Future ResearchMy team’s program of

Future Research
My team’s program of research is evolving into three
areas to address neonatal thermal stability and reduce
infant hypothermia. The first area will continue to
explore the link between central and peripheral temperature
and morbidity. Once results from our last
study are reported, we should have enough evidence
to link the irregular time periods of altered vasomotor
tone (when an infant has warmer peripheral temperatures
than central temperatures) with instability
and morbidity. A study will be designed to examine
altered vasomotor tone in relationship to morbidity
such as necrotizing enterocolitis and infection as well
as during blood transfusions in a large multi-center
trial.
Secondly, our team just began a randomized controlled
trial funded by Philips Healthcare to investigate
the use of the InnerSense gastric tube/temperature
probe in 160 VLBW infants to measure
esophageal temperature from birth through stabilization.
In the intervention group, an InnerSense tube is
placed down each infant’s esophagus just after birth
in the delivery room. The tube is then attached to
a small temperature monitor with a continuous display.
Care givers can watch the continuous display for
hypothermic temperatures and react accordingly to
ensure thermal stability during delivery resuscitation
and through stabilization. The InnerSense tube is removed
at 24 hours of age for each infant. The control
group receives standard of care, or temperatures
monitored intermittently with axillary thermometers
or skin surface probes during the delivery room resuscitation
and stabilization in the NICU. The primary
outcome is admission temperature and one
hour temperature means between intervention and
control groups. We hypothesize that infants in the
intervention group will be warmer on admission and
at one hour than the control group infants because
care providers will have a reliable, continuous central
temperature available to facilitate optimal thermal
care. If this trial is successful, the intervention may
become the standard of care in the future.
Lastly, our team is interested in implementing educational
and clinical interventions through collaborative
research in low to moderate resource countries,
such as Rwanda, to decrease the incidence of infant
hypothermia and reduce infant mortality. We have
begun talks with providers in Kigali and will begin
working towards a collaborative working relationship
to better infant outcomes.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิจัยในอนาคตมีการพัฒนาโปรแกรมของทีมวิจัยเป็นสามพื้นที่เพื่อความเสถียรของอุณหภูมิทารกแรกเกิดที่อยู่ และลดhypothermia ทารก พื้นที่แรกจะยังคงสำรวจการเชื่อมโยงระหว่างอุณหภูมิกลาง และอุปกรณ์ต่อพ่วงและเจ็บป่วย เมื่อผลสุดท้ายของเราศึกษารายงาน เราควรมีหลักฐานเพียงพอการเชื่อมโยงไม่สม่ำเสมอ รอบระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลง vasomotorโทน (เมื่อทารกมีอุณหภูมิอุ่นอุปกรณ์ต่อพ่วงกว่าอุณหภูมิกลาง) กับความไม่แน่นอนและเจ็บป่วย การศึกษาจะถูกออกแบบเพื่อตรวจสอบเปลี่ยนเสียง vasomotor ในความสัมพันธ์กับการเจ็บป่วยเช่นลำ enterocolitis และติดเชื้อเป็นอย่างดีเป็นในระหว่างการถ่ายเลือดในหลายศูนย์ใหญ่การทดลองประการที่สอง ทีมงานของเราเริ่มสุ่มควบคุมทดลองที่ได้รับทุนจาก Philips สุขภาพการตรวจสอบการใช้ InnerSense ในกระเพาะอาหารหลอด/อุณหภูมิโพรบใน 160 VLBW