จุดเปลี่ยนและบทเรียนชีวิต ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุ ๑๔ ปี พูดถึงประวัติการเร การแปล - จุดเปลี่ยนและบทเรียนชีวิต ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุ ๑๔ ปี พูดถึงประวัติการเร ไทย วิธีการพูด

จุดเปลี่ยนและบทเรียนชีวิต ตอนนั้นข้


จุดเปลี่ยนและบทเรียนชีวิต

ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุ ๑๔ ปี พูดถึงประวัติการเรียนแล้ว ก็นับว่าเป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอด แม้ไม่ถึงกับดีมากหรือดีเลิศ (เคยสอบได้ที่ ๑ เพียงครั้งเดียว ส่วนใหญ่อยู่ใน ๑๐ อันดับแรกของชั้น) ไม่เคยมีปัญหากับครูบาอาจารย์ เพราะเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน ไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องการบ้าน แต่ก็ยอมรับว่าตั้งแต่อนุบาลเป็นต้นมาไม่เคยมีความสุขกับการเรียนเลย (ยกเว้นบางวิชาในบางปีเท่านั้น) การเรียนเป็นแค่การทำตามหน้าที่ โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อทำคะแนนให้ดีที่สุด แน่นอนว่าถ้าวิชาไหนได้คะแนนน้อย หรือเทอมใดผลสอบออกมาไม่ดี ก็รู้สึกเป็นทุกข์มาก

แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อถึงอายุดังกล่าว มีวันหนึ่งข้าพเจ้าถามตัวเองว่า เราเรียนเพื่ออะไร ? ข้าพเจ้าพบว่า คำตอบไม่น่าจะเป็น การเรียนเพื่อเอาคะแนน แต่ควรเป็นการเรียนเพื่อเอาความรู้มากกว่า ความคิดเช่นนี้ทำให้จุดหมายในการเรียนของข้าพเจ้าเปลี่ยนไป และช่วยให้ข้าพเจ้าก็มีความสุขกับการเรียนมากขึ้น เพราะคะแนนหรือผลสอบมีความหมายต่อข้าพเจ้าน้อยลง เพราะถึงแม้บางวิชาจะได้คะแนนไม่มาก แต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าได้ความรู้มากขึ้น

คำตอบดังกล่าวไม่เพียงทำให้ข้าพเจ้ากระตือรือร้นกับการอ่านหนังสือเรียน โดยไม่สนใจว่าครูจะออกข้อสอบหรือไม่แล้ว ยังทำให้เกิดความสนใจอ่านหนังสือนอกห้องเรียนมากขึ้น ที่จริงข้าพเจ้าเป็นสมาชิกขาประจำของห้องสมุดในโรงเรียนมานานแล้ว แต่คราวนี้ยังสนใจหนังสือที่เป็นวิชาการมากขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่สารคดีเท่านั้น

มีเหตุการณ์หนึ่งที่มาเสริมความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ก็คือข้าพเจ้ากับเพื่อนได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของห้องในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์เพื่อร่วมงานวิทยาศาสตร์ที่เครือข่ายโรงเรียนคาทอลิกจัดขึ้น (ล้อกับงานวิทยาศาสตร์สัมพันธ์อันโด่งดังซึ่งจัดที่โรงเรียนสวนกุหลาบ ฯ มานานหลายปี) ข้าพเจ้าเป็นเด็กเรียนที่ไม่เคยทำกิจกรรมทำนองนี้มาก่อน เมื่อมารับผิดชอบงานนี้ จึงได้พานพบประสบการณ์หลายอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งล้วนแต่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั้งสิ้น แม้ปัญหาบางอย่างจะทำให้หนักใจไปหลายวัน เพราะทำเกือบเสร็จแล้วแต่ไม่ทำงานดังที่หวัง (เครื่องทำน้ำอุ่นพลังแสงอาทิตย์ แต่น้ำกลับไม่เขยื้อนขยับ) แต่หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดกับมันอย่างเอาจริงเอาจัง ก็หาทางออกได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความสุข ยิ่งโครงงานนี้ได้รับรางวัลที่ ๑ ด้านฟิสิกส์ก็ยิ่งเกิดความภาคภูมิใจ

ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้ข้าพเจ้าพบว่า การทำกิจกรรมนอกห้องเรียนนั้นให้อะไรแก่ตนเองมากมายอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ที่สำคัญก็คือได้รู้จักคิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งไม่ค่อยได้จากการเรียนในห้องเรียน เพราะปัญหาที่เจอในการเรียนนั้นล้วนเป็นปัญหาที่หาคำตอบได้จากหนังสือ และเป็นคำตอบที่มีได้แค่หนึ่งเดียว ในขณะที่ปัญหาที่ข้าพเจ้าพบจากการทำโครงงานนั้น เป็นปัญหาปลายเปิดที่มีทางออกได้หลายทาง นอกจากนั้นกิจกรรมดังกล่าวยังช่วยฝึกทักษะให้แก่ข้าพเจ้าอีกหลายประการ เช่น การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน (หรือที่สมัยนี้เรียกว่า social skills ซึ่งไม่ค่อยได้จากการเรียนในห้องเรียนเท่าใดนัก)

กล่าวอีกนัยหนึ่ง กิจกรรมนอกห้องเรียนได้ช่วยให้ข้าพเจ้า “เรียนรู้”อีกหลายเรื่อง นับเป็นการขยายขอบเขตหรือนิยามของ “ความรู้” ให้กว้างกว่าที่ข้าพเจ้าเคยคิดว่ามีอยู่แต่ในหนังสือเท่านั้น ประสบการณ์ดังกล่าวประกอบกับการเรียนที่มีจุดหมายแปรเปลี่ยนไปดังได้กล่าวข้างต้น ช่วยให้ชีวิตในโรงเรียนของข้าพเจ้านับแต่นั้นมามีความสุขมากขึ้น ให้ประสบการณ์ที่มีชีวิตชีวา ไม่น่าเบื่อดังแต่ก่อน

ผลที่ต่อเนื่องตามมาก็คือ ข้าพเจ้าอ่านหนังสือหลากหลายมากขึ้น แม้ตอนนั้นตั้งใจจะเอาดีทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะด้านฟิสิกส์ ถึงกับเริ่มอ่านตำรามหาวิทยาลัยและตำราฝรั่งแล้ว แต่พออายุ ๑๕ ก็ขยายไปอ่านหนังสือด้านสังคมศาสตร์ด้วย อันเป็นเหตุให้กลายเป็นแฟนของส.ศิวรักษ์ และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ (ซึ่งตอนนั้นอยู่ในบังเหียนของสุชาติ สวัสดิ์ศรีแล้ว) ขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็เอาจริงเอาจังกับการทำกิจกรรมนอกห้องเรียนด้วย ไม่ใช่แต่กิจกรรมวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานอาสาพัฒนาและสังคมสงเคราะห์ โดยจับพลัดจับผลูไปเป็นแกนของกลุ่มอัสสัมชัญอาสาพัฒนา ซึ่งตอนนั้นเป็นกลุ่มนักเรียนกลุ่มเดียวในประเทศที่จัดค่ายอาสาพัฒนาทุกปี การคลุกคลีตีโมงอยู่กับเพื่อนนักเรียนกลุ่มนี้ ประกอบกับการอ่านหนังสือของส.ศิวรักษ์ และนิตยสารอย่างสังคมศาสตร์ปริทัศน์ ได้เปิดหูเปิดตาข้าพเจ้าเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองเวลานั้นซึ่งมีมากมายหลายประการ ทำให้เกิดความห่วงใยในบ้านเมืองและหล่อหลอมให้เกิดสำนึกทางการเมืองขึ้นมาในที่สุด

