In psychology, an attribution bias

In psychology, an attribution bias or attributional bias is a cognitive bias that refers to the systematic errors made when people evaluate or try to find reasons for their own and others' behaviors.[1][2][3] People constantly make attributions regarding the cause of their own and others’ behaviors; however, attributions do not always accurately mirror reality. Rather than operating as objective perceivers, people are prone to perceptual errors that lead to biased interpretations of their social world.[4][5]
Attribution biases were first discussed in the 1950s and 60s by psychologists such as Fritz Heider, who studied attribution theory.[1] Other psychologists, such as Harold Kelley and Ed Jones expanded Heider's early work by identifying conditions under which people are more or less likely to make different types of attributions.
Attribution biases are present in everyday life, and therefore are an important and relevant topic to study. For example, when a driver cuts us off, we are more likely to attribute blame to the reckless driver (e.g., “What a jerk!”), rather than situational circumstances (e.g., “Maybe they were in a rush and didn’t notice me"). Additionally, there are many different types of attribution biases, such as the ultimate attribution error, fundamental attribution error, actor-observer bias, and hostile attribution bias. Each of these biases describes a specific tendency that people exhibit when reasoning about the cause of different behaviors.
Since the early work, researchers have continued to examine how and why people exhibit biased interpretations of social information.[2][6] Many different types of attribution biases have been identified, and more recent psychological research on these biases has examined how attribution biases can subsequently affect emotions and behavior

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในด้านจิตวิทยา การแสดงความโน้มเอียงหรืออคติ attributional เป็นอคติรับรู้ที่อ้างอิงถึงข้อผิดพลาดระบบเมื่อบุคคลประเมิน หรือพยายามค้นหาสาเหตุของตนเองและพฤติกรรมของคนอื่น [1] [2] [3] คนทำ attributions เกี่ยวกับสาเหตุของตนเองและของคนอื่นพฤติกรรม อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม attributions ไม่เสมอถูกต้องสะท้อนความเป็นจริง แทนที่จะปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ perceivers คนมีแนวโน้มที่ข้อผิดพลาด perceptual ที่นำไปสู่การตีความ biased ของโลกของสังคม [4] [5]ยอมแสดงคำแรกที่กล่าวถึงในช่วงทศวรรษ 1950 ยุค 60s โดยนักจิตวิทยาเช่นฟริทส์ Heider ผู้ศึกษาทฤษฎีแสดง [1] นักจิตวิทยาอื่น ๆ ฮาโรลด์ Kelley และโจนส์ Ed ขยายงานแรก ๆ ของ Heider โดยระบุเงื่อนไขที่คนมักน้อยเพื่อให้แตกต่างกันของ attributionsยอมแสดงอยู่ในชีวิตประจำวัน และมีหัวข้อสำคัญ และเกี่ยวข้องในการศึกษาดังนั้น ตัวอย่าง เมื่อโปรแกรมควบคุมตัดเรา เราได้แนวโน้มที่จะตำหนิแอตทริบิวต์การสะเพร่าขับ (เช่น, "ตอนกล้อง"), แทนที่สถานการณ์เมืองไทย (เช่น, "บางทีพวกเขาถูกในการวิ่ง และไม่สังเกตเห็นฉัน") นอกจากนี้ มีหลายชนิดแตกต่างกันยอมแสดงที่มา เช่นสุดแสดงข้อผิดพลาด ข้อผิดพลาดแสดงพื้นฐาน อคตินักแสดงนักการ และแสดงเป็นความโน้มเอียง แต่ละเหล่านี้ยอมอธิบายแนวโน้มเฉพาะที่คนจัดแสดงเมื่อใช้เหตุผลเกี่ยวกับสาเหตุของพฤติกรรมที่แตกต่างกันตั้งแต่งานเริ่มต้น นักวิจัยมีต่อการตรวจสอบอย่างไร และทำไมคนแสดง biased ตีความข้อมูลทางสังคม [2] [6] ยอมแสดงหลากหลายชนิดได้รับการระบุ และล่าสุดวิจัยทางจิตวิทยาเหล่านี้ยอมตรวจสอบวิธียอมแสดงสามารถมาส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในด้านจิตวิทยาอคติแสดงที่มาหรืออคติ attributional เป็นอคติทางความคิดที่หมายถึงข้อผิดพลาดของระบบที่เกิดขึ้นเมื่อมีคนประเมินหรือพยายามที่จะหาเหตุผลของตัวเองและพฤติกรรมของผู้อื่น. [1] [2] [3] คนอย่างต่อเนื่องทำให้การอ้างเหตุผลเกี่ยวกับ สาเหตุของพฤติกรรมของตัวเองและคนอื่น ๆ 'ของพวกเขา; แต่การอ้างเหตุผลที่ไม่เคยถูกต้องสะท้อนความเป็นจริง มากกว่าการดำเนินงานเป็น Perceivers วัตถุประสงค์ที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดในการรับรู้ที่นำไปสู่การตีความลำเอียงของสังคมโลกของพวกเขา. [4] [5]
การแสดงที่มาอคติที่ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี 1950 และ 60 โดยนักจิตวิทยาเช่นฟริตซ์ Heider ที่ศึกษาทฤษฎีแสดงที่มา . [1] นักจิตวิทยาอื่น ๆ เช่นแฮโรลด์เคลลี่และเอ็ดโจนส์ขยายงานแรก Heider โดยระบุภายใต้เงื่อนไขที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะมากหรือน้อยกว่าที่จะทำให้ความแตกต่างของการอ้างเหตุผล.
อคติการแสดงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันและดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและ หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ตัวอย่างเช่นเมื่อคนขับรถตัดเราออกเรามีแนวโน้มที่จะตำหนิแอตทริบิวต์ที่จะประมาทไดรเวอร์ (เช่น "สิ่งที่กระตุก!") มากกว่าสถานการณ์สถานการณ์ (เช่น "บางทีพวกเขาวิ่งและไม่ได้ เห็นฉัน "). นอกจากนี้ยังมีหลายประเภทของอคติลักษณะเช่นข้อผิดพลาดแสดงที่ดีที่สุดข้อผิดพลาดลักษณะพื้นฐานอคตินักแสดงสังเกตการณ์และอคติลักษณะที่เป็นมิตร. แต่ละอคติเหล่านี้อธิบายถึงแนวโน้มที่เฉพาะเจาะจงว่าคนที่จัดแสดงเมื่อเหตุผล เกี่ยวกับสาเหตุของพฤติกรรมที่แตกต่างกัน.
ตั้งแต่งานแรกของนักวิจัยได้อย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบวิธีการและเหตุผลที่คนแสดงการตีความลำเอียงข้อมูลทางสังคม. [2] [6] ชนิดที่แตกต่างของอคติแสดงที่ได้รับการระบุและเมื่อเร็ว ๆ นี้การวิจัยทางจิตวิทยาใน อคติเหล่านี้มีการตรวจสอบว่ามีอคติแสดงที่มาภายหลังจะมีผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในทางจิตวิทยา มีลักษณะอคติหรือความลำเอียงอคติเชิงการอนุมานสาเหตุคือปัญญาที่อ้างอิงถึงข้อผิดพลาดอย่างเป็นระบบ ทำให้เมื่อคนประเมินหรือพยายามหาเหตุผลให้ตนเอง และผู้อื่น พฤติกรรมของ [ 1 ] [ 2 ] [ 3 ] คนอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเกี่ยวกับสาเหตุของพฤติกรรมของตนเอง และผู้อื่น อย่างไรก็ตาม การทำ ไม่เสมอถูกต้องสะท้อนความเป็นจริงแทนที่จะดำเนินการตามวัตถุประสงค์ perceivers คนเรามักจะรับรู้ข้อผิดพลาดที่นำไปสู่การตีความลำเอียงของสังคมโลกของพวกเขา . [ 4 ] [ 5 ]
ลักษณะอคติก่อนปี 1950 และ 60s อภิปรายโดยนักจิตวิทยา เช่น ฟริตส์ ไฮเดอร์ ผู้ที่ศึกษาทฤษฎี [ 1 ] นักจิตวิทยาอื่น ๆเช่น ฮาโรลด์ เคลลี่ และเอ็ดโจนส์ขยายไฮเดอร์ของงาน โดยระบุเงื่อนไขที่ผู้คนมีมากขึ้นหรือน้อยลงเพื่อให้แตกต่างกันประเภทของการ .
ที่มาอคติที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นหัวข้อสำคัญ และเกี่ยวข้องกับการศึกษา ตัวอย่างเช่น เมื่อคนขับรถตัดเราทิ้ง เราก็มีแนวโน้มที่จะคุณลักษณะโทษคนขับประมาท ( เช่น" ไอ้บ้าเอ้ย ! " ) มากกว่าสถานการณ์สถานการณ์ ( เช่น " บางทีพวกเขาอาจจะกำลังรีบและไม่ได้สังเกตเห็นฉัน " ) นอกจากนี้ มีหลายประเภทที่แตกต่างของลักษณะอคติเช่นข้อผิดพลาดลักษณะที่สุดข้อผิดพลาดลักษณะพื้นฐาน , นักแสดงผู้ประสงค์ร้ายต่ออคติและความลำเอียง .แต่ละอคติเหล่านี้อธิบายเฉพาะแนวโน้มที่คนแสดง เมื่อเหตุผลเกี่ยวกับสาเหตุของพฤติกรรมที่แตกต่างกัน .
ตั้งแต่ก่อนทำงาน นักวิจัยยังคงศึกษาอย่างไร และทำไมคนแสดงอคติ ตีความข้อมูลทางสังคม [ 2 ] [ 6 ] หลายประเภทลักษณะของอคติได้ระบุไว้และการวิจัยทางจิตวิทยาล่าสุดบนอคติเหล่านี้ได้ตรวจสอบว่าลักษณะอคติส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมได้ในภายหลัง