There are a number of factors that

There are a number of factors that are related to criminal behavior. These include arrested development in areas critical for behaving in a prosocial fashion, such as empathy and attachment, interpersonal perspective taking and moral development. Also important are substance abuse and partly biologically based conditions such as ADHD. This suggests that individuals' behavior, whether behaving in a criminal fashion or not, is largely determined, and not due to their "free will." If individuals do not have free will, then punishing individuals because of their bad will does not make sense. But that does not mean that society should not do something about their behavior. If, in addition, it is understood that in many cases people offend because they have significant deficits in a number of areas of their development, again, punishment might not be the best course of action by the society. Instead, when an individual commits a crime, the legal system and the society need to come to an understanding of the specific deficits of this offender and what kinds of interventions would be most likely to result in a more productive member of society and protection of society. What would benefit the society, including the victims of crimes, and the individual offender, given that the person did commit the crime? Ideally, solutions would come more from the systems perspective, with all the stakeholders involved in making a consensual decision. This assumes that a number of things would have to change. First, it is important to change society's views about free will as the causes of bad behavior, and what works in bringing about change in people's behavior. Although we have concentrated on the general belief in free will, another topic would be to examine the failure of punishment to bring about change. The majority of individuals in this country and many others believe that punishment is an effective way to control behavior. This belief in the need for punishment is simply another folk psychological belief for which there is little empirical evidence. Behavioral scientists have a long way to go in order to convince people that this is not so. Second, the legal system itself would have to move from being an adversarial system to being more of a mediationbased system. Mediation is used increasingly, for example in cases of divorce, or cases involving the rights of minor children or incapacitated individuals, such as persons with mental retardation. Mediation would have to move to being a much more central part of the legal system. Finally, the nature of rehabilitation would have to change. Currently there is little to no rehabilitation. Rehabilitation would need to include: education, therapy, and drug treatment, as well as ways of protecting the public, like home incarceration and supervision of individuals who are undergoing rehabilitation. When we discuss education and therapy, we are not referring to the kinds of systems currently in place. It is clear that individuals who have been grievously injured due to the interactions between their biological systems and their early experiences will need extensive and intensive education and therapy combined. Such intervention would be designed to rehabilitate the individual in the specific areas in which they have been shown to have deficits. It would need to be tailored to the unique needs of each individual.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม รวมถึงพัฒนาจับกุมในพื้นที่สำคัญสำหรับแฟชั่น prosocial เอาใจใส่และสิ่งที่แนบ สังเกตมุมมองมนุษยสัมพันธ์คุณธรรม และเดิน สำคัญยังละเมิดสิทธิสารและบางส่วนชิ้นตามเงื่อนไขเช่นภาระผูกพัน นี้แนะนำลักษณะการทำงานของบุคคลนั้น ส่วนใหญ่ถูกกำหนดพฤติกรรมในทางอาญา หรือ ไม่ และไม่เนื่อง จากพวกเขา "จะ" ถ้าบุคคลไม่มีจะ แล้ว ร็อกโซเวียนบุคคล เนื่องจากพวกเขาจะไม่ดีไม่เหมาะสม แต่ที่ไม่ได้หมายความ ว่า สังคมไม่ควรทำบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขา ถ้า นอกจากนี้ มันเป็นที่เข้าใจว่า ในหลายกรณี คนบาดเนื่องจากมีการขาดดุลที่สำคัญในจำนวนของพื้นที่การพัฒนาของพวกเขา อีก ลงโทษอาจไม่ได้สนามที่ดีสุดของการดำเนินการโดยสมาคม แทน เมื่อบุคคลทำอาชญากรรม ระบบกฎหมาย และสังคมต้องมาตามความเข้าใจของการขาดดุลการคลังเฉพาะผู้นี้และชนิดของงานวิจัยจะมักส่งผลให้สมาชิกของสังคมมากขึ้นและป้องกันสังคม อะไรจะได้ประโยชน์สังคม รวมทั้งเหยื่อของอาชญากรรม ผู้กระทำผิดแต่ละ ที่บุคคลได้กระทำอาชญากรรม ดาว โซลูชั่นจะมาเพิ่มเติมมุมมองระบบ ด้วยเสียทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ consensual สมมติว่า หมายเลขของสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลง แรก มันเป็นสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงมุมมองของสังคมเกี่ยวกับจะเป็นสาเหตุของพฤติกรรมที่ไม่ดี และสิ่งที่ทำงานในการนำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของคน ถึงแม้ว่าเรามีเข้มข้นกับความเชื่อทั่วไปในถ้ำ หัวข้ออื่นจะมีการ ตรวจสอบความล้มเหลวของการลงโทษก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนใหญ่คนในประเทศนี้และอื่น ๆ อีกมากมายเชื่อว่า การลงโทษเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมลักษณะการทำงาน ความเชื่อนี้จะลงโทษเป็นเรื่องพื้นบ้านจิตวิทยาความเชื่อที่มีหลักฐานประจักษ์น้อย นักวิทยาศาสตร์พฤติกรรมมีแบบไปเพื่อคนที่ไม่มั่นใจให้ สอง ระบบกฎหมายเองจะต้องย้ายจากการเป็นระบบ adversarial เป็นระบบ mediationbased เพิ่มเติม กาชาดไว้มาก เช่นในกรณีการหย่า หรือกรณีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของเด็กเล็ก หรือ incapacitated บุคคล เช่นคนมีปัญญา กาชาดจะต้องย้ายไปอยู่ส่วนกลางมากของระบบกฎหมาย สุดท้าย ธรรมชาติของการฟื้นฟูจะมีการเปลี่ยนแปลง ในปัจจุบันมีน้อยการฟื้นฟูไม่ ฟื้นฟูสมรรถภาพจะต้องมี: การศึกษา รักษา และยารักษา ตลอดจนวิธีการปกป้องประชาชน เช่นกักขังบ้านและดูแลบุคคลที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟู เมื่อเรากล่าวถึงการศึกษาและบำบัด เราจะไม่อ้างอิงถึงชนิดของระบบในปัจจุบันที่ เป็นที่ชัดเจนว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกลเนื่องจากการโต้ตอบระหว่างระบบชีวภาพของพวกเขาและประสบการณ์ของพวกเขาก่อนจะต้องศึกษาอย่างละเอียด และเข้มข้นและบำบัดรวม การแทรกแซงดังกล่าวจะถูกออกแบบมาเพื่อบำบัดบุคคลในพื้นที่เฉพาะซึ่งพวกเขาได้รับการแสดงเพื่อให้การขาดดุล มันต้องกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมความผิดทางอาญาที่มี เหล่านี้รวมถึงการพัฒนาที่ถูกจับกุมในพื้นที่ที่สำคัญสำหรับพฤติกรรมในแฟชั่น prosocial เช่นความเห็นอกเห็นใจและความผูกพันมุมมองความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและการพัฒนาจริยธรรม ที่สำคัญยังมีสารเสพติดและอีกส่วนหนึ่งตามเงื่อนไขทางชีวภาพเช่นสมาธิสั้น นี้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของประชาชนไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในลักษณะความผิดทางอาญาหรือไม่ส่วนใหญ่จะถูกกำหนดและไม่ได้เกิดจากพวกเขา "จะฟรี." ถ้าบุคคลที่ไม่ได้มีเจตจำนงเสรีแล้วลงโทษบุคคลเพราะความดีของพวกเขาจะไม่ได้ทำให้รู้สึก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสังคมไม่ควรทำอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขา หากในนอกจากนี้เป็นที่เข้าใจว่าในหลายกรณีคนร​​ุกรานเพราะพวกเขามีขาดทุนสะสมจำนวนมากในหลายพื้นที่ของการพัฒนาของพวกเขาอีกครั้งการลงโทษอาจจะไม่ดีที่สุดของการดำเนินการโดยสังคม แต่เมื่อบุคคลกระทำอาชญากรรมระบบกฎหมายและสังคมจำเป็นต้องมาเข้าใจของการขาดดุลที่เฉพาะเจาะจงของผู้กระทำผิดนี้และสิ่งที่ชนิดของการแทรกแซงจะมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้สมาชิกมีประสิทธิผลมากขึ้นของสังคมและการป้องกันของสังคม . สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมรวมทั้งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมและการกระทำผิดของแต่ละบุคคลที่ได้รับว่าคนที่ได้กระทำผิดทางอาญาหรือไม่ จะเป็นการดีที่จะมาแก้ปัญหามากขึ้นจากมุมมองของระบบกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจยินยอม นี้อนุมานว่าจำนวนของสิ่งที่จะต้องเปลี่ยน ครั้งแรกเป็นสิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนมุมมองของสังคมเกี่ยวกับอิสระที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดพฤติกรรมที่ไม่ดีและสิ่งที่ทำงานในการนำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้คน แม้ว่าเราจะมีสมาธิอยู่กับความเชื่อทั่วไปในพินัยกรรมฟรีหัวข้ออื่นที่จะตรวจสอบความล้มเหลวของการลงโทษที่จะนำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศนี้และคนอื่น ๆ หลายคนเชื่อว่าการลงโทษเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมพฤติกรรม ความเชื่อนี้อยู่ในความต้องการสำหรับการลงโทษเป็นเพียงอีกหนึ่งความเชื่อพื้นบ้านทางจิตวิทยาที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์เล็ก ๆ น้อย ๆ นักวิทยาศาสตร์มีพฤติกรรมทางยาวไปเพื่อที่จะโน้มน้าวให้คนที่ไม่เป็นเช่นนั้น ประการที่สองระบบกฎหมายของตัวเองจะต้องย้ายจากการเป็นระบบขัดแย้งที่จะเป็นมากขึ้นของระบบ mediationbased ไกล่เกลี่ยถูกนำมาใช้มากขึ้นเช่นในกรณีของการหย่าร้างหรือกรณีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของเด็กเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือบุคคลไร้ความสามารถเช่นบุคคลที่มีความพิการทางสมอง การไกล่เกลี่ยจะต้องย้ายไปเป็นภาคกลางมากขึ้นของระบบกฎหมาย ในที่สุดธรรมชาติของการฟื้นฟูจะมีการเปลี่ยนแปลง ขณะนี้มีเพียงเล็กน้อยที่จะไม่มีการฟื้นฟูสมรรถภาพ ฟื้นฟูจะต้องรวมถึงการศึกษาการรักษาและการรักษายาเสพติดเช่นเดียวกับวิธีการปกป้องประชาชนเช่นการจำคุกที่บ้านและการกำกับดูแลของผู้ที่เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพได้รับ เมื่อเราพูดคุยเกี่ยวกับการศึกษาและการรักษาเราจะไม่ได้หมายถึงชนิดของระบบปัจจุบันในสถานที่ เป็นที่ชัดเจนว่าบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบชีวภาพของพวกเขาและประสบการณ์แรกของพวกเขาจะต้องมีการศึกษาอย่างกว้างขวางและอย่างเข้มข้นและการรักษารวม การแทรกแซงดังกล่าวจะได้รับการออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูบุคคลในพื้นที่เฉพาะที่พวกเขาได้รับการแสดงที่จะมีการขาดดุล มันจะต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีจำนวนของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมอาชญากรรม เหล่านี้รวมถึงถูกจับพัฒนาในพื้นที่สำคัญสำหรับการปฏิบัติในแฟชั่นความแตกต่าง เช่น ความรู้สึกและความผูกพัน ระหว่างการถ่ายและมุมมองการพัฒนาจริยธรรม นอกจากนี้ ที่สำคัญมีสารเสพติด และส่วนหนึ่งได้ตามเงื่อนไข เช่น โรคสมาธิสั้น นี้แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมของแต่ละบุคคล ,ไม่ว่าจะทำในแฟชั่นทางอาญาหรือไม่ ถูกกําหนด และไม่ได้เนื่องจากจะฟรีของพวกเขา " . " หากบุคคลไม่ได้มีจะฟรี แล้วลงโทษบุคคลเพราะจะไม่ดีไม่เหมาะสม แต่ที่ไม่ได้หมายความ ว่า สังคมไม่ควรทำอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขา ถ้านอกจากนี้เป็นที่เข้าใจว่าในหลายกรณีคนขัดใจ เพราะพวกเขามีความเกิดในพื้นที่ของการพัฒนาของพวกเขาอีกครั้ง การลงโทษอาจเป็นหลักสูตรที่ดีที่สุดของการกระทำจากสังคม แทน เมื่อบุคคลทำความผิดระบบศาลและสังคมต้องมาเข้าใจเกี่ยวกับการขาดดุลที่เฉพาะเจาะจงของผู้กระทำผิดและชนิดของการแทรกแซงจะมักจะส่งผลให้สมาชิกมากขึ้นของสังคมและการคุ้มครองสังคม สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมและความผิดส่วนบุคคล ระบุว่าบุคคลที่ได้กระทำอาชญากรรม ใจกลางโซลูชั่นที่จะมาเพิ่มเติมจากระบบมุมมอง กับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจยินยอม นี้สันนิษฐานว่า จำนวนของสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลง แรก , มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสังคมฟรีจะเป็นสาเหตุของพฤติกรรมที่ไม่ดีและสิ่งที่ทำงานในนำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนแม้ว่าเราจะมีความเข้มข้นในความเชื่อทั่วไปในจะฟรี หัวข้ออื่นจะตรวจสอบความล้มเหลวของการลงโทษเพื่อนำมาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ส่วนใหญ่ของ บุคคล ในประเทศนี้ และหลายคนเชื่อว่า การลงโทษเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมพฤติกรรมความเชื่อนี้ในต้องลงโทษอีกเพียงแค่ความเชื่อพื้นบ้านทางจิตวิทยาซึ่งมีหลักฐานเชิงประจักษ์ของเล็ก ๆน้อย ๆ นักวิทยาศาสตร์พฤติกรรมที่ต้องเดินทางไกลเพื่อที่จะโน้มน้าวให้ผู้คนที่ไม่ได้ดังนั้น . ประการที่สอง กฎหมายเอง ก็จะต้องย้ายจากการขัดแย้งเป็นระบบมากขึ้นของระบบ mediationbased . การไกล่เกลี่ยจะใช้มากขึ้นตัวอย่างเช่นในกรณีของการหย่าร้าง หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของบุตรผู้เยาว์ หรือทำให้บุคคล เช่น บุคคลปัญญาอ่อน การไกล่เกลี่ยจะต้องย้ายไปเป็นส่วนมาก กลางของระบบกฎหมาย สุดท้าย ธรรมชาติของการฟื้นฟูจะต้องเปลี่ยน ขณะนี้มีเพียงเล็กน้อยที่จะไม่ทำ การฟื้นฟูจะต้องรวม : การศึกษาการรักษา ยารักษาโรค ตลอดจนวิธีปกป้องสาธารณะ เช่น ที่บ้าน และดูแลบุคคลที่อยู่ระหว่างฟื้นฟู เมื่อเรากล่าวถึงการศึกษา และการบำบัด เราไม่ได้หมายถึงชนิดของระบบอยู่ในสถานที่ .เป็นที่ชัดเจนว่า บุคคลที่ได้รับ เศร้าใจบาดเจ็บเนื่องจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบชีวภาพของพวกเขาและประสบการณ์ของพวกเขาก่อนจะต้องกว้างขวาง และเร่งรัดการศึกษาและการรวมกัน การแทรกแซงดังกล่าวจะถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูสภาพบุคคลในพื้นที่ที่เฉพาะเจาะจงในที่พวกเขาได้รับการแสดงที่จะมีเกิดมันจะต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล