A variety of social, cultural, ethn

A variety of social, cultural, ethnic, and linguistic factors contributed to the sparking of unrest in eastern and southern Ukraine in the aftermath of the early 2014 revolution in Ukraine. Following Ukrainian independence from the Soviet Union in 1991, resurfacing historical and cultural divisions and a weak state structure hampered the development of a unified Ukrainian national identity.[1] In eastern and southern Ukraine, Russification and ethnic Russian settlement during centuries of Russian rule caused the Russian language to attain primacy, even amongst ethnic Ukrainians. In Crimea, ethnic Russians have comprised the majority of the population since the deportation of the indigenous Crimean Tatars by Soviet Union leader Joseph Stalin following the Second World War. This contrasts with western and central Ukraine, which were historically ruled by a variety of powers, such as the Polish–Lithuanian Commonwealth and the Austrian Empire.[2] In these areas, the Ukrainian ethnic, national, and linguistic identity remained intact.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความหลากหลายของปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม เชื้อชาติ และภาษาศาสตร์ส่วนประกายไฟของความไม่สงบในตะวันออก และภาคใต้ยูเครนผลพวงของการปฏิวัติ 2014 ช่วงในยูเครน ต่อเอกราชยูเครนจากสหภาพโซเวียตในพ.ศ. 2534, resurfacing ส่วนประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมและโครงสร้างอ่อนแอรัฐขัดขวางการพัฒนาเอกลักษณ์ประจำชาติยูเครนรวม [1] ในยูเครนตะวันออก และภาคใต้ Russification และจ่ายชาวรัสเซียระหว่างศตวรรษของกฎรัสเซียเกิดภาษารัสเซียเพื่อบรรลุ primacy แม้แต่หมู่ชนเผ่า Ukrainians ใน Crimea ชนเผ่านี่มีประกอบด้วยส่วนใหญ่ของประชากรเนื่องจากพฤติกรรมของ Tatars ไครเมียพื้นโดยผู้นำสหภาพโซเวียตโจเซฟสตาลินหลังสงครามโลกครั้งสอง ซึ่งความแตกต่างกับตะวันตก และกลางประเทศยูเครน ที่อดีตถูกปกครอง โดยความหลากหลายของอำนาจ เครือจักรภพโปแลนด์ลิทัวเนียและจักรวรรดิออสเตรีย [2] ในพื้นที่เหล่านี้ รหัสเชื้อชาติ ชาติ และภาษาศาสตร์ยูเครนยังคงเหมือนเดิม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความหลากหลายของสังคมวัฒนธรรมเชื้อชาติภาษาและปัจจัยสนับสนุนการเกิดประกายไฟของความไม่สงบในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนในผลพวงของการปฏิวัติในช่วงต้น 2014 ในยูเครน ต่อไปนี้เป็นอิสระยูเครนจากสหภาพโซเวียตในปี 1991 ผลัดหน่วยงานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมและโครงสร้างของรัฐที่อ่อนแอขัดขวางการพัฒนาแบบครบวงจรเอกลักษณ์ประจำชาติยูเครน. [1] ในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน Russification และการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์รัสเซียในช่วงศตวรรษของการปกครองของรัสเซียที่เกิด ภาษารัสเซียที่จะบรรลุความเป็นอันดับหนึ่งแม้ในหมู่ Ukrainians ชาติพันธุ์ ในแหลมไครเมียเชื้อชาติรัสเซียได้ประกอบด้วยส่วนใหญ่ของประชากรตั้งแต่พฤติกรรมของชนพื้นเมืองไครเมียตาตาร์โดยสหภาพโซเวียตโจเซฟสตาลินผู้นำต่อไปสงครามโลกครั้งที่สอง ความขัดแย้งนี้กับยูเครนตะวันตกและภาคกลางซึ่งถูกปกครองในอดีตด้วยความหลากหลายของอำนาจเช่นโปแลนด์และลิทัวเนียจักรวรรดิออสเตรีย. [2] ในพื้นที่เหล่านี้ยูเครนชาติพันธุ์แห่งชาติและเอกลักษณ์ทางภาษาที่ยังคงสภาพสมบูรณ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความหลากหลายของสังคม วัฒนธรรม ชาติพันธุ์ และปัจจัยด้านส่วนของความไม่สงบในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ ยูเครนในผลพวงของการปฏิวัติช่วงต้นปี 2014 ในยูเครน ต่อไปนี้ชาวยูเครนเอกราชจากสหภาพโซเวียตในปี 1991 รวมทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หน่วยงานและโครงสร้างรัฐอ่อนแอ hampered การพัฒนารวมยูเครนแห่งชาติของตัวตน[ 1 ] ในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนและรัสเซียในช่วงศตวรรษที่ russification ชาติพันธุ์ของการปกครองรัสเซียทำให้ภาษารัสเซียเพื่อบรรลุความเป็นอันดับหนึ่ง แม้ในหมู่ชาติ Ukrainians . ใน แหลมไครเมีย ชาติพันธุ์ รัสเซียได้ประกอบด้วยส่วนใหญ่ของประชากร เนื่องจากพฤติกรรมของชาวพื้นเมืองที่ไครเมียตาตาร์ โดยผู้นำโซเวียตโจเซฟสตาลินหลังสงครามโลกครั้งที่สองนี้แตกต่างกับตะวันตกและภาคกลาง ยูเครน ซึ่งในอดีตถูกปกครองโดยความหลากหลายของพลัง เช่น เครือจักรภพโปแลนด์ - ลิทัวเนียและจักรวรรดิออสเตรีย [ 2 ] ในพื้นที่เหล่านี้ ยูเครน ชาติ ชาติ และเอกลักษณ์ทางภาษายังคงอยู่