China sees the upcoming Asean Econo

China sees the upcoming Asean Economic Community (AEC) as an opportunity for further cooperation with the region, and says Thailand can play a leading role in the strengthening of these ties.
However, there are foreseeable obstacles that all parties have to work together to overcome in order to reap the full benefits from this expected increase in regional integration.

Speaking at the third "Thai-Chinese Strategic Research Seminar", Wang Yingfan, former Chinese deputy foreign minister, said China and Asean countries must explore and grasp the opportunities from the beginning of a more integrated and dynamic region through the AEC.

The two-day seminar, organised in part by the National Research Council of Thailand and Huaqiao University, kicked off yesterday in Bangkok.

Wang said Chinese President Xi Jinping and Premier Li Keqiang had proposed plans for further economic integration between China and Asean through focusing on economic development in seven fields. These are negotiations for a Regional Comprehensive Economic Partnership, negotiations on an upgraded version of the China-Asean Free Trade Area, identifying and launching landmark collaborative projects on connectivity between the regions, the setting up of an Asian infrastructure investment bank to provide a financial platform for Asean connectivity, strengthening cooperation under the Chiang Mai Initiative, advancing maritime cooperation, and establishing a mechanism for defence ministers' meetings.

"The Chinese proposals covered political, economic, trade, financial, cultural, and security fields and they represented an enormous opportunity for the strengthening of the China-Asean relationship," he said.

Wang said the political issues centring on the South China Sea and the relationship between China and the United States had the potential to affect the China-Asean relationship of negatively. Therefore the parties involved should address the problems through consultation and negotiation while, China and Asean countries should work together to maintain peace and stability in the South China Sea by jointly fostering a favourable environment for peaceful settlement of the disputes.

"If problems between China and the US and between China and Japan grow too serious and drag on for too long, it might be difficult for Asean to remain neutral," he said. "It is in Asean's own interest to exert its influence and promote peace in the region, and Asean countries have the ability to do it. Asean must be fully aware of this."

Somkid Jatusripitak, the National Council for Peace and Order's adviser on foreign affairs, said the AEC represented an opportunity to deepen and widen the relationship between Thailand and China, but the Kingdom also had a role in promoting the relationship between Asean and China. It should do this by spilling over its ties with China to other areas of Asean such as the Greater Mekong Subregion.

"Thailand, as a country with strong relations with GMS countries, has the opportunity to make itself useful by strengthening the ties between China and other countries in the GMS in order to ensure the region's sustained and prosperous growth," he said.

Somkid stressed the importance of the relationship between China and Thailand as a driver for this country's development. He said the new government would increase the activity of the high-level China-Thailand Joint Committee, which he believed was an important platform for the two countries to talk, negotiate, and form policy that would deepen the relationship between the two countries even further.

He explained that the Kingdom was going through a period of reformation and needed cooperation domestically and from abroad, especially from superpowers, to provide help and support in terms of thought processes, manpower, resources and technology, and to work together in terms of development policy in order for Thailand to become one of the world's developed countries.

Kobsak Pootrakool, executive vice president of Bangkok Bank, said the centre of the world's economic growth was now in Asia, and Asean was the "third pillar" of growth beside China and India that will become even more important in the future. Therefore there is a need for Thailand to invest in transport infrastructure to increase connectivity within the region and reap the full benefits of greater integration and increased investment opportunity when the AEC comes next year, and China can certainly help with this process.

