Between the 1980s and the 2000s, th

Between the 1980s and the 2000s, the mobile phone has gone from being an expensive item used by the business elite to a pervasive, personal communications tool for the general population. In most countries, mobile phones outnumber land-line phones, with fixed landlines numbering 1.3 billion but mobile subscriptions 3.3 billion at the end of 2007.

In many markets from Japan and South Korea, to Europe, to Malaysia, Singapore, Taiwan and Hong Kong, most children age 8-9 have mobile phones and the new accounts are now opened for customers aged 6 and 7. Where mostly parents tend to give hand-me-down used phones to their youngest children, in Japan already new cameraphones are on the market whose target age group is under 10 years of age, introduced by KDDI in February 2007. The USA also lags on this measure, as in the US so far, about half of all children have mobile phones.[37] In many young adults' households it has supplanted the land-line phone. Mobile phone usage is banned in some countries, such as North Korea and restricted in some other countries such as Burma.[38]

Given the high levels of societal mobile phone service penetration, it is a key means for people to communicate with each other. The SMS feature spawned the "texting" sub-culture amongst younger users. In December 1993, the first person-to-person SMS text message was transmitted in Finland. Currently, texting is the most widely used data service; 1.8 billion users generated $80 billion of revenue in 2006 (source ITU). Many phones offer Instant Messenger services for simple, easy texting. Mobile phones have Internet service (e.g. NTT DoCoMo's i-mode), offering text messaging via e-mail in Japan, South Korea, China, and India. Most mobile internet access is much different from computer access, featuring alerts, weather data, e-mail, search engines, instant messages, and game and music downloading; most mobile internet access is hurried and short.

