and motion, the non-Newtonian misco

and motion, the non-Newtonian misconception that a force is required to maintain motion is derived from everyday experience and needs to be replaced and reconciled with the correct and more expansive knowledge that forces cause a change in motion.[44]
The origin of these beliefs toward problem solving may be rooted in class-room instruction. Schoenfeld[45] reported that the problems students are asked to solve in K-12 classrooms are rarely open-ended challenges, but exercises in familiar tasks, with an emphasis on completing these tasks quickly and efficiently. Similar observations have been made by Doyle[46] who analyzed the tasks addressed inside mathematics classrooms: teachers predominantly asked students to solve familiar work rather than novel challenges.
A. PRIOR RESEARCH ON HOW TO CHANGE STUDENTS’ BELIEFS
A key challenge is how to change the beliefs of students so they can develop the skills and approaches needed to solve open-ended, ill-structured problems. Elby[47] and Hammer[48] have proposed infusing explicit discussions about epistemological beliefs throughout a course. These proposals were made in response to the observations made by Redish et al.[13] who documented that students’ beliefs in the structure of physics knowledge often worsen as the result taking physics courses, even reformed courses that improve student

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

และเคลื่อนไหว ความเข้าใจผิด-Newtonian ที่แรงต้องรักษาการเคลื่อนไหวมาจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน และต้องเปลี่ยน และกระทบยอดกับความรู้ที่ถูกต้อง และกว้างขวางมากขึ้นที่บังคับสาเหตุการเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนไหว [44]มาของความเชื่อเหล่านี้ไปสู่การแก้ปัญหาที่อาจฝังรากในการเรียนการสอนในห้องเรียน Schoenfeld [45] รายงานว่า ปัญหาที่นักเรียนจะต้องแก้ในห้องเรียนระดับ K-12 เป็นความท้าทายที่ไม่ค่อยเปิด แต่ออกกำลังกายในงานที่คุ้นเคย ให้ความสำคัญกับการดำเนินการเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ มีข้อสังเกตที่คล้ายกัน โดยดอยล์ [46] ผู้วิเคราะห์งานที่ได้รับการแก้ไขภายในห้องเรียนคณิตศาสตร์: ครูถามนักเรียนเพื่อแก้ปัญหางานที่คุ้นเคยมากกว่านวนิยายท้าทายส่วนใหญ่ก.ก่อนวิจัยบนวิธีการของนักเรียนเปลี่ยนความเชื่อความท้าทายสำคัญคือ วิธีการเปลี่ยนความเชื่อของนักเรียนเพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาทักษะ และวิธีการจำเป็นในการแก้ปัญหาปลายเปิด โครง สร้างไม่ดี Elby [47] และค้อน [48] ได้เสนอเอยสนทนาชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อ epistemological ตลอดหลักสูตร ข้อเสนอเหล่านี้เกิดขึ้นในการตอบสนองที่สังเกตการณ์โดย Redish et al. [13] ที่ได้รับการบันทึกว่า ความเชื่อของนักเรียนในโครงสร้างของความรู้ฟิสิกส์มักแย่ผลการฟิสิกส์หลักสูตร หลักสูตรปฏิรูปแม้ที่พัฒนานักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

และการเคลื่อนไหว, ความเข้าใจผิดที่ไม่ใช่ของนิวตันที่เป็นแรงจะต้องรักษาเคลื่อนไหวได้มาจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันและความต้องการที่จะถูกแทนที่และกระทบกับความรู้ที่ถูกต้องและขยายตัวมากขึ้นว่ากองกำลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนไหว. [44]
ที่มาของเหล่านี้ ความเชื่อที่มีต่อการแก้ปัญหาอาจจะหยั่งรากลึกในการเรียนการสอนระดับห้องพัก Schoenfeld [45] รายงานว่านักเรียนจะถูกถามปัญหาที่จะแก้ปัญหาใน K-12 ห้องเรียนจะไม่ค่อยเปิดกว้างกับความท้าทาย แต่การออกกำลังกายในการทำงานที่คุ้นเคยที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินงานเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ข้อสังเกตที่คล้ายกันได้รับการทำโดยดอยล์ [46] ที่วิเคราะห์งานที่ส่งภายในห้องเรียนคณิตศาสตร์:. ครูถามนักเรียนส่วนใหญ่ในการแก้ปัญหาการทำงานที่คุ้นเคยมากกว่าความท้าทายนวนิยาย
A. งานวิจัยก่อนเกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนความเชื่อของนักเรียน
ความท้าทายที่สำคัญคือวิธีการเปลี่ยนความเชื่อของนักเรียนเพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาทักษะและวิธีจำเป็นในการแก้ปลายเปิดปัญหาที่ไม่ดีโครงสร้าง elby [47] และค้อน [48] ได้เสนอการผสมผสานระหว่างการอภิปรายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อทางญาณวิทยาตลอดหลักสูตร ข้อเสนอเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อข้อสังเกตที่ทำโดย redish et al. [13] เอกสารที่เชื่อว่านักเรียนในโครงสร้างของความรู้ฟิสิกส์มักจะเลวลงเป็นผลการเรียนฟิสิกส์หลักสูตรการปฏิรูปแม้ที่ปรับปรุงนักเรียน