การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยจำนวนก้าว กับสมรรถภาพทางกายด้านเปอร์เซ็นต์ไขมันและด้านสมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุด โดยทำการศึกษาในนิสิตปริญญาตรี เพศหญิง ที่มีอายุเฉลี่ย 20.13±1.32 ปี จำนวน 60 คน ใช้เวลาในการเก็บข้อมูล จำนวนก้าว 7 วัน และกลุ่มตัวอย่างแต่ละคนจะทำการวัดเปอร์เซ็นต์ไขมัน และค่าสมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุด แล้วนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติ โดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Pearson Product Moment Correlation Coefficient กำหนดความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการวิจัยพบว่า ค่าเฉลี่ยจำนวนก้าวและเปอร์เซ็นต์ไขมันมีความสัมพันธ์กันในเชิงลบมีค่า r = -.453 และค่าเฉลี่ยจำนวนก้าวมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับค่าสมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุดมีค่า r = .330 ดังนั้นจำนวนก้าวเดินมีความสัมพันธ์กับสมรรถภาพทางกายด้านเปอร์เซ็นต์ไขมันและด้านสมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุด ในอนาคตควรศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มตัวอย่างที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มช่วงเวลาในการเก็บข้อมูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยทำการศึกษาในนิสิตปริญญาตรีเพศหญิงที่มีอายุเฉลี่ย 20.13 ± 1.32 ปีจำนวน 60 คนใช้เวลาในการเก็บข้อมูลจำนวนก้าว 7 วัน แล้วนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเพียร์สันค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 0.05
ผลการวิจัยพบว่า r = -.453 r = 0.330 และเพิ่มช่วงเวลาในการเก็บข้อมูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยจำนวนก้าวกับสมรรถภาพทางกายด้านเปอร์เซ็นต์ไขมันและด้านสมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุดโดยทำการศึกษาในนิสิตปริญญาตรีเพศหญิง20 .13 ± 132 . จำนวน 60 คนใช้เวลาในการเก็บข้อมูลจำนวนก้าว 7 ได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่าและกลุ่มตัวอย่างแต่ละคนจะทำการวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันและค่าสมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุดแล้วนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ยค่าสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันกำหนดความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .
ผลการวิจัยพบว่าค่าเฉลี่ยจำนวนก้าวและเปอร์เซ็นต์ไขมันมีความสัมพันธ์กันในเชิงลบมีค่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( r = - . 453 และค่าเฉลี่ยจำนวนก้าวมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับค่าสมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุดมีค่า r = .330 ดังนั้นจำนวนก้าวเดินมีความสัมพันธ์กับสมรรถภาพทางกายด้านเปอร์เซ็นต์ไขมันและด้านสมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุดในอนาคตควรศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มตัวอย่างที่เพิ่มขึ้นและเพิ่มช่วงเวลาในการเก็บข้อมูล