Because mobile phones are often used publicly, social norms have been shown to play a major role in the usage of mobile phones.[39] Furthermore, the mobile phone can be a fashion totem custom-decorated to reflect the owner's personality[40] and may be a part of their self-identity.[39] This aspect of the mobile telephony business is, in itself, an industry, e.g. ringtone sales amounted to $3.5 billion in 2005.[41] Mobile phone use on aircraft is starting to be allowed with several airlines already offering the ability to use phones during flights. Mobile phone use during flights used to be prohibited and many airlines still claim in their in-plane announcements that this prohibition is due to possible interference with aircraft radio communications. Shut-off mobile phones do not interfere with aircraft avionics. The recommendation why phones should not be used during take-off and landing, even on planes that allow calls or messaging, is so that passengers pay attention to the crew for any possible accident situations, as most aircraft accidents happen on take-off and landing.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Between the 1980s and the 2000s, the mobile phone has gone from being an expensive item used by the business elite to a pervasive, personal communications tool for the general population. In most countries, mobile phones outnumber land-line phones, with fixed landlines numbering 1.3 billion but mobile subscriptions 3.3 billion at the end of 2007.In many markets from Japan and South Korea, to Europe, to Malaysia, Singapore, Taiwan and Hong Kong, most children age 8-9 have mobile phones and the new accounts are now opened for customers aged 6 and 7. Where mostly parents tend to give hand-me-down used phones to their youngest children, in Japan already new cameraphones are on the market whose target age group is under 10 years of age, introduced by KDDI in February 2007. The USA also lags on this measure, as in the US so far, about half of all children have mobile phones.[37] In many young adults' households it has supplanted the land-line phone. Mobile phone usage is banned in some countries, such as North Korea and restricted in some other countries such as Burma.[38]ให้ระดับสูงของข้อมูลโทรศัพท์มือถือบริการเจาะ ได้คีย์หมายถึงสำหรับคนที่จะสื่อสารกัน คุณลักษณะ SMS เกิดวัฒนธรรมย่อย "texting" ท่ามกลางผู้คน ในเดือน 1993 ธันวาคม แรกเกิด SMS ข้อความข้อความที่ส่งในประเทศฟินแลนด์ ปัจจุบัน texting เป็นบริการข้อมูลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด ผู้ใช้ 1.8 พันล้านสร้าง $80 ล้านรายได้ในปี 2549 (ต้นทาง ITU) โทรศัพท์มือถือมากมายให้บริการ Messenger โต้ตอบแบบทันทีสำหรับ texting ง่าย ง่าย โทรศัพท์มือถือมีบริการอินเตอร์เน็ต (เช่นเอ็นทีทีโดโคโมไอโหมด), นำเสนอข้อความที่ส่งผ่านทางอีเมล์ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และอินเดีย เน็ตมือถือมากที่สุดจะแตกต่างกันมากจากการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ แจ้งเตือน ข้อมูลสภาพอากาศ อีเมล ค้นหา ข้อ ความโต้ตอบแบบทันที และเกม และเพลง ดาวน์โหลด เน็ตมือถือมากที่สุดคือรีบ และสั้นBecause mobile phones are often used publicly, social norms have been shown to play a major role in the usage of mobile phones.[39] Furthermore, the mobile phone can be a fashion totem custom-decorated to reflect the owner's personality[40] and may be a part of their self-identity.[39] This aspect of the mobile telephony business is, in itself, an industry, e.g. ringtone sales amounted to $3.5 billion in 2005.[41] Mobile phone use on aircraft is starting to be allowed with several airlines already offering the ability to use phones during flights. Mobile phone use during flights used to be prohibited and many airlines still claim in their in-plane announcements that this prohibition is due to possible interference with aircraft radio communications. Shut-off mobile phones do not interfere with aircraft avionics. The recommendation why phones should not be used during take-off and landing, even on planes that allow calls or messaging, is so that passengers pay attention to the crew for any possible accident situations, as most aircraft accidents happen on take-off and landing.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระหว่างปี 1980 และ 2000, โทรศัพท์มือถือได้หายไปจากการเป็นรายการที่มีราคาแพงมาใช้โดยยอดธุรกิจไปยังแพร่หลายเครื่องมือสื่อสารส่วนบุคคลสำหรับประชาชนทั่วไป ในประเทศส่วนใหญ่โทรศัพท์มือถือมีจำนวนมากกว่าโทรศัพท์ที่ดินสายกับโทรศัพท์บ้านคงที่หมายเลข 1300000000 แต่การบอกรับสมาชิกมือถือ 3300000000 ในตอนท้ายของปี 2007 ในตลาดจำนวนมากจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ไปยุโรปไปยังประเทศมาเลเซีย, สิงคโปร์, ไต้หวันและฮ่องกง อายุเด็กส่วนใหญ่ 8-9 มีโทรศัพท์มือถือและบัญชีใหม่จะเปิดตอนนี้สำหรับลูกค้าที่มีอายุ 6 และ 7 ส่วนใหญ่ในกรณีที่พ่อแม่มักจะให้ใช้มือฉันลงโทรศัพท์ให้กับเด็กที่อายุน้อยที่สุดของพวกเขาในประเทศญี่ปุ่น cameraphones ใหม่อยู่แล้วใน ตลาดที่มีกลุ่มอายุเป้าหมายคืออายุต่ำกว่า 10 ปีนำโดย KDDI ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 ประเทศสหรัฐอเมริกายังล่าช้าในวัดนี้เช่นในสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ห่างไกลประมาณครึ่งหนึ่งของเด็กทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ. [37] ในผู้ใหญ่หนุ่มสาวจำนวนมาก 'ผู้ประกอบการจะได้แทนที่โทรศัพท์ที่ดินบรรทัด ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งต้องห้ามในบางประเทศเช่นเกาหลีเหนือและ จำกัด ในบางประเทศอื่น ๆ เช่นพม่า. [38] ได้รับการระดับสูงของโทรศัพท์มือถือเจาะบริการสังคมมันเป็นวิธีการที่สำคัญสำหรับคนที่จะสื่อสารกับแต่ละอื่น ๆ คุณลักษณะ SMS กลับกลายเป็นว่า "ส่งข้อความ" วัฒนธรรมย่อยในหมู่ผู้ใช้ที่อายุน้อยกว่า ในเดือนธันวาคมปี 1993 ข้อความ SMS จากคนถึงคนแรกที่ถูกส่งในฟินแลนด์ ปัจจุบันการส่งข้อความเป็นบริการข้อมูลใช้กันอย่างแพร่หลาย; 1800000000 ผู้ใช้สร้าง $ 80000000000 ของรายได้ในปี 2006 (ที่มา ITU) โทรศัพท์จำนวนมากให้บริการ Messenger ได้ทันทีสำหรับง่าย texting ง่าย โทรศัพท์มือถือมีบริการอินเทอร์เน็ต (เช่น NTT DoCoMo ของฉัน-mode) นำเสนอการส่งข้อความผ่านทาง e-mail ที่ในประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน, และอินเดีย การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนมือถือส่วนใหญ่มากแตกต่างจากการเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการแจ้งเตือนข้อมูลสภาพอากาศ, อีเมลเครื่องมือค้นหาข้อความโต้ตอบแบบทันทีและเกมและดาวน์โหลดเพลง; การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนมือถือมากที่สุดคือรีบและระยะสั้น. เนื่องจากโทรศัพท์มือถือมักจะใช้ต่อสาธารณชนบรรทัดฐานของสังคมได้รับการแสดงที่จะมีบทบาทสำคัญในการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ. [39] นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือสามารถเป็นสัญลักษณ์แฟชั่นที่กำหนดเองตกแต่ง สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของเจ้าของ [40] และอาจเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของตัวเองของพวกเขา. [39] แง่มุมของธุรกิจโทรศัพท์มือถือนี้เป็นในตัวเองในอุตสาหกรรมเช่นการขายเสียงเรียกเข้าเป็นจำนวนเงิน $ 3500000000 ในปี 2005 [41] การใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินเริ่มที่จะได้รับอนุญาตให้มีหลายสายการบินที่มีอยู่แล้วนำเสนอความสามารถในการใช้โทรศัพท์ในระหว่างเที่ยวบิน การใช้งานโทรศัพท์มือถือในระหว่างเที่ยวบินที่ใช้ในการได้รับอนุญาตและมีหลายสายการบินที่ยังคงเรียกร้องในการประกาศในเครื่องบินของพวกเขาที่ห้ามนี้เป็นเพราะการแทรกแซงเป็นไปได้กับการสื่อสารทางวิทยุเครื่องบิน ปิดโทรศัพท์มือถือไม่ยุ่งเกี่ยวกับการบินเครื่องบิน ข้อเสนอแนะว่าทำไมโทรศัพท์ไม่ควรนำมาใช้ในช่วงเวลาปิดและเชื่อมโยงไปถึงแม้กระทั่งบนเครื่องบินที่ช่วยให้การโทรหรือส่งข้อความเป็นเพื่อให้ผู้โดยสารให้ความสนใจกับลูกเรือสำหรับสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุที่เป็นไปได้เป็นส่วนใหญ่การเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินเกิดขึ้นในเวลาปิดและเชื่อมโยงไปถึง .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระหว่างปี 1980 และ 2000 , โทรศัพท์มือถือได้หายไปจากการถูกแพงสินค้าที่ใช้โดยธุรกิจชั้นนำให้แพร่หลาย เครื่องมือสื่อสารส่วนบุคคลสำหรับประชากรทั่วไป ในประเทศส่วนใหญ่ โทรศัพท์มือถือมีมากกว่าโทรศัพท์สายที่ดิน กับซ่อมโทรศัพท์บ้านจำนวน 1.3 พันล้าน แต่สามารถรับ 3.3 พันล้าน ณ สิ้นปี 2550

ในตลาดมากมาย จากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ยุโรป มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง ที่เด็กอายุ 8-9 มีโทรศัพท์มือถือและบัญชีใหม่จะเปิดให้ลูกค้าที่อายุ 6 และ 7 ที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะให้มือฉันลงใช้โทรศัพท์มือถือของเด็กที่อายุน้อยที่สุดในญี่ปุ่น cameraphones ใหม่อยู่แล้วในตลาดเป้าหมายกลุ่มที่มีอายุกว่า 10 ปี เปิดตัวโดย บริษัท ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550สหรัฐอเมริกายังล่าช้าในวัดนี้ ในสหรัฐฯ ดังนั้นไกล ประมาณครึ่งหนึ่งของเด็กทั้งหมดมีโทรศัพท์มือถือ [ 37 ] ในผู้ใหญ่หนุ่มหลายครัวเรือนได้แทนที่บรรทัดที่ดินโทรศัพท์ การใช้โทรศัพท์มือถือถูกห้ามในบางประเทศ เช่น เกาหลี และ จำกัด ในบางประเทศอื่น ๆเช่น พม่า [ 38 ]

ให้ระดับสูงของสังคมการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ สอดใส่มันเป็นวิธีการที่สำคัญสำหรับคนที่จะสื่อสารกับแต่ละอื่น ๆ SMS มี spawned " texting " วัฒนธรรมย่อยในหมู่ผู้ใช้น้อง ในเดือนธันวาคมปี 1993 คนแรกคน SMS ข้อความถูกส่งในฟินแลนด์ ในปัจจุบันการส่งข้อความคือใช้กันอย่างแพร่หลายบริการข้อมูล ; 1.8 พันล้านผู้ใช้สร้าง $ 80 พันล้านบาทในปี 2549 ( ที่มา The )มีโทรศัพท์ให้บริการ Instant Messenger สำหรับง่าย , ส่งข้อความได้ง่าย โทรศัพท์มือถือมีบริการอินเทอร์เน็ต ( เช่น NTT DoCoMo ของไอ โหมด ) , เสนอการส่งข้อความผ่านทางอีเมลในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และอินเดีย การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนมือถือมากที่สุด คือ ที่แตกต่างจากการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ที่มีการแจ้งเตือนสภาพอากาศ , ข้อมูล, อีเมล , เครื่องมือค้นหา , ข้อความโต้ตอบแบบทันทีและการดาวน์โหลดเพลงและเกม ;