จากเด็กที่เอาแต่เรียน เส้นทางชีวิตของข้าพเจ้าได้เบนไปสู่การเป็นนักกิจกรรมทั้ง ๆ ที่ยังนุ่งกางเกงขาสั้น ไม่ใช่แค่กิจกรรมในโรงเรียน แต่ขยายไปสู่กิจกรรมนอกโรงเรียน ทำทั้งค่ายอาสาพัฒนา และร่วมชุมนุมประท้วงในเหตุการณ์เดือนตุลา ๒๕๑๖ ขณะเดียวกันกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ทิ้ง ข้าพเจ้ายังคงทำโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นตัวแทนของชั้นและโรงเรียนทุกปี จนได้รับรางวัลที่ ๑ เป็นคำรบสอง แต่ระยะหลังความสนุกเริ่มลดลง เพราะความสนใจในทางสังคมศาสตร์แรงกล้าขึ้นจนไม่คิดจะเอาดีทางวิทยาศาสตร์หรือเป็นวิศวกรอีกต่อไป ในปีสุดท้ายของมัธยมศึกษา ข้าพเจ้าจึงย้ายไปเรียนห้องศิลปะและเลือกเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทน

มาถึงตอนนี้ข้าพเจ้าไม่ได้เรียนเพื่อความรู้แล้ว แต่ได้เปลี่ยนเป็นเรียนเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม เพื่อสังคม หรือเพื่อประเทศชาติ ที่จริงไม่ใช่แค่การเรียนเท่านั้น แต่ขยายไปถึงการดำเนินชีวิตเลยทีเดียว
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
จุดเปลี่ยนและบทเรียนชีวิต ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุ ๑๔ ปี พูดถึงประวัติการเรียนแล้ว ก็นับว่าเป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอด แม้ไม่ถึงกับดีมากหรือดีเลิศ (เคยสอบได้ที่ ๑ เพียงครั้งเดียว ส่วนใหญ่อยู่ใน ๑๐ อันดับแรกของชั้น) ไม่เคยมีปัญหากับครูบาอาจารย์ เพราะเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน ไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องการบ้าน แต่ก็ยอมรับว่าตั้งแต่อนุบาลเป็นต้นมาไม่เคยมีความสุขกับการเรียนเลย (ยกเว้นบางวิชาในบางปีเท่านั้น) การเรียนเป็นแค่การทำตามหน้าที่ โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อทำคะแนนให้ดีที่สุด แน่นอนว่าถ้าวิชาไหนได้คะแนนน้อย หรือเทอมใดผลสอบออกมาไม่ดี ก็รู้สึกเป็นทุกข์มาก แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อถึงอายุดังกล่าวมีวันหนึ่งข้าพเจ้าถามตัวเองว่าเราเรียนเพื่ออะไร ข้าพเจ้าพบว่าคำตอบไม่น่าจะเป็นการเรียนเพื่อเอาคะแนนแต่ควรเป็นการเรียนเพื่อเอาความรู้มากกว่าความคิดเช่นนี้ทำให้จุดหมายในการเรียนของข้าพเจ้าเปลี่ยนไปและช่วยให้ข้าพเจ้าก็มีความสุขกับการเรียนมากขึ้นเพราะคะแนนหรือผลสอบมีความหมายต่อข้าพเจ้าน้อยลงเพราะถึงแม้บางวิชาจะได้คะแนนไม่มากแต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าได้ความรู้มากขึ้นคำตอบดังกล่าวไม่เพียงทำให้ข้าพเจ้ากระตือรือร้นกับการอ่านหนังสือเรียนโดยไม่สนใจว่าครูจะออกข้อสอบหรือไม่แล้วยังทำให้เกิดความสนใจอ่านหนังสือนอกห้องเรียนมากขึ้นที่จริงข้าพเจ้าเป็นสมาชิกขาประจำของห้องสมุดในโรงเรียนมานานแล้วแต่คราวนี้ยังสนใจหนังสือที่เป็นวิชาการมากขึ้นด้วยไม่ใช่แค่สารคดีเท่านั้นมีเหตุการณ์หนึ่งที่มาเสริมความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ก็คือข้าพเจ้ากับเพื่อนได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของห้องในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์เพื่อร่วมงานวิทยาศาสตร์ที่เครือข่ายโรงเรียนคาทอลิกจัดขึ้น (ล้อกับงานวิทยาศาสตร์สัมพันธ์อันโด่งดังซึ่งจัดที่โรงเรียนสวนกุหลาบ ฯ มานานหลายปี) ข้าพเจ้าเป็นเด็กเรียนที่ไม่เคยทำกิจกรรมทำนองนี้มาก่อน เมื่อมารับผิดชอบงานนี้ จึงได้พานพบประสบการณ์หลายอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งล้วนแต่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั้งสิ้น แม้ปัญหาบางอย่างจะทำให้หนักใจไปหลายวัน เพราะทำเกือบเสร็จแล้วแต่ไม่ทำงานดังที่หวัง (เครื่องทำน้ำอุ่นพลังแสงอาทิตย์ แต่น้ำกลับไม่เขยื้อนขยับ) แต่หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดกับมันอย่างเอาจริงเอาจัง