"This is an exciting period of cooperation between Thailand and China, and if the Kingdom can use the next 10 years to strengthen these ties and work together with China to develop this region to become one of the main pillars in Asia, it will be the turning point for all of us and for the world's economy," he remarked.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จีนเห็นถึงอาเซียนเศรษฐกิจชุมชน (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) เป็นโอกาสเพิ่มเติมความร่วมมือในภูมิภาค และกล่าวว่า ประเทศไทยสามารถเล่นบทบาทผู้นำเข้มแข็งของความสัมพันธ์เหล่านี้อย่างไรก็ตาม มีอุปสรรคคาดที่ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มจากคาดเพิ่มขึ้นในภูมิภาครวมพูดที่สาม "ไทย-จีนกลยุทธ์การวิจัยสัมมนา" วัง Yingfan รองจีนอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ว่า จีนและอาเซียนต้องสำรวจ และคว้าโอกาสจากจุดเริ่มต้นของภูมิภาคแบบบูรณาการ และแบบไดนามิกมากถึงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนสัมมนาวันที่ 2 จัด โดยสภาวิจัยแห่งชาติของประเทศไทยและมหาวิทยาลัยหัวเฉียว บางส่วนเตะออกเมื่อวานในกรุงเทพมหานครวังกล่าวว่า ประธานาธิบดีจีน Xi Jinping และพรีเมียร์ Li Keqiang ได้เสนอแผนการเพิ่มเติมรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและจีน โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจในเขต 7 เหล่านี้เป็นการเจรจาในระดับภูมิภาคครอบคลุมเศรษฐกิจจับคู่ เจรจาบนรุ่นอัพเกรดของจีน-Asean Free Trade Area ระบุ และเปิดตัวมาร์คโครงการความร่วมมือในการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค การตั้งค่าธนาคารการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของเอเชียเพื่อให้เป็นเวทีทางการเงินสำหรับการเชื่อมต่ออาเซียน เสริมสร้างความร่วมมือภายใต้การริเริ่มเชียงใหม่ ความก้าวหน้าความร่วมมือทางทะเล และสร้างกลไกการประชุมรัฐมนตรีกลาโหม"ข้อเสนอจีนครอบคลุมฟิลด์ความปลอดภัยและการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การเงิน วัฒนธรรม และพวกเขาแสดงโอกาสมหาศาลความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์จีนอาเซียน เขากล่าวว่าวังกล่าวว่า ประเด็นการเมือง centring ในทะเลจีนใต้ และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนมีศักยภาพในการส่งผลต่อความสัมพันธ์จีนอาเซียนของส่ง ดังนั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจัดการปัญหาให้คำปรึกษาและเจรจาต่อรองในขณะที่ ประเทศจีนและอาเซียนควรทำงานร่วมกันเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ โดยร่วมทำนุบำรุงสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการชำระเงินที่ดีของข้อโต้แย้ง"ถ้าปัญหา ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และ ระหว่างจีนและญี่ปุ่นเติบโตรุนแรงเกินไป และลากบนนานเกินไป มันอาจจะยากสำหรับอาเซียนยังคงเป็นกลาง เขากล่าวว่า "ก็สนใจอิทธิพลแรง และส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคของอาเซียนเอง และประเทศอาเซียนมีความสามารถจะทำ อาเซียนต้องระวังทั้งหมดนี้"สมคิดสิริ Jatusripitak สงบเรียบร้อยของที่ปรึกษาในต่างประเทศ คณะแห่งชาติกล่าวว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแสดงถึงโอกาสที่จะลึกซึ้งยิ่งขึ้น และขยายความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน แต่อาณาจักรยังมีบทบาทในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและจีน ก็ควรทำได้ โดย spilling มากกว่าความสัมพันธ์ของจีนกับอาเซียนเช่นภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ"ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความแข็งแรงสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศ GMS มีโอกาสที่จะทำให้ตัวเองมีประโยชน์ โดยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างจีนและประเทศใน GMS ที่เพื่อให้ภูมิภาคของ sustained และเจริญเติบโต, " เขากล่าวว่าสมคิดสิริเน้นความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นโปรแกรมควบคุมการพัฒนาของประเทศนี้ เขากล่าวว่า รัฐบาลใหม่จะเพิ่มกิจกรรมระดับสูงไทย-จีนร่วมกรรมการ ซึ่งเขาเชื่อว่า เป็นเวทีสำคัญสำหรับทั้งสองประเทศต้องพูด เจรจา และนโยบายแบบฟอร์มที่จะลึกซึ้งยิ่งขึ้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยิ่งเขาอธิบายว่า อาณาจักรผ่านระยะเวลาของการปฏิรูป และต้องการความร่วมมือในประเทศ และ จากต่าง ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศมหาอำนาจ การให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนกระบวนการคิด กำลังคน ทรัพยากร และเทคโนโลยี และการทำงานร่วมกันในการพัฒนานโยบายเพื่อให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในการพัฒนาประเทศKobsak Pootrakool รองประธานบริหารของ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ศูนย์กลางของเศรษฐกิจโลกตอนนี้ในเอเชีย และอาเซียนเป็น "สามเสาหลัก" ของเจริญเติบโตด้านข้างจีนและอินเดียที่จะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต ดังนั้นจึง มีความจำเป็นสำหรับประเทศไทยจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งเพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อในภูมิภาค และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มรวมมากขึ้นและโอกาสการลงทุนเพิ่มขึ้นเมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมาปีถัดไป และจีนสามารถช่วยให้ มีกระบวนการนี้อย่างแน่นอน"นี่คือรอบระยะเวลาน่าตื่นเต้นของความร่วมมือระหว่างไทยและจีน และราชอาณาจักรสามารถใช้ 10 ปีถัดไปให้เสริมสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้ และทำงานร่วมกับจีนเพื่อพัฒนาภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในเสาหลักในเอเชีย จะเลี้ยวทั้งหมด ของเรา และ การที่ เศรษฐกิจของโลก เขากล่าว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จีนเห็นที่จะเกิดขึ้นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นโอกาสสำหรับความร่วมมือต่อไปกับภูมิภาคและบอกว่าประเทศไทยสามารถเล่นบทบาทนำในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์เหล่านี้.
แต่มีอุปสรรคที่คาดการณ์ว่าทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันที่จะเอาชนะ เพื่อที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มรูปแบบจากการเพิ่มขึ้นคาดว่าในการรวมกลุ่มในภูมิภาค. พูดที่สาม "ไทยจีนกลยุทธ์การวิจัยสัมมนา" วัง Yingfan, จีนอดีตรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่าประเทศจีนและอาเซียนต้องสำรวจและเข้าใจโอกาสจาก จุดเริ่มต้นของภูมิภาคบูรณาการมากขึ้นและแบบไดนามิกผ่าน AEC. การสัมมนาสองวันจัดในส่วนของสภาวิจัยแห่งชาติของประเทศไทยและ Huaqiao มหาวิทยาลัยเตะออกเมื่อวานนี้ในกทม. วังกล่าวว่าจีนประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงได้เสนอ แผนการสำหรับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจต่อระหว่างจีนและอาเซียนผ่านการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจในเจ็ดสาขา เหล่านี้มีการเจรจาหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ครอบคลุมภูมิภาคการเจรจาเกี่ยวกับรุ่นอัพเกรดของจีนอาเซียนเขตการค้าเสรีระบุและเปิดตัวโครงการความร่วมมือสถานที่สำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค, การจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียเพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มทางการเงิน สำหรับการเชื่อมต่ออาเซียน, เสริมสร้างความร่วมมือภายใต้ความคิดริเริ่มเชียงใหม่คืบหน้าความร่วมมือทางทะเลและการสร้างกลไกสำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการป้องกัน '. "ข้อเสนอของจีนปกคลุมทางการเมือง, เศรษฐกิจ, การค้า, การเงิน, วัฒนธรรม, และสาขาการรักษาความปลอดภัยและพวกเขาเป็นตัวแทนของโอกาสที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์อาเซียนจีน "เขากล่าว. วังกล่าวว่าปัญหาทางการเมืองตรงกลางในทะเลจีนใต้และความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกามีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนอาเซียนของทางลบ ดังนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะแก้ไขปัญหาผ่านการปรึกษาและการเจรจาต่อรองในขณะที่จีนและประเทศอาเซียนควรทำงานร่วมกันในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้โดยร่วมกันสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการตั้งถิ่นฐานของข้อพิพาทอย่างสันติ. "หากมีปัญหาระหว่างจีนและ สหรัฐและระหว่างจีนและญี่ปุ่นเติบโตอย่างรุนแรงเกินไปและลากบนนานเกินไปก็อาจเป็นเรื่องยากสำหรับอาเซียนจะยังคงเป็นกลาง "เขากล่าว "มันอยู่ในความสนใจของตัวเองอาเซียนที่จะใช้อิทธิพลของตนและส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคและประเทศอาเซียนมีความสามารถที่จะทำมัน. อาเซียนจะต้องตระหนักถึงนี้". สมคิดจาตุศรีพิทักษ์, สภาแห่งชาติเพื่อสันติภาพและที่ปรึกษาการสั่งซื้อในต่างประเทศ กิจการกล่าวว่า AEC เป็นตัวแทนของโอกาสที่จะลึกมากขึ้นและขยายความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน แต่ราชอาณาจักรยังมีบทบาทในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและจีน มันควรจะทำเช่นนี้โดย spilling กว่าความผูกพันกับประเทศจีนไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของอาเซียนเช่นอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง. "ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมีโอกาสที่จะทำให้ตัวเองมีประโยชน์โดยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างจีนและ ประเทศอื่น ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการสั่งซื้อเพื่อให้แน่ใจว่าการเติบโตอย่างยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคนี้ "เขากล่าว. สมคิดเน้นความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นคนขับสำหรับการพัฒนาของประเทศนี้ เขากล่าวว่ารัฐบาลใหม่จะเพิ่มกิจกรรมของระดับสูงจีนไทยคณะกรรมการร่วมซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นเวทีสำคัญสำหรับทั้งสองประเทศที่จะพูดคุยเจรจาและนโยบายรูปแบบที่จะลึกมากขึ้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น . เขาอธิบายว่าราชอาณาจักรกำลังจะผ่านช่วงเวลาของการปฏิรูปและต้องการความร่วมมือในประเทศและจากต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศมหาอำนาจในการให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนในแง่ของกระบวนการคิดกำลังคนทรัพยากรและเทคโนโลยีและการทำงานร่วมกันในแง่ของการพัฒนา นโยบายเพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งของโลกที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว. Kobsak Pootrakool, รองประธานบริหารของธนาคารกรุงเทพกล่าวว่าศูนย์กลางของการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่ตอนนี้ในเอเชียและอาเซียนเป็น "เสาหลักที่สาม" ของการเจริญเติบโตด้านข้างของจีนและ อินเดียที่จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นในอนาคต ดังนั้นจึงมีความจำเป็นสำหรับประเทศไทยที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งที่จะเพิ่มการเชื่อมต่อภายในภูมิภาคและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มรูปแบบของการบูรณาการมากขึ้นและโอกาสการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเมื่อ AEC มาในปีถัดไปและจีนอย่างแน่นอนสามารถช่วยในกระบวนการนี้. "นี่คือ ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของความร่วมมือระหว่างไทยและจีนและถ้าราชอาณาจักรสามารถใช้เวลา 10 ปีเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้และทำงานร่วมกันกับประเทศจีนในการพัฒนาภูมิภาคนี้จะกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักในเอเชียมันจะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับทุก ของเราและสำหรับเศรษฐกิจโลก "เขาตั้งข้อสังเกต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จีนเห็นที่จะเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC ) เป็นโอกาสสำหรับความร่วมมือเพิ่มเติมกับภูมิภาค และกล่าวว่า ไทยสามารถมีบทบาทเป็นผู้นำในความเข้มแข็งของความสัมพันธ์เหล่านี้ .
อย่างไรก็ตาม มีอุปสรรค คาดการณ์ว่า ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นคาดว่าจะได้ในการบูรณาการเต็มรูปแบบ