ทารกวัดอุณหภูมิที่หลอดอาหารตั้งแต่เกิดผ่านป้องกันภาพสั่นไหวในกลุ่มแทรกแซง หลอด InnerSense เป็นวางลงหลอดอาหารของทารกแต่ละหลังเกิดในห้องคลอด แล้วแนบหลอดจอภาพขนาดเล็กอุณหภูมิที่ มีการแสดงอย่างต่อเนื่องฏิบตัสิดูแลสามารถชมการแสดงอย่างต่อเนื่องสำหรับอุณหภูมิ hypothermic และตอบสนองตามการมั่นในระหว่างกู้ชีพส่งความร้อนและ ผ่านการป้องกันภาพสั่นไหว หลอด InnerSense จะถูกเอาออกเวลา 24 ชั่วโมงของอายุแต่ละคน การควบคุมกลุ่มได้รับมาตรฐานของการดูแล หรืออุณหภูมิตรวจสอบเป็นระยะ ๆ ด้วยเทอร์โมมิเตอร์รักแร้หรือพื้นผิววัดระหว่างชีพห้องคลอดและเสถียรภาพใน NICU หลักผลที่ได้คือ อุณหภูมิเข้าและหนึ่งหมายถึงชั่วโมงอุณหภูมิระหว่างการแทรกแซง และกลุ่มควบคุม เรา hypothesize ทารกที่ในการกลุ่มแทรกแซงจะอุ่นขึ้นค่าเข้าชม และเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าการควบคุมกลุ่มทารกเนื่องจากผู้ให้บริการจะมีเซ็นทรัลเชื่อถือได้ ต่อเนื่องอุณหภูมิพร้อมให้ความร้อนที่ดีที่สุดการดูแล หากการทดลองนี้สำเร็จ การแทรกแซงอาจเป็น มาตรฐานการดูแลในอนาคตสุดท้าย ทีมงานมีความสนใจในการศึกษาและการแทรกแซงทางการแพทย์ผ่านการทำงานร่วมกันวิจัยในประเทศทรัพยากรปานกลาง ต่ำเช่นรวันดา เพื่อลดอุบัติการณ์ของทารกhypothermia และลดอัตราการตายทารก เรามีเริ่มเจรจากับผู้ให้บริการในคิกาลีและจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ทำงานทำงานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าเด็กทารก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวิจัยในอนาคต
ของทีมของโปรแกรมของการวิจัยมีการพัฒนาออกเป็นสาม
พื้นที่ไปยังที่อยู่ของทารกแรกเกิดเสถียรภาพทางความร้อนและลด
อุณหภูมิของทารก พื้นที่แรกจะยังคง
สำรวจการเชื่อมโยงระหว่างอุณหภูมิกลางและอุปกรณ์ต่อพ่วง
และการเจ็บป่วย เมื่อผลสุดท้ายของเรา
การศึกษาจะมีการรายงานที่เราควรจะมีหลักฐานเพียงพอ
ที่จะเชื่อมโยงกับช่วงเวลาที่ผิดปกติของการเปลี่ยนแปลง vasomotor
โทน (เมื่อทารกมีอุณหภูมิอุปกรณ์ต่อพ่วงที่อบอุ่น
กว่าอุณหภูมิกลาง) ที่มีความไม่แน่นอน
และการเจ็บป่วย การศึกษาจะได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบ
เสียง vasomotor การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์กับการเจ็บป่วย
เช่น necrotizing enterocolitis และการติดเชื้อเช่นเดียว
กับในช่วงการถ่ายเลือดในหลายศูนย์ที่มีขนาดใหญ่
การพิจารณาคดี.
ประการที่สองทีมงานของเราเพียงแค่เริ่มควบคุมแบบสุ่ม
ทดลองได้รับทุนจากฟิลิปส์เพื่อสุขภาพและการตรวจสอบ
การใช้งานของหลอด / อุณหภูมิ InnerSense กระเพาะอาหาร
สอบสวนใน 160 ทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อยในการวัด
อุณหภูมิหลอดอาหารแรกเกิดถึงเสถียรภาพ.
ในกลุ่มแทรกแซง, หลอด InnerSense ถูก
วางลงหลอดอาหารแต่ละทารกหลังคลอดเพียง
ในห้องคลอด หลอดที่แนบมาแล้วเพื่อ
การตรวจสอบอุณหภูมิขนาดเล็กที่มีการแสดงผลอย่างต่อเนื่อง.
ผู้ดูแลสามารถชมการแสดงผลอย่างต่อเนื่อง
อุณหภูมิภาวะ hypothermia และตอบสนองตาม
ความมั่นใจในเสถียรภาพทางความร้อนในระหว่างการช่วยชีวิตการส่งมอบ
และผ่านการรักษาเสถียรภาพ หลอด InnerSense จะถูกลบออก
ใน 24 ชั่วโมงของอายุสำหรับแต่ละทารก ควบคุม
กลุ่มได้รับมาตรฐานของการดูแลหรืออุณหภูมิที่
ตรวจสอบเป็นระยะ ๆ ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิรักแร้
หรือฟิวส์ผิวในระหว่างการกู้ชีพห้องคลอด
และการรักษาเสถียรภาพในหออภิบาล หลัก
ผลคืออุณหภูมิเข้ารับการรักษาและเป็นหนึ่งใน
อุณหภูมิระหว่างชั่วโมงหมายความว่าการแทรกแซงและ
กลุ่มควบคุม เราตั้งสมมติฐานว่าทารกที่อยู่ใน
กลุ่มแทรกแซงจะอุ่นขึ้นในการสมัครเรียนและ
ในหนึ่งชั่วโมงกว่าทารกกลุ่มควบคุมเนื่องจาก
ผู้ให้บริการดูแลจะมีความน่าเชื่อถือกลางอย่างต่อเนื่อง
อุณหภูมิพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการระบายความร้อนที่ดีที่สุด
ในการดูแล หากการทดลองนี้จะประสบความสำเร็จการแทรกแซงอาจ
กลายเป็นมาตรฐานของการดูแลในอนาคต.
