มีค่าสูงกว่าระดับปกติ. ต่อไปนี้การแทรกแซงค่าเฉลี่ยของการดูแลตนเองและ HbA1c ของกลุ่มทดลองลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (p <0.001).
สรุปผลการวิจัย :. คำแนะนำการฝึกอบรมการดูแลตนเองนำไปสู่การพัฒนาความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติงานของอาสาสมัครภายใต้การศึกษาและยัง HbA1c เฉลี่ยดังนั้นพยาบาลและการดูแลสุขภาพพนักงานควรได้รับการศึกษาตาม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลัง : โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในโรคที่พบมากที่สุด ซึ่งต้องมีการดูแลตนเองตลอดชีวิต เพื่อปรับปรุงคุณภาพของชีวิต
วัตถุประสงค์การศึกษาปัจจุบันมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของโครงการ การลดการใช้ยาในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 .
ผู้ป่วยและวิธีการ : ศึกษาทดลอง ปัจจุบันได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยหญิงที่มีลักษณะ 138 2 โรคเบาหวานใน iran . kgm เมืองอิหร่าน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามซึ่งประกอบด้วยรายการในประชากร ความรู้ ความเชื่อ พฤติกรรม การดูแลตนเอง ก่อนการทดลอง การศึกษา ( ตาล ) ตรวจสอบรายการทดสอบแล้วเสร็จในผู้ป่วยทั้งสองกลุ่ม แล้วการใช้กลุ่มแทรกแซงในห้านาทีที่ 60 การศึกษาครั้งภายในหนึ่งเดือนสามเดือนหลังการฝึกอบรม ข้อมูลที่รวบรวมได้จากรายการตรวจสอบกันทั้งกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS .
ผลคะแนนเฉลี่ยของความรู้ ความเชื่อ พฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุ่มการศึกษา , 46.6 ± 8.57 , 46.5 ± 0.86 และ 29.06 ± 10.02 ตามลำดับ และพบว่า หลังการศึกษา ความรู้ ทัศนคติและคะแนนการดูแลตนเองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p < 0.001 ก่อนฝึก คะแนนของตนเอง ความเชื่อ และการรับรู้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในการ ทดลองและกลุ่มควบคุม นอกจากนี้ ระดับของการใช้ยาในผู้ป่วยสูงกว่าระดับปกติ หลังกิจกรรมแทรกแซงค่าเฉลี่ยของพฤติกรรมการดูแลตนเองและพัฒนาของกลุ่มลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ( p < 0.001 ) .
สรุป : การดูแลตนเองเพื่อปรับปรุงคำแนะนำการฝึกอบรมนำความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติงานของระดับการศึกษา และยังมีผลโดยเฉลี่ย ดังนั้น พยาบาลควรได้รับการศึกษาและการดูแลสุขภาพพนักงาน ตาม