ก็หาทางออกได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความสุข ยิ่งโครงงานนี้ได้รับรางวัลที่ ๑ ด้านฟิสิกส์ก็ยิ่งเกิดความภาคภูมิใจประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้ข้าพเจ้าพบว่า การทำกิจกรรมนอกห้องเรียนนั้นให้อะไรแก่ตนเองมากมายอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ที่สำคัญก็คือได้รู้จักคิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งไม่ค่อยได้จากการเรียนในห้องเรียน เพราะปัญหาที่เจอในการเรียนนั้นล้วนเป็นปัญหาที่หาคำตอบได้จากหนังสือ และเป็นคำตอบที่มีได้แค่หนึ่งเดียว ในขณะที่ปัญหาที่ข้าพเจ้าพบจากการทำโครงงานนั้น เป็นปัญหาปลายเปิดที่มีทางออกได้หลายทาง นอกจากนั้นกิจกรรมดังกล่าวยังช่วยฝึกทักษะให้แก่ข้าพเจ้าอีกหลายประการ เช่น การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน (หรือที่สมัยนี้เรียกว่า social skills ซึ่งไม่ค่อยได้จากการเรียนในห้องเรียนเท่าใดนัก)กล่าวอีกนัยหนึ่ง กิจกรรมนอกห้องเรียนได้ช่วยให้ข้าพเจ้า “เรียนรู้”อีกหลายเรื่อง นับเป็นการขยายขอบเขตหรือนิยามของ “ความรู้” ให้กว้างกว่าที่ข้าพเจ้าเคยคิดว่ามีอยู่แต่ในหนังสือเท่านั้น ประสบการณ์ดังกล่าวประกอบกับการเรียนที่มีจุดหมายแปรเปลี่ยนไปดังได้กล่าวข้างต้น ช่วยให้ชีวิตในโรงเรียนของข้าพเจ้านับแต่นั้นมามีความสุขมากขึ้น ให้ประสบการณ์ที่มีชีวิตชีวา ไม่น่าเบื่อดังแต่ก่อนผลที่ต่อเนื่องตามมาก็คือ ข้าพเจ้าอ่านหนังสือหลากหลายมากขึ้น แม้ตอนนั้นตั้งใจจะเอาดีทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะด้านฟิสิกส์ ถึงกับเริ่มอ่านตำรามหาวิทยาลัยและตำราฝรั่งแล้ว แต่พออายุ ๑๕ ก็ขยายไปอ่านหนังสือด้านสังคมศาสตร์ด้วย อันเป็นเหตุให้กลายเป็นแฟนของส.ศิวรักษ์ และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ (ซึ่งตอนนั้นอยู่ในบังเหียนของสุชาติ สวัสดิ์ศรีแล้ว) ขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็เอาจริงเอาจังกับการทำกิจกรรมนอกห้องเรียนด้วย ไม่ใช่แต่กิจกรรมวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานอาสาพัฒนาและสังคมสงเคราะห์ โดยจับพลัดจับผลูไปเป็นแกนของกลุ่มอัสสัมชัญอาสาพัฒนา ซึ่งตอนนั้นเป็นกลุ่มนักเรียนกลุ่มเดียวในประเทศที่จัดค่ายอาสาพัฒนาทุกปี การคลุกคลีตีโมงอยู่กับเพื่อนนักเรียนกลุ่มนี้ ประกอบกับการอ่านหนังสือของส.ศิวรักษ์ และนิตยสารอย่างสังคมศาสตร์ปริทัศน์ ได้เปิดหูเปิดตาข้าพเจ้าเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองเวลานั้นซึ่งมีมากมายหลายประการ ทำให้เกิดความห่วงใยในบ้านเมืองและหล่อหลอมให้เกิดสำนึกทางการเมืองขึ้นมาในที่สุดจากเด็กที่เอาแต่เรียน เส้นทางชีวิตของข้าพเจ้าได้เบนไปสู่การเป็นนักกิจกรรมทั้ง ๆ ที่ยังนุ่งกางเกงขาสั้น ไม่ใช่แค่กิจกรรมในโรงเรียน แต่ขยายไปสู่กิจกรรมนอกโรงเรียน ทำทั้งค่ายอาสาพัฒนา และร่วมชุมนุมประท้วงในเหตุการณ์เดือนตุลา ๒๕๑๖ ขณะเดียวกันกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ทิ้ง ข้าพเจ้ายังคงทำโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นตัวแทนของชั้นและโรงเรียนทุกปี จนได้รับรางวัลที่ ๑ เป็นคำรบสอง แต่ระยะหลังความสนุกเริ่มลดลง เพราะความสนใจในทางสังคมศาสตร์แรงกล้าขึ้นจนไม่คิดจะเอาดีทางวิทยาศาสตร์หรือเป็นวิศวกรอีกต่อไป ในปีสุดท้ายของมัธยมศึกษา ข้าพเจ้าจึงย้ายไปเรียนห้องศิลปะและเลือกเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทนมาถึงตอนนี้ข้าพเจ้าไม่ได้เรียนเพื่อความรู้แล้ว แต่ได้เปลี่ยนเป็นเรียนเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม เพื่อสังคม หรือเพื่อประเทศชาติ ที่จริงไม่ใช่แค่การเรียนเท่านั้น แต่ขยายไปถึงการดำเนินชีวิตเลยทีเดียว
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