สุดท้ายทีมงานของเรามีความสนใจในการดำเนินการศึกษา
การแทรกแซงทางคลินิกและผ่านความร่วมมือ
การวิจัยในระดับต่ำถึงปานกลางประเทศทรัพยากร
เช่นรวันดาเพื่อลดอุบัติการณ์ของทารก
อุณหภูมิและลดการตายของทารก เราได้
เริ่มการเจรจากับผู้ให้บริการในคิกาลีและจะเริ่ม
ทำงานที่มีต่อความสัมพันธ์การทำงานร่วมกัน
เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าทารก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในการวิจัยในอนาคตโปรแกรมทีมของฉันการวิจัยพัฒนาเป็นสามพื้นที่ที่อยู่เสถียรภาพทางความร้อน การเกิดและลดทารกเกิด พื้นที่แรกจะยังคงสำรวจการเชื่อมโยงระหว่างอุณหภูมิกลางและอุปกรณ์ต่อพ่วงและการเจ็บป่วย . เมื่อผลลัพธ์จากครั้งสุดท้ายของเราการศึกษารายงาน เราต้องมีหลักฐานเพียงพอการเชื่อมโยงที่ผิดปกติของการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลา vasomotorโทน ( เมื่อทารกมีอุณหภูมิอุ่น อุปกรณ์ต่อพ่วงกว่าอุณหภูมิกลาง ) มีความไม่มั่นคงและการเจ็บป่วย . การศึกษาจะถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์กับการ vasomotor โทนเช่น คนไร้ค่าและติดเชื้อได้เช่นกันเนื่องจากในเลือดในเลือดขนาดใหญ่หลายศูนย์ทดลองประการที่สอง ทีมของเราเพิ่งเริ่มสุ่มทดลองได้รับการสนับสนุนโดยฟิลิปส์สุขภาพเพื่อศึกษาใช้หลอด / กระเพาะอาหาร innersense อุณหภูมิตรวจ 160 vlbw ทารกที่จะวัดโดยใช้อุณหภูมิตั้งแต่เกิดผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพในกลุ่ม เป็น innersense หลอดคือวางลงในแต่ละหลอดอาหารทารกหลังคลอดในห้องคลอด หลอดแล้วแนบกับตรวจสอบอุณหภูมิขนาดเล็กที่มีจอแสดงผลอย่างต่อเนื่องผู้ดูแลสามารถชมการแสดงอย่างต่อเนื่องไฮโปเธอร์มิคและตอบสนองตามอุณหภูมิให้เสถียรภาพทางความร้อนระหว่างการช่วยชีวิตและผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ การ innersense หลอดออกที่ 24 ชั่วโมงของแต่ละอายุ สำหรับทารก การควบคุมกลุ่มที่ได้รับมาตรฐานของการดูแล หรือ อุณหภูมิการติดตามเป็นระยะๆ ด้วย แบบ ตามซอกใบหรือผิวโพรบในห้องคลอดชีพและเสถียรภาพใน ICU ปฐมภูมิผลคือ อุณหภูมิระดับหนึ่งชั่วโมงหมายถึงการแทรกแซงและอุณหภูมิระหว่างกลุ่มควบคุม เราพบว่าทารกในกลุ่มที่เข้ารับการรักษาจะอุ่นในหนึ่งชั่วโมงกว่ากลุ่มควบคุมทารกเพราะผู้ให้บริการการดูแลจะต้องเชื่อถือได้ กลางอย่างต่อเนื่องอุณหภูมิของความร้อนเพื่อความสะดวกที่เหมาะสมการดูแล ถ้าโครงการนี้สำเร็จ โดยอาจกลายเป็นมาตรฐานของการดูแลในอนาคตท้ายนี้ ทีมงานของเรามีความสนใจในการดำเนินงานการศึกษาและการแทรกแซงทางคลินิกผ่าน )งานวิจัยในประเทศทรัพยากรต่ำถึงปานกลางเช่น รวันดา เพื่อลดอุบัติการณ์ของทารกการเกิดและลดอัตราการตายของทารก เรามีเริ่มเจรจากับผู้ให้บริการในคิกาลี และจะเริ่มต้นทํางานต่อการทำงานร่วมกัน ความสัมพันธ์ดีกว่าผลลัพธ์ของทารก