Phytoremediation basically refers t

Phytoremediation basically refers to the use of plants and associated microorganisms to partially or
completely remediate selected contaminants from soil, sludge, sediments, wastewater and ground water.
It can be used for removal of radionuclides, organic pollutants as well as heavy metals [92].
Phytoremediation utilizes a variety of plant processes and the physical characteristics of plants to aid in
remediation of contaminated sites. Over the recent years, a special emphasis has been placed on
phytoremediation since this property can be exploited for remediation of heavy metal polluted soils [93,94].
It is a cost-effective, efficient and eco-friendly in situ remediation technology driven by solar energy.
The technique of phytoremediation includes a number of different processes such as phytoextraction,
phytofiltration, phytostabilization, phytovolatilization and phytodegradation [95]. A summary of various
processes involved in the phytoremediation of heavy metals is shown in Figure 2. The initial step of
phytoremediation is phytoextraction, the uptake of contaminants from soil or water by plant roots and
their translocation to and accumulation in biomass, i.e., shoots [96]. Translocation of metals to shoots is
an important biochemical process and is desirable in an effective phytoextraction. The next important
process of phytoremediation is phytofiltration, which includes rhizofiltration (use of plant roots),
blastofiltration (use of seedlings) or caulofiltration (use of excised plant shoots) [97]. In this, the metals
are absorbed or adsorbed and thus their movement in underground water is minimized. In addition to the
above process, phytostabilization or phytoimmobilization occurs, which reduces the mobility and
bioavailability of metals in the environment and thus prevents their migration into groundwater or the
food chain [98]. Plants perform the immobilization of heavy metals in soils by sorption through roots,

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การบำบัดโดยทั่วไปหมายถึงการใช้ของพืชและจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องบางส่วนหรือสมบูรณ์ remediate สารปนเปื้อนที่เลือกจากดินตะกอนตะกอนน้ำเสียและน้ำพื้นดิน. มันสามารถใช้สำหรับการกำจัดของ radionuclides มลพิษอินทรีย์เช่นเดียวกับโลหะหนัก [92] การบำบัดจะใช้ความหลากหลายของกระบวนการอาคารและลักษณะทางกายภาพของพืชเพื่อช่วยในการฟื้นฟูสถานที่ปนเปื้อน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเน้นเป็นพิเศษที่ได้รับการวางอยู่บนบำบัดตั้งแต่คุณสมบัตินี้สามารถใช้ประโยชน์ในการฟื้นฟูดินที่ปนเปื้อนของโลหะหนัก [93,94]. มันเป็นค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในแหล่งกำเนิดเทคโนโลยีขับเคลื่อนการฟื้นฟูโดย พลังงานแสงอาทิตย์. เทคนิคของการบำบัดรวมถึงจำนวนของกระบวนการที่แตกต่างกันเช่นการดูดซับ, phytofiltration, phytostabilization, phytovolatilization และ phytodegradation [95] บทสรุปของการต่างๆกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการบำบัดของโลหะหนักจะแสดงในรูปที่ 2 ขั้นตอนเริ่มต้นของการบำบัดคือดูดซับ, การดูดซึมของสารปนเปื้อนจากดินหรือน้ำจากรากพืชและโยกย้ายของพวกเขาไปและการสะสมในชีวมวลคือหน่อ[ 96] การโยกย้ายของโลหะที่จะยิงเป็นกระบวนการทางชีวเคมีที่สำคัญและเป็นที่พึงปรารถนาในการดูดซับที่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญต่อไปขั้นตอนการบำบัดเป็น phytofiltration ซึ่งรวมถึง rhizofiltration (ใช้รากพืช) blastofiltration (ใช้ต้นกล้า) หรือ caulofiltration (การใช้งานของโรงงานตัดหน่อ) [97] ในการนี้โลหะจะถูกดูดซึมหรือดูดซับและทำให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาในน้ำใต้ดินจะลดลง นอกจากนี้ยังมีกระบวนการข้างต้น phytostabilization หรือ phytoimmobilization เกิดขึ้นซึ่งจะช่วยลดความคล่องตัวและการดูดซึมของโลหะในสภาพแวดล้อมและทำให้การป้องกันไม่ให้การย้ายถิ่นของพวกเขาเป็นน้ำบาดาลหรือห่วงโซ่อาหาร[98] พืชดำเนินการตรึงของโลหะหนักในดินโดยการดูดซับผ่านราก