14 ปีพูดถึงประวัติการเรียนแล้วก็นับว่าเป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอดแม้ไม่ถึงกับดีมากหรือดีเลิศ (เคยสอบได้ที่ 1 เพียงครั้งเดียวส่วนใหญ่อยู่ใน 10 อันดับแรกของชั้น) ไม่เคยมีปัญหากับ ครูบาอาจารย์เพราะเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องการบ้าน (ยกเว้นบางวิชาในบางปีเท่านั้น) การเรียนเป็นแค่การทำตามหน้าที่ แน่นอนว่าถ้าวิชาไหนได้คะแนนน้อยหรือเทอมใดผลสอบออกมาไม่ดี มีวันหนึ่งข้าพเจ้าถามตัวเองว่าเราเรียนเพื่ออะไร? ข้าพเจ้าพบว่าคำตอบไม่น่าจะเป็นการเรียนเพื่อเอาคะแนน ฯ มานานหลายปี) เมื่อมารับผิดชอบงานนี้ (เครื่องทำน้ำอุ่นพลังแสงอาทิตย์ แต่น้ำกลับไม่เขยื้อนขยับ) ก็หาทางออกได้สิ่งที่เกิดขึ้นคือความสุขยิ่งโครงงานนี้ได้รับรางวัลที่ 1 และเป็นคำตอบที่มีได้แค่หนึ่งเดียว เช่นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน (หรือที่สมัยนี้เรียกว่าทักษะทางสังคม "เรียนรู้" อีกหลายเรื่องนับเป็นการขยายขอบเขตหรือนิยามของ "ความรู้" ให้ประสบการณ์ที่มีชีวิตชีวา แต่พออายุ 15 และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ สวัสดิ์ศรีแล้ว) ๆ ที่ยังนุ่งกางเกงขาสั้นไม่ใช่แค่กิจกรรมในโรงเรียน แต่ขยายไปสู่กิจกรรมนอกโรงเรียนทำทั้งค่ายอาสาพัฒนา 2516 จนได้รับรางวัลที่ 1 เป็นคำรบสอง แต่ระยะหลังความสนุกเริ่มลดลง ในปีสุดท้ายของมัธยมศึกษา เพื่อสังคมหรือเพื่อประเทศชาติที่จริงไม่ใช่แค่การเรียนเท่านั้น

















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!



จุดเปลี่ยนและบทเรียนชีวิตตอนนั้นข้าพเจ้าอายุ๑๔ . พูดถึงประวัติการเรียนแล้วก็นับว่าเป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอดแม้ไม่ถึงกับดีมากหรือดีเลิศ ( เคยสอบได้ที่๑เพียงครั้งเดียวส่วนใหญ่อยู่ใน๑๐อันดับแรกของชั้น )เพราะเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องการบ้านแต่ก็ยอมรับว่าตั้งแต่อนุบาลเป็นต้นมาไม่เคยมีความสุขกับการเรียนเลย ( ยกเว้นบางวิชาในบางปีเท่านั้น ) การเรียนเป็นแค่การทำตามหน้าที่แน่นอนว่าถ้าวิชาไหนได้คะแนนน้อยหรือเทอมใดผลสอบออกมาไม่ดีก็รู้สึกเป็นทุกข์มาก

แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อถึงอายุดังกล่าวมีวันหนึ่งข้าพเจ้าถามตัวเองว่าเราเรียนเพื่ออะไร ?ข้าพเจ้าพบว่าคำตอบไม่น่าจะเป็นการเรียนเพื่อเอาคะแนนแต่ควรเป็นการเรียนเพื่อเอาความรู้มากกว่าความคิดเช่นนี้ทำให้จุดหมายในการเรียนของข้าพเจ้าเปลี่ยนไปและช่วยให้ข้าพเจ้าก็มีความสุขกับการเรียนมากขึ้นเพราะถึงแม้บางวิชาจะได้คะแนนไม่มากแต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าได้ความรู้มากขึ้น

คำตอบดังกล่าวไม่เพียงทำให้ข้าพเจ้ากระตือรือร้นกับการอ่านหนังสือเรียนโดยไม่สนใจว่าครูจะออกข้อสอบหรือไม่แล้วยังทำให้เกิดความสนใจอ่านหนังสือนอกห้องเรียนมากขึ้นแต่คราวนี้ยังสนใจหนังสือที่เป็นวิชาการมากขึ้นด้วยไม่ใช่แค่สารคดีเท่านั้น

มีเหตุการณ์หนึ่งที่มาเสริมความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็คือข้าพเจ้ากับเพื่อนได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของห้องในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์เพื่อร่วมงานวิทยาศาสตร์ที่เครือข่ายโรงเรียนคาทอลิกจัดขึ้นฯมานานหลายปี ) ข้าพเจ้าเป็นเด็กเรียนที่ไม่เคยทำกิจกรรมทำนองนี้มาก่อนเมื่อมารับผิดชอบงานนี้จึงได้พานพบประสบการณ์หลายอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนซึ่งล้วนแต่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั้งสิ้น
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: