Effects of Dietary Supplementation

Effects of Dietary Supplementation with Ferulic Acid or
Vitamin E Individually or in Combination on
Meat Quality and Antioxidant Capacity of Finishing Pigs
capacity of dried distillers grains with solubles (DDGS) has
been increasing tremendously (Saunders and Rosentrater,
2009). Starch in cereal grains is converted to ethanol and
carbon dioxide during dry-grind processes, thus, DDGS
contains approximately three times the amount of most
nutrients, such as protein, oil, fiber, and minerals, compared
to the original corn (Rosentrater and Muthukumarappan,
2006; Spiehs et al., 2002). Therefore, DDGS is viewed as a
potential feed resource to replace a portion of energy (corn)
and protein (soybean meal) ingredients (Hoffman and
Baker, 2011).
In the past, DDGS was mainly fed to cattle and had not
been used extensively in non-ruminant animal diets
because of high fiber content (Noll et al., 2001; Shurson,
2002). But recently, many researchers thought it would be
more suitable for feeding poultry and swine as it is high in
protein and fat contents (Cheng et al., 2003; Rosentrater
and Muthukumarappan, 2006; S ´wia˛tkiewicz and
Koreleski, 2008). However, because DDGS is high in
unsaturated fatty acids, feeding DDGS diets to finishing
pigs at a high level or over a long period of time could
increase the deposition of unsaturated fatty acids in
adipose tissues, which may lead to some adverse effects
on carcass traits and pork quality, such as producing soft
pork, reducing belly firmness (Whitney et al., 2006;
Widmer et al., 2008), and decreasing the degree of lipid
saturation. Moreover, a higher content of unsaturated
fatty acids has a detrimental effect on pork quality and
shelf life because unsaturated fats are more vulnerable to
oxidation (Whitney et al., 2006). Lipid oxidation may lead
to an increase in off-flavors, odors, and the damage to
sensitive vitamins. Just because of the reasons mentioned
above, researchers have recommended that the appropriate inclusion rate of DDGS in the diets of growing–
finishing pigs was no more than 20% (Shurson et al.,
2004).
Vitamin E (a-tocopherol) is a membrane-associated
antioxidant that can maintain cellular integrity and delay
the lipid oxidation effectively (Hoving-Bolink et al., 1998;
Jensen et al., 1997; Monahan et al., 1992). Researchers
have clearly established that vitamin E could delay lipid
oxidation in meat when used as an ingredient in diets
(Guo et al., 2006a,b; Monahan et al., 1994; Pfalzgraf et al.,
1995).
There is little information on the influence of using
vitamin E as an additive in the feeding diets containing
15% or more DDGS in finishing pigs. In the present
research, 15 and 30% DDGS were used to substitute for
half and all part of the soybean meal of corn–soybean
meal-based diet, respectively. Therefore, the objective of
this research was to evaluate the effects of vitamin E
supplementation on growth performance, carcass characteristic, meat quality, fatty acid profiles and pork shelf life
when pigs fed a high DDGS diets.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลของการเสริมอาหารที่มีกรด Ferulic หรือวิตามินอีในห้องหรือในการผสมในเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพและความจุของสารต้านอนุมูลอิสระสุกรจบความจุของเมล็ดแห้งกลั่นกับsolubles (DDGS) ได้รับการเพิ่มขึ้นอย่างมาก(แซนเดอและ Rosentrater, 2009) แป้งในธัญพืชจะถูกแปลงเป็นเอทานอลและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างกระบวนการแห้งบดจึง DDGS มีประมาณสามครั้งจำนวนเงินที่มากที่สุดสารอาหารเช่นโปรตีนน้ำมันเส้นใยและแร่ธาตุที่เมื่อเทียบกับข้าวโพดเดิม(Rosentrater และ Muthukumarappan , 2006. Spiehs, et al, 2002) ดังนั้น DDGS ถูกมองว่าเป็นทรัพยากรอาหารที่มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของการใช้พลังงาน(ข้าวโพด) และโปรตีน (กากถั่วเหลือง) ส่วนผสม (ฮอฟแมนและเบเกอร์2011). ในอดีตที่ผ่านมา DDGS เป็นอาหารหลักมาจากวัวและไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางที่ไม่ใช่อาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องเพราะเนื้อหาที่มีเส้นใยสูง (Noll et al, 2001;. Shurson, 2002) แต่เมื่อเร็ว ๆ นักวิจัยหลายคนคิดว่ามันจะมากขึ้นเหมาะสำหรับการให้อาหารสัตว์ปีกและสุกรในขณะที่มันจะสูงในโปรตีนและไขมัน(Cheng et al, 2003;. Rosentrater และ Muthukumarappan 2006; S 'wia˛tkiewiczและKoreleski 2008) แต่เนื่องจาก DDGS สูงในกรดไขมันไม่อิ่มตัวกินอาหารDDGS ที่จะจบสุกรอยู่ในระดับสูงหรือในระยะเวลานานของเวลาสามารถเพิ่มการสะสมของกรดไขมันไม่อิ่มตัวในเนื้อเยื่อไขมันซึ่งอาจนำไปสู่บางผลกระทบในลักษณะซากและคุณภาพของเนื้อหมูเช่นการผลิตที่อ่อนนุ่มเนื้อหมูลดความแน่นเนื้อหน้าท้อง (วิทนีย์, et al, 2006. Widmer et al, 2008.) และลดระดับของไขมันอิ่มตัว นอกจากนี้ยังมีปริมาณที่สูงขึ้นของไม่อิ่มตัวกรดไขมันที่มีผลกระทบต่อคุณภาพของเนื้อหมูและอายุการเก็บรักษาเพราะไขมันไม่อิ่มตัวที่มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดออกซิเดชัน(วิทนีย์ et al., 2006) ออกซิเดชันของไขมันอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของนอกรสชาติกลิ่นและความเสียหายให้กับวิตามินที่มีความสำคัญ เพียงเพราะเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนักวิจัยได้แนะนำว่าอัตราการรวมที่เหมาะสมของ DDGS ในอาหารของ growing- หมูจบได้ไม่เกิน 20% (Shurson et al., 2004). วิตามินอี (กโทโคฟีรอ) คือ เมมเบรนที่เกี่ยวข้องสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถรักษาความสมบูรณ์ของเซลล์และชะลอการเกิดออกซิเดชันของไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ(Hoving-Bolink et al, 1998;. เจนเซ่น, et al, 1997;.. Monahan, et al, 1992) นักวิจัยได้สร้างอย่างชัดเจนว่าวิตามินอีสามารถชะลอไขมันออกซิเดชั่เนื้อเมื่อนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร(Guo, et al, 2006a, ข. Monahan et al, 1994;.. Pfalzgraf, et al, 1995). มีข้อมูลน้อยอยู่ใน อิทธิพลของการใช้วิตามินอีเป็นสารเติมแต่งในอาหารการกินอาหารที่มี15% หรือมากกว่า DDGS ในสุกรขุน ในปัจจุบันการวิจัย, 15 และ 30% DDGS ถูกนำมาใช้เพื่อทดแทนการช่วงครึ่งปีและเป็นส่วนหนึ่งของกากถั่วเหลืองข้าวโพดถั่วเหลืองทั้งหมดอาหารอาหารที่ใช้ตามลำดับ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้เพื่อประเมินผลกระทบของวิตามินอีเสริมต่อการเจริญเติบโตลักษณะซากคุณภาพเนื้อ, กรดไขมันและอายุการเก็บรักษาเนื้อหมูเมื่อสุกรเลี้ยงอาหาร DDGS สูง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลของการเสริมกรด ferulic หรือ
วิตามินอีเป็นรายบุคคลหรือในการรวมกันกับ
คุณภาพเนื้อและสารต้านอนุมูลอิสระความจุจบความจุสุกร
แห้ง ธัญพืชลดลงด้วย solubles ( DDGs )
ถูกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ( และ
rosentrater Saunders , 2009 ) แป้งในธัญพืชจะถูกแปลงเป็นเอทานอลและ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างกระบวนการแห้งป่นดังนั้น DDGs
มีประมาณสามเท่าของสารอาหารมากที่สุด
เช่น โปรตีน น้ำมัน ไฟเบอร์ และแร่ธาตุ เมื่อเทียบกับต้นฉบับ ( rosentrater ข้าวโพด