ของภูมิภาคการพูดที่สาม " ไทยจีนกลยุทธ์การวิจัยการสัมมนา " วัง yingfan อดีตรองรัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวว่า จีนและประเทศอาเซียนจะต้องสำรวจและฉกฉวยโอกาสจากจุดเริ่มต้นของภูมิภาคแบบบูรณาการมากขึ้นและแบบไดนามิกผ่าน AEC .

สัมมนาสองวันงานในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหัวเฉียวมหาวิทยาลัยเตะปิดเมื่อวานนี้ใน กทม.

วังกล่าวว่าจีนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และพรีเมียร์ ลี ตั้งแต่ได้เสนอแผนบูรณาการทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและอาเซียนมากขึ้น โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจใน 7 เขต เหล่านี้มีการเจรจากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ครอบคลุมภูมิภาค การเจรจาเป็นรุ่นอัพเกรดของเขตการค้าเสรีอาเซียน จีน ,การระบุและการเปิดตัวโครงการความร่วมมือหลักการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค , การตั้งค่าของโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียธนาคารเพื่อให้แพลตฟอร์มทางการเงินสำหรับการเชื่อมต่ออาเซียน , การเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้ความริเริ่มเชียงใหม่ก้าวหน้าความร่วมมือทางทะเล และสร้างกลไกสำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

' '" จีนข้อเสนอครอบคลุม การเมือง เศรษฐกิจ การค้า การเงิน วัฒนธรรม และเขตรักษาความปลอดภัยและพวกเขาแสดงโอกาสมหาศาลสำหรับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของอาเซียน จีน

" เขากล่าววังกล่าวว่าประเด็นทางการเมืองอยู่ตรงกลางในทะเลจีนใต้ และความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐมีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของอาเซียน จีนในทางลบ ดังนั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรแก้ไขปัญหาผ่านการปรึกษาหารือและการเจรจาขณะจีนและประเทศอาเซียนจะทำงานร่วมกันเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ โดยร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการตั้งถิ่นฐานของข้อพิพาทอัน

" ถ้าปัญหาระหว่างจีนและสหรัฐ และระหว่างจีนและญี่ปุ่นขยายตัวรุนแรงเกินไป และลากบนสำหรับยาวเกินไป มันอาจจะยากสำหรับอาเซียนจะยังคงเป็นกลาง " เขากล่าวว่า" มันอยู่ในความสนใจของอาเซียนเองที่จะออกแรงอิทธิพลและส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค และประเทศในกลุ่มอาเซียนมีความสามารถที่จะทำมัน อาเซียนต้องตระหนักถึงนี้ "

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สภาเพื่อสันติภาพและที่ปรึกษาเพื่อในต่างประเทศชาติ กล่าวว่า อาเซียนแสดงโอกาสที่จะลึกมากขึ้นและขยายความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนแต่อาณาจักรยังมีบทบาทในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและจีน มันควรจะทำโดย spilling ความสัมพันธ์กับจีนในพื้นที่อื่น ๆของอาเซียน เช่น กลุ่มอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง :

" ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับการพัฒนาประเทศมีโอกาสที่จะทำให้ตัวเองมีประโยชน์ โดยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างจีนและประเทศอื่นในภูมิภาคเพื่อให้ภูมิภาคอย่างยั่งยืนและการเติบโตเจริญ , " เขากล่าว .

สมคิด เน้นความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นไดรเวอร์สำหรับประเทศนี้พัฒนาเขากล่าวว่ารัฐบาลใหม่จะเพิ่มกิจกรรมของคณะกรรมการร่วมไทย - จีน ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญสำหรับทั้งสองประเทศพูดคุย เจรจา และสร้างนโยบายที่จะลึกมากขึ้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น

เขาอธิบายว่า อาณาจักรนั้นก็จะผ่านช่วงเวลาของการปฏิรูปและต้องการความร่วมมือในประเทศและจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากพลังพิเศษ เพื่อให้การช่วยเหลือและสนับสนุนในแง่ของกระบวนการ คิด คน ทรัพยากร เทคโนโลยี และการทำงานร่วมกันในแง่ของนโยบายการพัฒนา เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งของโลกที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว

พระอุรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ศูนย์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกขณะนี้ ในเอเชีย และอาเซียนเป็น " เสา " ที่สามของการเจริญเติบโตนอกจากจีนและอินเดียที่จะกลายเป็นที่สำคัญในอนาคตดังนั้นจึงมีความต้องการให้ไทยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งเพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อภายในภูมิภาค และเก็บกินผลประโยชน์เต็มของบูรณาการมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการลงทุนเมื่อ AEC มาถึงปีหน้า และจีนอย่างแน่นอนสามารถช่วยให้กับกระบวนการนี้

" นี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของความร่วมมือระหว่างไทยและจีนและถ้าอาณาจักรสามารถใช้อีก 10 ปี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และการทำงานร่วมกันกับจีน เพื่อพัฒนาภูมิภาคนี้ให้กลายเป็นหนึ่งในเสาหลักในเอเชีย จะเป็นจุดเปลี่ยนของพวกเราทุกคน และเศรษฐกิจของโลก , " เขากล่าว .