There is a growing empirical eviden

There is a growing empirical evidence that virtual reality (VR) is valuable for education, training, entertaining and medical rehabilitation due to its capacity to represent real-life events and situations. However, the neural mechanisms underlying behavioral confounds in VR environments are still poorly understood. In two experiments, we examined the effect of fully immersive 3D stereoscopic presentations and less immersive 2D VR environments on brain functions and behavioral outcomes. In Experiment 1 we examined behavioral and neural underpinnings of spatial navigation tasks using electroencephalography (EEG). In Experiment 2, we examined EEG correlates of postural stability and balance. Our major findings showed that fully immersive 3D VR induced a higher subjective sense of presence along with enhanced success rate of spatial navigation compared to 2D. In Experiment 1 power of frontal midline EEG (FM-theta) was significantly higher during the encoding phase of route presentation in the 3D VR. In Experiment 2, the 3D VR resulted in greater postural instability and modulation of EEG patterns as a function of 3D versus 2D environments. The findings support the inference that the fully immersive 3D enriched-environment requires allocation of more brain and sensory resources for cognitive/motor control during both tasks than 2D presentations. This is further evidence that 3D VR tasks using EEG may be a promising approach for performance enhancement and potential applications in clinical/rehabilitation settings.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีหลักฐานประจักษ์เติบโตว่าเสมือนจริง (VR) มีคุณค่าเพื่อการศึกษา ฝึกอบรม สนุกสนาน และแพทย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเนื่องจากการผลิตของถึงชีวิตเหตุการณ์และสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม กลไกประสาทพฤติกรรมต้นแบบ confounds ระบบ VR มีงานยังเข้าใจ ในการทดลอง เราตรวจสอบผลเสนอ stereoscopic 3D เสมือนจริงอย่างน้อยทรัพากร 2D VR สภาพแวดล้อมและหน้าที่ของสมองและพฤติกรรมผลการ ในการทดลอง เราตรวจสอบพฤติกรรม และประสาท underpinnings electroencephalography (EEG) การใช้งานนำทางปริภูมิ ในการทดลอง 2 เราตรวจสอบ EEG สัมพันธ์กับเนื้อ postural เสถียรภาพและสมดุล เราค้นพบที่สำคัญพบว่า 3D เสมือนจริงเต็ม VR ทำให้เกิดความรู้สึกตามอัตวิสัยขึ้นอยู่กับอัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้นพื้นที่นำเปรียบเทียบกับ 2D ในการทดลองที่ 1 อำนาจของ midline หน้าผาก EEG (FM ทีตา) ได้อย่างมีนัยสำคัญระหว่างขั้นตอนการเข้ารหัสของเส้นทางการนำเสนอใน 3D VR ในการทดลอง 2, 3D VR ผลในเอ็มของ EEG รูปเป็นฟังก์ชันของ 3D กับ 2D สภาพแวดล้อมและความไม่แน่นอนเนื้อ postural มากกว่า ผลการวิจัยสนับสนุนข้อที่ว่า ครบครันเสมือนจริง 3D อุดมไปสิ่งแวดล้อมต้องการปันส่วนของสมองมากขึ้นและทรัพยากรทางประสาทสัมผัสสำหรับควบคุมมอเตอร์/รับรู้ระหว่างงานทั้งสองมากกว่านำเสนอ 2D นี่คือหลักฐานเพิ่มเติมว่า งาน VR 3D ที่ใช้ EEG อาจเป็นแนวทางกำหนดการสำหรับประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในทางคลินิก/ฟื้นฟูการตั้งค่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่กำลังเติบโตที่เสมือนจริง (VR) ที่มีคุณค่าสำหรับการศึกษาการฝึกอบรมการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ให้ความบันเทิงและเนื่องจากกำลังการผลิตที่จะเป็นตัวแทนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงและสถานการณ์ที่เป็น แต่กลไกการทำลายระบบประสาทพื้นฐานพฤติกรรมในสภาพแวดล้อมที่วีอาร์ยังคงเข้าใจ ในการทดลองที่สองเราตรวจสอบผลของการดื่มด่ำอย่างเต็มที่นำเสนอมิติ 3 มิติและดื่มด่ำน้อยสภาพแวดล้อม 2D VR ในการทำงานของสมองและผลพฤติกรรม ในการทดลองที่ 1 เราตรวจสอบตีแผ่พฤติกรรมและระบบประสาทของงานนำทางเชิงพื้นที่โดยใช้ electroencephalography (EEG) ในการทดลองที่ 2 เราตรวจสอบความสัมพันธ์ EEG ของความมั่นคงและความสมดุลการทรงตัว การค้นพบที่สำคัญของเราแสดงให้เห็นว่าดื่มด่ำอย่างเต็มที่ 3D VR เหนี่ยวนำให้เกิดความรู้สึกส่วนตัวที่สูงขึ้นของการปรากฏตัวพร้อมกับอัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นในการเดินเรือเชิงพื้นที่เมื่อเทียบกับ 2D ในการทดลองที่ 1 พลังของเส้นแบ่งหน้าผาก EEG (FM-ที) อย่างมีนัยสำคัญที่สูงขึ้นในระหว่างขั้นตอนการเข้ารหัสของงานนำเสนอเส้นทางใน 3D VR ในการทดลองที่ 2, 3 มิติ VR ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนการทรงตัวมากขึ้นและการปรับรูปแบบของคลื่นไฟฟ้าสมองเป็นหน้าที่ของ 3D เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อม 2D ผลการวิจัยสนับสนุนการอนุมานว่า 3D ดื่มด่ำอย่างเต็มที่อุดมสิ่งแวดล้อมต้องมีการจัดสรรทรัพยากรสมองประสาทสัมผัสมากขึ้นและองค์ความรู้เพื่อการควบคุม / มอเตอร์ในช่วงงานทั้งการนำเสนอผลงานกว่า 2D นี่คือหลักฐานเพิ่มเติมว่างาน 3D VR ใช้สมองอาจจะเป็นวิธีการที่มีแนวโน้มในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการใช้งานที่อาจเกิดขึ้นในทางคลินิก / การตั้งค่าการฟื้นฟูสมรรถภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีการเติบโตเชิงประจักษ์หลักฐานที่เสมือนจริง ( VR ) เป็นประโยชน์สำหรับการศึกษา การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสมรรถภาพ สนุกสนาน และเนื่องจากความจุของเหตุการณ์จริงในชีวิตและสถานการณ์ . อย่างไรก็ตาม กลไกประสาทพฤติกรรมต้นแบบ confounds ในสภาพแวดล้อมนั้นจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ใน 2 การทดลองเราได้ตรวจสอบผลของการดื่มอย่างเต็มที่สามมิติ และสามารถนำเสนอสภาพแวดล้อมในการทำงานของสมองนั้นน้อยกว่า 2D และผลเชิงพฤติกรรม ในการทดลองที่ 1 เราได้ตรวจสอบพฤติกรรมและความเชื่อทางด้านประสาทงานโดยใช้การบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมอง ( EEG ) ในการทดลองที่ 2 เราตรวจ EEG ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ท่าทางและความสมดุลผลการวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าอย่างดื่มด่ำ 3D VR ทำให้ความรู้สึกของตนที่สูงอัตนัยพร้อมกับเพิ่มอัตราความสำเร็จของพื้นที่นำร่อง เมื่อเทียบกับ 2 มิติ ในการทดลองที่ 1 อำนาจของหน้าผากจากสมอง ( FM theta ) สูงกว่าในการเข้ารหัสขั้นตอนของเส้นทางนำเสนอใน 3D VR . ในการทดลองที่ 23D VR ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น ท่าทางและปรับคลื่นหัวใจเป็นฟังก์ชันของสภาพแวดล้อม 3D และ 2D ข้อมูลสนับสนุนการอนุมานว่า 3D ดื่มด่ำอย่างเต็มที่สภาพแวดล้อมที่ต้องจัดสรรเพิ่มเติมและทรัพยากรทางสมองเพื่อควบคุมมอเตอร์ / การคิด ทั้งในระหว่างการนำเสนองานกว่า 2Dนี่คือหลักฐานเพิ่มเติมที่ 3D VR ใช้งานสมองอาจเป็นวิธีการที่มีแนวโน้มสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและการประยุกต์ใช้ในการตั้งค่าทางคลินิกฟื้นฟูสมรรถภาพ /