muthukumarappan และ , 2006 ; spiehs et al . , 2002 ) ดังนั้น DDGs ถูกมองว่าเป็นแหล่งอาหารที่มีศักยภาพเพื่อแทน

ส่วนของพลังงาน ( ข้าวโพด ) และโปรตีน ( ถั่วเหลือง ) ส่วนผสม ( ฮอฟแมนและ
Baker , 2011 ) .
ในอดีตส่วนใหญ่เลี้ยงโค DDGs ไม่ได้
ถูกใช้อย่างกว้างขวางในอาหารสัตว์ไม่เคี้ยวเอื้อง
เพราะปริมาณไฟเบอร์สูง ( โนล et al . , 2001 ; shurson
, 2002 ) แต่เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิจัยหลายคนคิดว่า มันจะเหมาะกว่า
การเลี้ยงสัตว์ปีกและสุกรเป็นสูงในโปรตีนและไขมัน
( เฉิง et al . , 2003 ; และ rosentrater
muthukumarappan , 2006 ; S ใหม่ WIA ˛ tkiewicz และ
koreleski , 2008 )อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก DDGs สูง
กรดไขมันไม่อิ่มตัวการให้อาหารสุกรขุน DDGs
ในระดับสูง หรือในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานของเวลาอาจ
เพิ่มการสะสมของกรดไขมันไม่อิ่มตัวใน
กระดาษทิชชู่ adipose ซึ่งอาจนำไปสู่ผลข้างเคียง
ลักษณะซากและคุณภาพเนื้อ เช่น การผลิตนุ่ม
หมู , ลดกระชับหน้าท้อง ( วิทนีย์ et al . , 2006 ;
วิดเมอร์ et al . , 2008 )และลดระดับของไขมัน
ความอิ่มตัว นอกจากนี้ เนื้อหาที่สูงของกรดไขมันไม่อิ่มตัว
มี detrimental ต่อคุณภาพและอายุการเก็บรักษาหมู
เพราะไขมันไม่อิ่มตัวจะเสี่ยงต่อ
ออกซิเดชัน ( วิทนีย์ et al . , 2006 ) การออกซิเดชันของไขมันอาจทำให้
เพิ่มขึ้นในออกรสชาติ กลิ่น และความเสียหาย
วิตามินที่ละเอียดอ่อน เพียงเพราะเหตุผลที่กล่าวถึง
ข้างบนนักวิจัยได้แนะนำที่เหมาะสม การรวมคะแนนของ DDGs ในอาหารของการเจริญเติบโต–
ขุนไม่เกิน 20% ( shurson et al . ,

) ) วิตามินอี ( ทั้งนี้ ) เป็นเยื่อที่เกี่ยวข้อง
สารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถรักษาความสมบูรณ์ของเซลล์และชะลอ
การออกซิเดชันของไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ( โฮวิ่ง bolink et al , . , 1998 ;
เจนเซ่น et al . , 1997 ; โมนาแฮน et al . , 1992 ) นักวิจัย